การอาบน้ำด้วยระบบน้ำหยด
คนเราชินกับการใช้น้ำล้างที่เปลืองมาก เวลาผมล้างชาม ผมใช้น้ำประมาณจานละถ้วยตะไลเท่านั้น แต่สะอาดเท่าเทียม และรวดเร็วเท่ากับวิธีปกติที่ใช้น้ำเป็นขัน การอาบน้ำก็เช่นกัน มันไม่ต้องการน้ำสาดโชกๆ ปานนั้นหรอก มันเว่อไปร้อยเท่า
ผมคิดมานานแล้วว่า การอาบน้ำด้วยระบบฝักบัวนั้น มันเปลืองมหาศาลเกินความจำเป็นไปร้อยเท่า ทั้งน้ำ ทั้งไฟฟ้า ถ้าเราอยากอยู่แบบพอเพียง และยังต้องการอาบน้ำแบบสายน้ำรดตัว ผมขอแนะนำดังนี้
ให้ใช้ระบบน้ำหยด โดยหยดรดหัวตรงๆ (ไม่มีมุมเอียงแบบฝักบัว )
วิธีการคือ ให้เอาขวดพลาสติกขนาดใหญ่ (เช่น ขนาด ๖ ลิตร) มาเจาะก้นสักเท่ากำปั้น เพื่อเทน้ำเข้าได้ให้เต็ม แล้วเอาไปห้อยไว้กับขื่อห้องน้ำ ให้คว่ำจุกลง จากนั้น เอาตะปูเจาะฝาจุกให้น้ำรั่วหยดลงมารดหัวเรา
ที่คอขวดเอาด้ายผูกไม้ไผ่หัวแหลมไปห้อยไว้ด้วย พอเรากำลังถูสบู่ ก็หยุดน้ำด้วยการเอาหัวไม้ไผ่ไปทิ่มปิดรูไว้
แบบนี้เราจะใช้น้ำน้อยมาก ไม่น่าถึงสามลิตรด้วยซ้ำ ก็สะอาดได้ทั่วร่างกาย ใครมีหัวช่าง อาจทำฝาจุก เป็นรูสองชั้น ทำเป็นฝักบัวได้เลย พอจะหยุดน้ำก็หมุนฝาจุกปิดรูเท่านั้นเอง
สำหรับการแขวนขวดให้ห้อยนั้น ก็สุดแล้วแต่ ถ้าไม่มีขื่อก็ต้องสร้างคานขึ้นมา หรือทำเป็นราวลวด หรือ เอาขาหยั่งไปห้อยก็ได้
ถ้าต้องการน้ำอุ่นก็ไม่ยาก ให้เอาน้ำมาต้มเสียก่อน ด้วยระบบไฟรีไซเคิลจากตะเกียงน้ำมันพืชใช้แล้วที่ผมได้โพสต์ไว้แล้ว
การห้อยขวดไม่ยากครับ คือให้เอาถุงพลาสติกเจาะรูที่ก้น แล้วเอาจุกขวดโผล่รอดออกไปที่รู ยกหูถุงขึ้น (ซ้อนกันสักสองสามใบ) แล้วเอาหูถุงไปห้อย ถุงมันจะประคองขวดไ่ม่ให้ล้มได้เป็นอย่างดี และรองรับนน. ด้วย
ผมเคยคิดจะให้นศ. ป ตรี ทำโครงงาน สร้างเครื่องฝักบัวน้ำอุ่นโดยวิธีนี้แบบใช้ง่าย คือ พอเข้าไป ก็เติมน้ำให้เต็มขวด จุดไฟต้มน้ำด้วยระบบน้ำมันพืชใช้แล้ว หมุนจุกฝักบัว ก็อาบน้ำอุ่นได้เลยแบบทันที โดยไม่ต้องรอด้วย
ท่านใดคิดจะเอาไปทำใช้เอง แล้วยังสงสัยก็เมล์มาหาได้นะครับ คงสนุกพิลึกถ้าให้นศ. วิศว ทำเป็นโครงงานปริญญาตรี (ต้องคำนวณมากด้วยนะ ไม่งั้น น้ำร้อนไป เย็นไป )
อย่างน้อยก็เผื่อไว้ ยามข้าวยากหมากแพง เด๊อพี่น้องเด๊อ อย่าชะล่าใจว่ามีเงินทองซื้อหาน้ำอุ่นอาบสาดเสียเทเสียได้ง่ายๆ
...คนถางทาง (๔ พย. ๕๕)
ทำดีๆ เป็นสินค้าซื้อไว้ประจำบ้านใช้อาบน้ำเวลาน้ำไม่ไหลหรือน้ำท่วมก็น่าสนใจนะครับ
มันจะอาบลำบากไปมั๊ยค่ะอาจารย์
ชลัญฯครับ เราชินกับความง่ายเิกินไปหรือเปล่า แบบที่ฝรั่งเรียกว่า take it for granted น่ะ
เหมือนต้นไม้เลยนะครับ
...ยุคสมัยนี้..คนจน..ก็ประหยัดอยู่แล้ว.."อาบเหงื่อ..ต่างน้ำ"...๕๕๕๕๕...(ยายธี)