วันที่ ๑๐ - ๑๒ ต.ค. ๕๕ ผมไปฝังตัวเรียนรู้ และหาความสุขจากวงวิชาการ โดยร่วมการประชุม นักวิจัยใหม่...พบ...เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ครั้งที่ ๑๓ ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท รีเจ้นท์ บีช ชะอำ
เป็นครั้งแรกในหลายปี ที่ผมสามารถอยู่ร่วมประชุมนี้ได้ตลอดการประชุม ในท่ามกลางนักวิจัยชั้นเยี่ยมของประเทศหลากหลายรุ่น จำนวนประมาณ ๙๐๐ คน ได้พบกัลยาณมิตรที่ไม่ได้พบกันนาน ได้รับทราบและฟังเรื่องราวความสำเร็จของนักวิจัยรุ่นน้องและรุ่นลูก เกิดความปิติสุขเป็นอันมาก
เริ่มจากรายการแรกของงาน คือการบรรยายหมู่ เรื่อง เส้นทางสู่วุฒิภาวะของนักวิจัย โดยนักวิจัยระดับยอด ๔ ท่าน ใน ๔ สาขา ฟังแล้วเกิดความปิติ มีความสุข ที่ได้รับรู้เรื่องราวในชีวิตนักวิจัย ที่เรียนและฝึกฝนทักษะการทำงานวิจัยมาอย่างดีเยี่ยม แล้วเมื่อทำงานวิจัยก็ต้องอดทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อของสังคมไทย แต่ท่านเหล่านี้ก็ไม่ย่อท้อ ทำงานวิจัยต่อเนื่อง โดยมีแหล่งทุนวิจัยสนับสนุน มีการสนับสนุนจากระบบการบริหารงานของมหาวิทยาลัย และมีความร่วมมือกับต่างประเทศ และบางท่านได้รับทุนวิจัยจากต่างประเทศด้วย
ที่น่าสนใจคือ ๒ ท่านที่ทำงานในมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดเอ่ยเรื่องการถูกเพื่อนร่วมงานพูดจาเหน็บแนม ว่าการทำงานวิจัยเป็นการแสดงความเห็นแก่ตัว ในขณะที่ ศ. ดร. ปิยะรัตน์ โกวิทตรพงศ์ แห่งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่าโชคดีมากที่คณะตั้ง Center of Neuroscience ให้ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ส่วน ศ. ดร. อารยะ ปรีชาเมตตา บอกว่าตนทำงานด้านเศรษฐศาสตร์ ไม่ต้องการพื้นที่สำหรับทีมวิจัยมากนัก แต่ก็ยังหาไม่ค่อยได้
ผู้บรรยายหมู่อีก ๓ ท่านคือ ศ. ดร. นพ. นิพนธ์ ฉัตรทิพากร แห่งศูนย์วิจัยและฝึกอบรม สาขาโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ และภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช., ศ. ดร. สุทธวัฒน์ เบญจกุล คณะอุตสาหกรรมเกษตร มอ., และ ศ. ดร. อารยะ ปรีชาเมตตา คณะเศรษฐศาสตร์ มธ. ทั้ง ๔ ท่านเป็นเมธีวิจัยอาวุโส สกว.
ตอนบ่ายผมไปฟังการนำเสนอผลงานสาขาชีววิทยาและชีววิทยาศาสตร์ และบ่ายแก่ๆ ไปฟังที่ห้องสาขาสังคมศาสตร์
ห้องสาขาชีววิทยาและชีววิทยาศาสตร์ที่ผมไปฟังเป็นเรื่องของหมอฟันทั้ง ๔ เรื่อง ที่ผมไปฟังก็เพราะอยากฟัง อ. หมอนิก (พีรนิธ กันตะบุตร) นำเสนอเรื่อง Molecular Genetics of Dental Anomalies, Orofacial Clefting, and Ankyloglossia ซึ่งเป็นการเล่าผลงานตลอดชีวิตของท่าน พบว่าท่านเล่าอย่างมีสีสันน่าสนใจมาก การวิจัยกลุ่มอาการสมัยก่อนตรวจได้แค่ลักษณะทางกายภาพ และศึกษาครอบครัว เดี๋ยวนี้ทำ gene sequencing ได้โดยง่าย ช่วยให้การศึกษากลุ่มอาการมีความก้าวหน้าไปมาก อ. หมอนิกมีครอบครัวใหญ่ที่เป็นโรคหรือกลุ่มอาการที่ท่านศึกษาหลายครอบครัว ที่กระตุ้นการอภิปรายว่าทำไมหมอไม่แนะนำให้เขางดมีลูก เสียดายที่เวลาจำกัด การอภิปรายนี้จึงต้องยุติไปโดยยังไม่ได้ทำความเข้าใจกันให้ชัดเจน ผมพบว่า ที่ห้องสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การนำเสนอ และถามตอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และหมอฟันพูดภาษาอังกฤษเก่ง และสำนวนดีมาก
ที่ห้องสังคมศาสตร์ ใช้ภาษาไทยทั้งหมด ผมไปฟังเรื่อง Corporate Governance and Financial Reporting, เรื่องการพัฒนาการอ่านของนักเรียน, และเรื่อง Inquiry-based Learning Module เป้าหมายของการฟังเพื่อสังเกตความเชื่อมโยงระหว่างวิชาการกับชีวิตจริง หรือ academic social engagement และเกิดแนวความคิดว่า มหาวิทยาลัยต้องพัฒนาวิธีจัดการความเชื่อมโยงนี้
ตอนค่ำมีบริษัทเอกชน ๒ บริษัทมาพูดเรื่องที่มีประโยชน์ต่อนักวิจัย ๒ เรื่อง คือเรื่อง SNIPซึ่งเป็นดัชนีใหม่ที่บริษัท Elsevier – Scimago คิดขึ้น กับเรื่องการจัดการ IP โดยวิศวกรจากบริษัทที่ปรึกษาจากสิงคโปร์ ชื่อ Axis Intellectual Capital ฟังแล้วเห็นว่ามีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นมากมายทั้งสองเรื่อง และผมเข้าใจว่า พัฒนาการในประเทศไทยช้ากว่าพัฒนาการของโลก
วันที่ ๑๑ ต.ค.ความชื่นใจขึ้นสูงยิ่งขึ้นเมื่อผมไปฟังรายงานผลการวิจัยในห้อง Social Science I สองเรื่องสุดท้ายของวันเป็นเรื่อง เมืองเก่ากับเกสต์เฮ้าส์ที่เชียงใหม่ กับเรื่องถนนคนเดินแบบตลาดนัดในเมือง (ศึกษาทั่วประเทศไทย เทียบกับของต่างประเทศ) จากเชียงใหม่ทั้งคู่ แต่จากคนละมหาวิทยาลัย ผมคิดว่าทั้ง ๒ เรื่องนี้เป็นผลงานวิจัยที่มีคุณภาพสูง นักวิจัยทั้ง ๒ ท่านนี้จบ ป. ตรี จาก สจล. ทั้งคู่
ยิ่งคืนวันที่ ๑๑ ยิ่งสนุก เป็น ๒ ชั่วโมงที่ประเทืองปัญญายิ่งกับการเสวนา “ความสำเร็จในการขอทุนวิจัย และการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำ” ที่ผู้อาวุโสในห้องที่ผมเข้าร่วม (กลุ่ม biomedical science) ให้ความเห็นแบบไฟแลบ มีสาระและมุมมองที่หลากหลาย และมีหลายกรณีแตกต่างกันไปในทางตรงกันข้าม เมื่อถึงเวลาเลิกตอนสามทุ่ม ศ. ดร. วันเพ็ญ ชัยคำภา โบ้ยมาให้ผมกล่าวปิด ผมเรียนที่ประชุมว่า การวิจัยเป็นเรื่องซับซ้อน สิ่งที่เราคุยกันคืนนี้ แต่ละคำถามมีหลายคำตอบ ดังนั้นคำแนะนำคืออย่าเชื่อ หรืออย่าด่วนเชื่อ ให้คิดไตร่ตรองจากบริบทที่เราอยู่เสียก่อน แล้วก็ปิดประชุม
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ต.ค. ๕๕
ไม่มีความเห็น