ผมรู้สึกถึงความขยาดในใจที่เกิดขึ้นกับไม่ได้
ในการขึ้นเวที..นำเสนอผลงานวิชาการ....ผลการดำเนินงานโครงการ
มีหลายครั้งหลายหนที่ผมไม่ยอมขึ้นเวที...จากผู้จัดที่ร้องขอให้ผมขึ้น
หรือความรู้สึกที่ผมไม่อยากนำเสนอผลงาน....ทั้งที่ชีวิตที่ผ่านมา...
ผมชอบที่จะเล่าเรื่องราว...ประสบการณ์หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนอื่นๆ ในการทำงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวทีที่มีอาจารย์วิพากษ์ผลงาน
งานของผมพักหลังๆ...เหมือนกับเอาคอของผมพาดขึ้นเขียง
อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่มีผลต่อผมมาก คือ...”อัตตา”
ใบประกาศเกียรติคุณ...โล่รางวัล...ชื่อเสียงที่ผมได้รับมาในอดีต…
อัตตา...ที่เหมือนเช่น...ของเล่นของเด็ก...
ทั้งสองอุทิศชีวิตของตน เพื่อการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะมาดามคูรี ที่ต้องสัมผัสรังสีต่างๆ เป็นระยะเวลานานจนสุขภาพทรุดโทรม
ผลงานวิจัยทางเคมีอันยอดเยี่ยมทำให้เธอได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย แต่มาดามคูรีกลับไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเหรียญรางวัลและเกียรติยศชื่อเสียงเหล่านั้นเท่าใดนัก
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนของมาดามมาเที่ยวที่บ้าน พอเข้าประตูมาก็เห็นเหรียญรางวัลต่างๆ กองอยู่ตามพื้นเต็มไปหมด
เขาแปลกใจมากจึงถามมาดามคูรีว่าเกิดอะไรขึ้น และเธอก็เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะไปเก็บเหรียญรางวัลเหล่านั้นขึ้นมา
ในระหว่างรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน พวกเนาสนทนากันเรื่องข่าวที่ว่า มาดามจะได้รับรางวัลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้เป็นรางวัลใหญ่ไม่ใช่เล่น!
เพื่อนคนนั้นเอ่ยกับมาดามว่า เขาอยากจะขอดูเหรียญรางวัลอันล่าสุด ซึ่งเป็นเหรียญทองที่ได้รับจากราชสมาคมแห่งราชวงษ์อังกฤษ แต่ที่ไหนได้ มาดามกลับชี้มือไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่นั่งเล่นอยู่ตรงหน้าโซฟาแล้วบอกว่า
“เด็กถือเล่นอยู่นั่นยังไง คุณไปดูสิ”
ในที่สุดเพื่อนก็รู้แล้วทำไมเหรียญรางวัลจึงได้วางกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เพราะเขาเห็นกับตาตัวเองว่า แม่หนูน้อยกำลังเอาเหรียญรางวัลเหรียญนั้นไปทำเป็นล้อรถกลิ้งเล่นไปมาอยู่ที่พื้น
เขาถามมาดามด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ “เหรียญรางวัลล้ำค่าเช่นนี้ เป็นเกียรติยศอันสูงสุดที่คนทำงานอย่างพวกเราใฝ่ฝันอยากจะได้มา เอาไปให้เด็กเล่นเป็นของเล่นได้อย่างไรกัน !?
มาดามคูรีตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็เพราะเกียรติยศชื่อเสียง ฉันจึงไม่เก็บรักษาไว้อย่างทะนุถนอม เพราะฉันหวังจะให้เด็กเข้าใจตั้งแต่ยังเล็กๆ ว่า เกียรติยศชื่อเสียงก็คล้ายกับของเล่นที่นำความสุขมาให้เขาในเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น จะใช้ชีวิตอยู่กับมันตลอดไปไม่ได้ มิฉะนั้นแล้ว ต่อไปไม่ว่าจะทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จได้ยาก”
ผมจำเป็นต้องนำเสนอผลงานการทำงานชิ้นหนึ่งของหน่วยงาน...
เป็นเวทีบังคับที่ต้องให้ขึ้นเวที...เพราะหน่วยงานได้ทุนสนับสนุน... และเป็นตัวแทนระดับอำเภอ
มีการประกวดการนำเสนอผลงานด้วย...ทำให้ผมรู้สึกสูญเสียความมั่นใจไปอีกเท่าตัว...
แต่อย่างไรต้องขึ้น...แต่คราวนี้ของผม...ผมได้นำทีม อสม. ขึ้นเวทีด้วย...รวมเป็น 4 คน บนเวที
อสม.ของผมมีความตื่นเต้นไม่น้อยที่ต้องขึ้นบนเวที...และต้องพูด...บนเวที ณ โรงแรมในตัวจังหวัดแห่งหนึ่ง
ผมก็พลอยรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย...ผมมองเห็นความสามารถและศักยภาพของ อสม.
เวลานั้น...โลกของผม คือ ทางผ่านจริงๆ ...ที่ทางที่ผ่านนั้น...เต็มไปด้วยการเรียนรู้ร่วมกัน
อาจารย์วิพากษ์ให้คำแนะนำ...อาจารย์ 4 ท่าน ก็ให้มุมมองที่เป็นประโยชน์และเติมเต็มแตกต่างกันออกไป
ผมรู้สึกว่า...ในใจของผมนอบน้อมกับความสำเร็จและความล้มเหลว
ทำให้ผมกลับมาทบทวนตนเองอีกครั้ง...กับการก้าวสู่ยุทธจักรการนำเสนอผลงานอีกครั้ง
ผมไม่ได้ทำมัน เพียงแค่ได้รับเกียรติยศชื่อเสียง...ที่คล้ายกับของเล่นที่นำความสุขมาให้ผมในเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น
แต่ในใจลึกๆ ...ผมใช้ชีวิตอยู่กับมันด้วยความรัก
ความรักที่จะให้โอกาสตนเองได้เรียนรู้
และหยิบยื่นโอกาสให้ผู้อื่นเรียนรู้ด้วย
สำหรับความวิพากษ์และวิจารณ์....มันก็เป็นแค่ทางผ่านสู่การเรียนรู้
เรียนรู้ที่จะฝึกฝนใจให้นอบน้อมถ่อมตนกับความสำเร็จและความล้มเหลว
ความสำเร็จและความล้มเหลว
ผมเพิ่งตระหนักว่า...มันเป็นเพียงสิ่งบางๆ เท่านั้น...ที่จะแยกมันออกจากกัน
และสิ่งบางๆ นั่นที่ผมส่องกระจกดูเงาของมัน
นั่นก็คือ “ใจ” ที่ผมจะเลือกว่า...ผมจะอยู่ฝั่งใด
ระหว่าง “ความสำเร็จ” หรือ “ความล้มเหลว”
ความสำเร็จและความล้มเหลว ก็เป็นเหมือนโอกาสและอุปสรรคนะคะ ฝ่ามันเข้าไป ผลจะเป็นอย่างไร ช่างเถอะ เมื่อทำดีที่สุดแล้ว ภูมิใจในสิ่งที่ทำและเป็นไปค่ะ ส่งกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ
แต่ในใจลึกๆ ...ผมใช้ชีวิตอยู่กับมันด้วย...ความรัก
ความรัก....ที่จะให้โอกาส...ตนเอง....ได้เรียนรู้
และหยิบยื่น....โอกาสให้ผู้อื่น.....เรียนรู้ด้วย
เป็นคำพูดที่...ไพเราะที่สุดในโลก..เป็นความงดงาม และ เป็นทำความดี.....ที่ดีที่สุด ...และขอให้ทำดีมากๆ ต่อไป นะคะ
ขอบคุณมากนะคะ...น้องชายคนดี...ที่หนึ่งเลย...
หากงานที่ทำ สิ่งที่ทำเราทำด้วยความรักและความตั้งใจ ชื่อเสียงเกียรติยศที่เดินทางเข้ามาถือเป็นรางวัลหนึ่งในชีวิต เราคงไม่ต้องปฏิเสธหรือผลักไสมันออกไป บางครั้งเราก็ไม่ได้รับรางวัลนั้นเพื่อตัวเองแต่เพื่อทีมงานของเราด้วย...เพียงตัวเราไม่ไปผูกติดตัวเราเองกับสิ่งเหล่านั่นก็พอค่ะ ใช้มันเป็นกำลังใจในการเพียรพยายามทำความดีต่อไป
ขอบคุณบันทึกดีดีอีกครั้งค่ะ
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
ไม่เสียดายเวลาที่แวะมาอ่านบันทึกนี้
หากไม่ได้อ่านคงจะเสียดายมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะ กำลังต้องผ่านประสบการณ์คล้ายๆกันเลยค่ะ :)
รักที่จะให้โอกาสตนเองได้เรียนรู้.. และหยิบยื่นโอกาสให้ผู้อื่นเรียนรู้ด้วย
ประเด็นนี้ถูกใจมากค่ะ ถ้าทุกคนทำได้อย่างนี้โลกควสวยงามมากมาย
ขอบคุณนะคะ
ทำงานเพื่องาน
ได้รางวัลอยู่แล้ว ทุก ๆ วันนะคะ
ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ