ขอบคุณครับ...แอบเศร้า แต่ยังมีกำลังใจส่งให้ครับ...ชอบมากครับตรงประโยค..
จากประสบการณ์ตรง............การที่มีใครสักคนรับฟังเรื่องราวคำบอกเล่าของเรา.............
เพียงแค่นี้ มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีแล้ว ความรู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกกว้าง ท่ามกลางความแปลกหน้า ยังมีความเป็นมิตรฝังอยู่
อ่านแล้ว ปัญหาซับซ้อนมาก ลองตั้งเป้าหมายร่วมกับผู้ป่วยทีละข้อ
แต่เราต้องรู้ว่าเป้าหมายการรักษา ...
ดูแล้วหมอบอกอยู่ได้ 1 ปี ผู้ป่วยท้องได้ 4 เดือน...
เป้าหมาย คือ ชีวิตของลูกที่อยู่ในท้อง น่าจะพอจะรักษาเพื่อให้ลูกในท้องรอดชีวิต
ถ้าเรามุ่งที่เป้าหมายนี้ เราค่อยวางแผนร่วมกับผู้ป่วยและแพทย์ว่ามีวิธีไหนที่จะรักษาที่ดีที่สุดค่ะ
พี่แก้ว
วันนี้ทีมงานได้ไปช่วยกันดูแลและแนะนำหลวงปู่ที่เป็นมะเร็ง ตับขั้นสุดท้าย
ณ วัดพุทธวิปัสสนา ลองบีช คุณหมอปุยสมาชิก NALS ที่เคยร่วมสัมมนา ได้ทำตามยา 9 เม็ด แล้วได้ผลกับตนเองและลูกๆ ได้แนะนำให้หลวงปู่ที่หมดแรงไม่สามารถลุกขึ้นได้ นอนแต่บนเตียง คุณปุยให้ท่านทำดีท็อกครั้งแรก ปรากฎว่่าท่านสามารถลุกขึ้นมาสวดมนต์ได้ ท่านจึงเกิดความศรัทธาและมีกำลังใจ วันนี้ทางทีมงานจิตอาสาได้ไปร่วมสมทบดูแลถึงวัด ได้สาธิตการกัวซา กดจุดลมปราณ และถวายถุงดีท้อกให้กับพระผู้ดูแลทุกรูป ถวายน้ำคลอโรฟิวล์ และผักสลัด ขออนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยค่ะ
อ่านได้ที่ http://www.facebook.com/nalsusa?notif_t=fbpage_fan_invite
สวัสดีหลังจากที่่ห่างหายกันไปนานคะ
สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นอยู่ และดับไป
แต่สื่งที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนี้และครอบครัว มันช่างหนักหนาสาหัสนักคะ
เธอบอกว่า
ขอบคุณที่รับฟังเพราะทุกข์จนไม่รู้จะทุกข์ยังไงแล้ว
พยาบาลเองก็ขอบคุณเช่นกันคะ ที่แบ่งปันความรู้สึกให้ฟัง
ขอบคุณพี่แก้วมากคะ สำหรับข้อแนะนำ
วันนี้ติกไม้ได้เข้าไปที่ ward แต่โทรประสานงานกับน้องแล้ว
ทราบว่าหมอเจ้าของไข้ ส่งปรึกษา onco med เพื่อพิจารณาให้ยาเคมีบำบัด
ช่วงนี้คงเป็นขั้นตอนที่รอให้อาจารย์มาประเมินอีกครั้งว่าจะอย่างไร
วันพรุ่งนี้จะติดตามอีกครั้งคะ
และจะคุยกับหมออีกครั้ง ว่าจะดึงทีมอื่นๆ เข้ามาช่วยดูแลหรือไม่
ชีวิตยังมีความหวังจริงๆ คะ
ตอนที่คุยกันเธอก็ยังถามอยู่เรื่อยๆ ว่า จะหายหรือไม่
เธอบอกว่า ถึงไม่หายก็ขอให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ อยู่แบบคนป่วยนี่แหละ
ติกเลยบอกว่า โรคหลายโรคมันไม่สามารถรักษาให้หายได้
สิ่งที่สำคัญคือ ทำอย่างไรจึงจะอยู่กับโรคได้ แบบมีความทุกข์น้อยที่สุด
ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด
เพราะตัวเราถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็คงทุกข์ไม่น้อย
ชีวิตยิ่งกว่าลคร สู้สู้ ต่อไปครับ
* ใครไม่ประสบกับตนเองบ้าง ก็คงจะไม่รู้ซึ้งถึงความทุกข์ที่เธอมีนะครับ
** อยากให้พยาบาลทุกคนเป็นเหมือนเอื้อยกระติกนะครับ
คือ เป็น "นางฟ้า" ที่เข้าใจและเข้าถึง "จิตใจ" หรือ "ความรู้สึกนึกคิด" ของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง และพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในทุกๆ วิถีทาง
เป็นกรณีศึกษาที่เกิดความสุขภายในใจอย่างแท้จริง ขอบคุณมากครับ
อ่านแล้ว ได้แต่ นึกถึงพรหมวิหาร 4 ....ค่ะ
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา....ค่ะ
ความหมายของพรหมวิหาร 4
พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่
เมตตา ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข กรุณา ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี อุเบกขา การรู้จักวางเฉย
คำอธิบายพรหมวิหาร 4
1. เมตตา : ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้ และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น
2. กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกาย
ไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
- ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และ
ความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์
- ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์
3. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เช่น เห็นเพื่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครูชมเชยก็เกิดความริษยาจึงแกล้งเอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ เราต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง
4. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
ไม่ได้เขียนเอง...ค่ะ คัดลอกมาให้อ่านกัน http://www.learntripitaka.com/scruple/prom4.html