วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2555
ตอนกลางวันระหว่างพักเที่ยง หนูนั่งถามตนเองกับอะไรหลาย ๆอย่างของชีวิต หนูเป็นคนโชคดีมาก โชคดีจริง ๆมาตลอดชีวิตก็ว่าได้ แต่ก็น่าอนาจใจที่มีกรรมไม่อาจจะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มี ด้วยความเห็นแก่ตัวที่อัดแน่นอยู่ข้างใน
พอลงมือทำ กิเลสก็เอาไปกิน พอไม่ทำกิเลสก็เอาไปกิน
เคยถามตนเองนะเจ้าค่ะ อันไหนจะสียหายน้อยกว่ากัน
แม้กระทั่งการเอ่ยถึงครู
ระหว่างการอ้างครู
กับการระลึกถึงครูต่อผู้อื่น
ใจนี้มันยังโง่สับสน
ความเศร้าหมอง หนูปฏิเสธไม่ได้
ยอมรับค่ะที่พยุงอยู่ได้เพราะครู
หนูดึงใจตนเองขึ้นมาก่อนที่จะเขียนจดหมาย
อย่าเอาขยะออกไปให้คนอ่านได้รับพิษ
หนูได้เรียนรู้อะไรกับสองสามวันที่ผ่านมา
เสียงที่เกิดจากสติของหนูมันเบา ทำให้พลาดเยอะในการทำสิ่งต่าง ๆ
โชคดีที่ยังมีครูคอยระวังภัย
หากไม่มีครู หนูคงหนักหนากว่านี้
หากไม่มีครูคงบ้าไปแล้วแน่ๆเลยค่ะ
ที่ยังพอมีโอกาสแก้ไข เพราะหลายครั้งแทบจะทุกครั้งครูเอาตัวเข้าแลก
เมื่อคืนกว่าหนูจะขับรถถึงบ้านพักก็ห้าทุ่มเจ้าค่ะ ตังค์เหลือไม่มากพอที่จะเติมน้ำมัน แต่เป็นการตั้งใจกับตนเองด้วยว่า ลองฝึกกับตนเองดู ตาที่ปราศจากแว่นทำให้ต้องตั้งสติและระวังการขับขี่มากขึ้น
เรื่องนี้ก็เป็นบทพิสูจน์การไม่เจริญสติของหนูเอง ศีลไม่ดีศีลห้าขาดทะลุ ศีลข้อสี่ย่ำแย่ ศีลข้อหนึ่งก็สร้างกรรมหนักอยู่ร่ำไป ก็เป็นเหตุให้ได้มีโอกาสได้เห็นผลกับตนเองเจ้าค่ะครู
สำนึกรับผิดชอบที่แท้ มีน้อยมากแทบจะไม่มี เหมือนเป็นของดีที่หนูทำหล่นหายไปจากชีวิต
ภาพเมื่อคืนคือ หนูจอดรถหน้าบ้าน ได้รับ sms จากครูแทบน้ำตาร่วงกับความชั่วของตนเอง ที่ครูยังเมตตาให้อภัย เอนหัีงหลับตากับตนเองเหนื่อยล้ากับกิเลสที่พอกพนูเต็มใจแต่ไม่มีปัญญาจะทำอะไรกับมันได้ หลวงพี่ก็เมตตาให้กำลังใจ
หนูหลับไปทั้งๆที่ไม่ได้เข้าบ้าน ตีสามลืมตามขึ้นมา นาฬิกาเตือนให้้รักษาข้อวัตร
จะเริ่มยังไงดีกับตนเอง
หนูอยากให้ตนเองไม่ดื้อ ไม่สร้างปัญหา
แต่เผลอทีไรก็พลาดทุกทีเจ้าค่ะ
เรื่องข้างนอกหนูยังเป็นอาการวิ่งตาม ทำ ทำ ทำ เป็นหลักยึดให้กลับไปหาครูเพราะเป็นโอกาสที่ครูเมตตาให้ได้รับใช้
เรื่องข้างในหนูก็ยังจัดว่า ไม่เอาไหน
ชีวิต ณ ตอนนี้มันเป็นแบบนี้เลยปรากฏให้เห็น
กอดศีล อย่างที่ครูเมตตาบอกว่า จันทร์ถึงศุกร์รักษาศีล 5 ไปทำงานใส่ชุดที่ครูเมตตาให้มรดกมา
เสาร์อาทิตย์ศีล 8
ก็ต้องทำกับตนเองสักตั้ง
ไม่มีความเห็น