ใบไม้ใบนั้น...


คนที่เดินผ่านคงเห็น แต่ไม่เห็น ว่านี่คือใบไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ตัวแทนของธรรมะ ตัวแทนของการหลุดพ้น ฯลฯ

ผมมีธุระต้องไป Lotus Express แห่งหนึ่งใน กทม. เมื่อทำภารกิจเสร็จก็เดินกลับที่จอดรถ เป็นทางเดินข้างอาคารใหญ่ ผมพบใบโพธิ (ผมเดาว่าเป็นใบโพธิ์ หากไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเพราะเหมือนมากๆ) ใบนี้ที่ทางเท้าอย่างแปลกใจมากๆ เพราะ ผมมองไปรอบๆไม่เห็นต้นโพธิ มีแต่ตึกและการจราจรที่หนาแน่น  ผมว่าเป็นใบไม้ที่สวยงามมากจึงหยิบเอามาเก็บกลับบ้าน พร้อมจิตก็นึกไปถึง ศาสนา หลักธรรม ความสำคัญของต้นโพธิ์ที่เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์

ใบไม้ใบนี้ถูดเหยียบย่ำมานานเท่าไหร่แล้วไม่ทราบ  คนที่เดินผ่านคงเห็น(ว่าเป็นเศษใบไม้ใบหนึ่งที่ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่ใบไม้ จิตเขานึกถึงอย่างอื่นๆ) แต่ไม่เห็น ว่านี่คือใบไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ตัวแทนของธรรมะ ตัวแทนของการหลุดพ้น ฯลฯ ผมรู้สึกว่าเมื่อผมเห็นนั้น สำนึกผมดึงกลับมาอยู่ที่ตัวแทนของความบริสุทธิ์...

ผมไม่ได้เขียนเพื่อมาอวดอ้างตัวตนว่าดีเลิศประเสริฐศรีใดๆนะครับ แค่สะท้อนออกมาเฉยๆว่า ผมเห็นใบไม้ใบนี้แล้วผมรู้สึกอะไร..

ที่แปลกไปอีกคือ วันต่อมาผมไปธุระเรื่องเดิม สถานที่เดิมอีก  ผมได้มาอีก 1 ใบ และวันที่ 3 ผมก็ได้มาอีก 1 ใบ แต่หลังสุดนี้ สภาพใบยับเยินทีเดียว เพราะถูกเหยียบน่ะซีครับ

ทั้งสามใบอยู่ในครอบครองของผม หรืออาจจะเรียกว่า ผมเอาเศษเท้าของประชาชนที่เหยียบผ่านใบไม้นี้มาเก็บไว้ แล้วระลึกถึงธรรมะ

ไม่มีวันที่ 4 เพราะผมมีกำหนดการไปที่อื่น....

อย่างไรก็ตาม สภาพงาน สังคมเมืองหลวงที่วุ่นวายตลอดเวลานั้น ทำให้ผมวุ่นวายใจมาตลอดเพราะไม่ชอบการใช้ชีวิตในสภาพแบบนี้ แต่ความจำเป็นต่างหากที่จะต้องอยู่

ใบไม้ใบนี้ทำให้ผมเย็นลงเยอะเลยครับ.....

หมายเลขบันทึก: 506525เขียนเมื่อ 22 ตุลาคม 2012 21:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม 2012 00:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • ใบไม้สวยมาก
  • คิดถึงพี่บางทราย
  • หายไปนานมากๆ
  • สบายดีไหมครับ

 สวัสดีค่ะพี่บางทราย

ใบโพธิ์แน่ๆ ค่ะ แต่สีสันแปลกตามากๆ และยังได้เจอตั้ง 3 วัน 3 ใบอีกด้วย
หากมาแถวๆที่ทำงานน้อง อาจมีการใบ้ตัวเลข ไปซื้อหวยแล้วค่ะ  ^_^

สำหรับน้องคิดว่าใบโพธิ์เป็นใบไม้ที่มีรูปทรงและเส้นสายลายใบสวยคลาสสิกที่สุด (เหมือนที่รู้สึกกับใบเมเปิ้ล) ค่ะ

ดีใจที่ท่านกลับมา .... กลับมาแล้ว เพื่อนๆๆ น้องๆๆคิดถึง นะคะ

สวัสดีครับ น้องขจิต น้องโหล และคุณหมอครับ (คุณหมออย่าเรียกผมท่านเลย เขินอ่ะ) ความจริงผมก็ไม่ได้ไปไหน เข้ามาอ่านอยู่ครับ เพียงไม่ได้โผล่หน้า และไม่ได้ทิ้งร่องรอยน่ะครับ พยายามใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ตามสมควรแต่สถานภาพ อิอิ

มีเรื่องราวมากมายที่อยากเขียน แต่หลายเรื่องก็เป็นมารยาทที่จะไม่เขียน เพราะไปกระทบองค์กร ตัวบุคคลที่ยังทำงานอยู่ ทั้งที่อยาก..เขี๊ยน อยาก..เขียน อิอิ หากตัดสินใจเขียนก็คงใช้นามสมมติทั้งหมด

ผมได้นั่งคุยกับท่านเลขาธิการ สปก. ดร.วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ ซึ่งผมมีโอกาสทำงานกับท่านมา 2 โครงการใหญ่ๆ คือโครงการพัฒนากลุ่มป่าห้วยขาแข้ง 5 ปี กับโครงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินด้วยการพัฒนาการเกษตรผสมผสาน(คฟป.) เกือบ 10 ปี ที่ คฟป.ผมรับผิดชอบพื้นที่ อ.ดงหลวง มุกดาหาร ที่นั่นผมเขียนบันทึกไว้ที่ g2k นี่ และทำ KM ทำ Portal แต่ Portal ไม่สำเร็จไม่ได้รับความร่วมมือจากพื้นที่อีก 3 จังหวัด ท่านเลขาฯสั่งพิมพ์บันทึกที่เขียนไว้ และคุยว่า โครงการอื่นๆเราไม่มีบันทึกแบบนี้ เสียดาย ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ย้อนไปไม่ได้ การบันทึกควรทำปัจจุบัน เพื่อให้เห็นรายละเอียด....

จริงของท่าน โครงการกลุ่มป่าห้วยขาแข้งนั้นประสบการณ์จะแตกต่างจากที่อื่นๆเพราะลักษณะพื้นที่เป็นเฉพาะไม่ใช่ชนบท แต่เป็นป่าที่เป็นมรดกโลก เป็นต้นน้ำที่มาทำประปากรุงเทพฯด้วย คนกรุงเทพฯไม่รู้ (น้ำสำรอง) เป็นที่ที่ ท่านสืบฆ่าตัวเองตาย เป็นพื้นที่ที่อุทยานแห่งชาติสมบูรณ์ที่สุด เป็นพื้นที่ที่ มีความหลากหลายทางชีวภาพมากกว่าเขาใหญ่ เป็นพื้นที่ที่ พระธุดงค์จะต้องตั้งเป้าว่าจะต้องเดินป่าที่นี่ เป็นพื้นที่ที่ เดือนเมษายนที่ร้อนจัด แต่ที่นั่นต้องห่มผ้า...และ...มากมาย เสียดายที่ไม่มีใครบันทึกประสบการณ์ที่นั่นเลยแม้แต่ผมเอง ผมทำย้อนหลังบ้าง แต่น้อยมากๆ ....

ผมมีความคิดว่า อยากเสนอความคิดกับท่าน เลขาธิการ สปก. เลยคิดว่า จะหาเวลาลงไปเก็บข้อมูลและเขียนใหม่ ในลักษณะ "การบันทึกข้อมูลหลังสิ้นสุดโครงการ" ไม่ใช่ประเมินผลตามรูปแบบ แต่ก็เป็นประเมินผลอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่รายงานตามรูปแบบ แต่เป็นรายงานอีกแบบหนึ่ง ใช้บันทึกจากการเห็น พูดคุยกับชาวบ้าน กับอดีตผู้นำ กับใครต่อใครที่ในพื้นที่ ก็จะได้เรื่อวราวหลังสิ้นสุดโครงการมาเผยแพร่...

แนวความคิดนี้ ผมได้มาจาก สมัยทำงานที่โครงการ NET สุรินทร์ โดย CUSO เป็นผู้สนับสนุนโครงการ หลังโครงการสิ่นสุดไปแล้ว มากกว่า 5 ปี เขาไปทำ Expost evaluation ดีจริงๆ เหมือนไปวัด Impact ของโครงการ ไม่ใช่ Out put หรือ Outcome น่าสนใจมาก แต่ผมจะไม่ใช่ทำเป็นแบบวิจัยหรือประเมินผมแบบ traditional evaluation แต่เป็นการพูดคุย เอาความเห็น ความรู้สึกตรงๆมาเขียน ไม่ใช้คำนวน สูตรอะไรต่อมิอะไรไม่เอา เป็นผลสะท้อนจากการบอกเล่า ผมว่าน่าสนใจไปอีกแบบ ผมคิดว่าจะทำจะลองเสนอทำกับท่านเลขาธิการ สปก.

อีกอย่างที่ดงหลวง แม้ว่าผมจะเขียนเรื่องราวไว้มากมาย แต่มีเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่ผมไม่ได้ทำ คือ การสัมภาษณ์ และบันทึกสหายทั้งหลาย พูดอีกทีคือ ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรือเอาตรงๆคือ สมาชิกพรรค คอมมิวนิสต์เก่า เต็มดงหลวงหมด ทุกคนที่ปรากฏชื่อในบันทึก เรื่องเล่าจากดงหลวงนั้น คือสหายเก่าทั้งนั้น ทั้งหมดคือผู้นำเรา คือบุคลากรที่เราทำงานด้วย

ตรงนี้เป็นประวัติศาสตร์ด้วย มีสิ่งสำคัญหลายประการคือ เป็นเขตปลดปล่อยแห่งแรกๆ เป็นสถานที่ที่ คุณพ่อท่านสุรยุทธ จุฬานนท์เข้าป่าที่นี่ คือท่าน พลโทโพยม จุฬทนนท์ หรือลุงคำตัน บุคลากรผู้ดูแลท่านยังมีชีวิตอยู่ เป็นพื้นที่ที่อยู่ของนักการเมืองที่ลอยหน้าลอยตาในสภาหลายคน เป็นพื้นที่ที่ ออกมาจากป่าเป็นแหล่งสุดท้าย..ฯลฯ ผมอยากกลับไปเก็บเรื่องราวในมุมมนี้โดยเฉพาะ ทำมาบ้างแต่น้อยมาก

ผมอยากเขียนประสบการณที่ผมทำงานกับบริษัทที่ปรึกษา ที่หลายคนเหล่ตามองในทางที่ไม่ดี และวิถี ที่ปรึกษา เป็นอย่างไรบ้าง.....

อีกมากมายจะทำไหวไหมนี่..... อิอิ ก็อยากเขียนน่ะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท