บ้าน...ความรัก...ความเข้าใจ


 

บ้าน...ความรัก...ความเข้าใจ...

...บ้านคือวิมานของเรา  ยามทุกข์ยามเศร้ารีบกลับบ้านเราจะเปรมปรีดา  เพราะบ้านมีรัก น้ำใจ  อภัย  กรุณา  คอยเราอยู่ทุกเวลาในชายคาเขตบ้านของเรา

หลายท่านคงเคยได้ยินบทเพลงนี้มาบ้างแล้ว  และหลายท่านอาจร้องเพลงนี้ได้  แต่เพลงบทนี้ถึงจะมีความไพเราะและมีเนื้อหาดีเพียงใด  ถ้าหากในชีวิตจริงบ้านของเราไม่ได้เป็นจริงตามเพลงบทนี้  มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า  นอกจากเป็นเพียงเพลงปลอบใจเราเท่านั้น

บ้าน  คำๆนี้  ดูจะมีความหมายกับเราทุกคน  บ้านเป็นที่ที่เราคุ้นเคยมากที่สุด  บ้านเป็นที่ให้ความรู้สึก  ความผูกพันและประสบการณ์ที่หลากหลายแก่เรา  ไม่ว่าจะเป็นความรัก  ความพอใจ  ความดีใจ  ความเสียใจ  ความสมหวัง  ความผิดหวัง  ฯลฯ  บ้าน..ความรัก..ความเข้าใจ..น่าจะเป็นสิ่งที่เราทุกคนปรารถนามากที่สุดเราเป็นพ่อเป็นแม่ของลูก  ต่างก็คิดว่าได้พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว  ที่จะทำให้ครอบครัวของเรา  บ้านของเรา  อบอวลไปด้วยความสุข  แต่ในโลกความเป็นจริงมันอาจไม่ได้เป็นไปตามดังที่ใจเราคิดหลายสิ่งหลายอย่างที่ลูกเราพูดที่ลูกเราทำยิ่งดูเหมือนทำให้เราไม่เข้าใจลูกเรามากขึ้น ความรักความผูกพันที่เราอยากให้เกิดอาจกลายเป็นความเหินห่างที่นับวันจะมีมากขึ้น  ทำอย่างไรสิ่งเหล่านี้จึงไม่เกิดขึ้นกับเรา

เราที่เป็นพ่อเป็นแม่ลองกลับมานึกทบทวนว่าเราได้ทำสิ่งเหล่านี้ไปมากน้อยเพียงใด

1.  ให้ความรักแก่ลูกตามแบบที่ลูกต้องการ  พ่อแม่หลายคนมักให้ความรักในแบบที่ตนเองคิดว่าลูกต้องการพ่อแม่บางคนคิดว่าการที่ตนเองออกไปทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเหน็ดเหนื่อยเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวเป็นการให้ความรักแก่ลูกที่ดีที่สุด  พ่อแม่บางคนซื้อสิ่งของสารพัดอย่างที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก  ความบันเทิงเพลิดเพลินต่างๆโดยไม่เคยถามว่าลูกต้องการหรือไม่  แล้วก็ไปคิดเอาเองว่านี่คือการให้ความรักแก่ลูกพ่อแม่แบบนี้มักคิดเข้าข้างตนเองว่าเราเป็นพ่อเป็นแม่ที่เข้าใจลูกมากที่สุด  รู้ว่าลูกเราคิดอะไร  รู้ว่าลูกเราต้องการอะไร  แล้วก็คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำไปนั้นเป็นการให้ความรักแก่ลูกที่ดีที่สุดแล้ว  พ่อแม่ที่ต้องการให้ความรักแก่ลูกตามแบบที่ลูกต้องการนั้น  เพียงความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ  แต่พ่อแม่ยังต้องเข้าใจความรักของลูกด้วยว่าเป็นเช่นไร การพูดคุยกับลูกดูจะเป็นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดที่ทำให้พ่อแม่เข้าใจความรักตามแบบที่ลูกต้องการได้  สำคัญอยู่ที่ว่าพ่อแม่ต้องมีความตั้งใจจริงเท่านั้น  เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพ่อแม่มักจะมีเหตุผลต่างๆนาๆที่ไม่สามารถทำตามนี้ได้

2.  ให้โอกาสแก่ลูกที่จะเติบโตได้อย่างอิสระ  พ่อแม่ย่อมดูแลทะนุถนอมเป็นห่วงเป็นใยลูกยิ่งกว่าชีวิตของตนเองอยากเห็นลูกเจริญเติบโตมีความก้าวหน้ามีความสุขในชีวิตและเพราะความห่วงใยลูกนี่เอง  ทำให้พ่อแม่หลายคนคิดไปว่า  เราเป็นเจ้าของชีวิตลูกของเราเราอยากที่จะปั้นจะแต่งลูกของเราเป็นไปตามที่เราปรารถนา  ที่เราคิดว่าเป็นหนทางหรือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรา  บางครั้งเราอยากให้ลูกเป็นเสมือนตัวแทนของเราให้ลูกได้เรียนได้ศึกษา  ได้ทำงาน  เหมือนกับที่เราประสบความสำเร็จอยู่ในขณะนี้หรือบางครั้งเราก็อยากให้ลูกได้เรียนได้ทำงานในสิ่งที่เราเคยหวังเคยอยากจะเป็น  ลูกจึงกลายมาเป็นสิ่งที่ชดเชยความไม่สมหวัง ความใฝ่ฝันที่เราเคยอยากจะเป็น ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกจึงกลายเป็นความรักที่มีเงื่อนไข  เป็นความรักที่ขึ้นอยู่กับความต้องการ  ความปรารถนาของพ่อแม่  ที่จริงแล้วพ่อแม่ควรส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกได้เจริญเติบโตตามศักยภาพ  ตามความสามารถที่ลูกมีอยู่  ให้ลูกได้มีโอกาสเลือกทางเดินชีวิตตามที่เขาปรารถนา  พ่อแม่ควรเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจแก่ลูก  และชื่นชมกับความสำเร็จความสมหวังของลูก

3.  เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก  พ่อแม่หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า  พ่อแม่เป็นครูของลูก”  พ่อแม่เป็นบุคคลแรกที่ลูกได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมมากที่สุดการกระทำใดๆที่พ่อแม่ทำให้ลูกเห็น  คำพูดทุกคำที่พูดให้ลูกได้ยิน  และอารมณ์ใดๆที่พ่อแม่แสดงออกมา  ลูกของเราก็จะรับรู้และซึมซับสิ่งต่างๆเหล่านั้นเข้าไปไม่มากก็น้อย  พ่อแม่จึงควรกระทำสิ่งต่างๆในทางที่ดีที่ถูกต้องที่เหมาะสม  ไม่ว่าจะเป็นการกระทำคำพูดการแสดงอารมณ์ต่างๆ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก  การเป็นพ่อแม่นั้นใครๆก็เป็นกันได้  แต่การเป็นพ่อแม่ที่ดี  เป็นแบบอย่างที่ดีกับลูกนั้น  พ่อแม่ต้องรู้จักการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ดี  ต้องรู้จักการเลี้ยงลูกแบบรักสนับสนุน  โดยให้คำชมเมื่อลูกทำสิ่งที่ดี  และต้องรู้จักเลี้ยงลูกโดยใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์  โดยอธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจเมื่อต้องการให้ลูกทำสิ่งต่างๆหรือตักเตือนลงโทษลูก  การเลี้ยงลูกแบบรักสนับสนุนและใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์นี้  เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้

เราเป็นพ่อเป็นแม่ได้ทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แล้วหรือยัง  เราหลาย ๆ คนอาจได้ทำไปแล้ว  แต่อาจมีอีกหลาย ๆ คนที่ยังไม่ได้ทำ ลองทำดูสิครับแล้วท่านอาจจะพบว่า ...บ้านคือวิมานของเรายามทุกข์ยามเศร้ารีบกลับบ้านเราจะเปรมปรีดา  เพราะบ้านมีรัก  น้ำใจ  อภัย  กรุณา  คอยเราอยู่ทุกเวลาในชายคาเขตบ้านของเรา... เป็นสิ่งที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

                                                       ------------------------------------

หมายเลขบันทึก: 509748เขียนเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2012 12:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 21:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท