เทคนิคการใช้สื่อสารสนเทศสำหรับการศึกษานั้น ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยากสำหรับคุณครูและอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ก็จะง่ายสำหรับคุณครูและอาจารย์รุ่นใหม่ ๆ เพราะสื่อเหล่านี้นั้น ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต อย่างน้อยก็คือ โทรศัพท์ มือถือ ๑ เครื่อง อย่างแน่นอนที่จะติดตามเราไปได้ในทุก ๆ ที่ หรือบางท่านก็อาจมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Notbook , ipad หรืออื่น ๆ อีก
จากประสบการณ์การเป็นครู ระดับอาชีวะ /ประถมศึกษา และบุคลากรด้านสารสนเทศนั้น จะขอนำมาอธิบายถึงวิธีการใช้สื่อสารสนเทศในการศึกษาให้ทุกท่านได้ทราบ เพื่อเป็นหนทางและการเรียนรู้ร่วมกัน
ระดับชั้นที่สอน ขอเลือกเป็นระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖
จำนวนนักเรียนในชั้น ประมาณ ๑๒๐ คน
เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาใช้ ในการศึกษานั้น โดยได้แบ่งการทำงานเป็น ๓ ส่วน
ส่วนที่ ๑ การใช้สื่อสารสนเทศในการจัดเก็บชิ้นงานหรือภาระงานของเด็ก ผ่านระบบ Server ของโรงเรียน โดยที่นักเรียนในแต่ละห้องสามารถที่จะ Log on เข้าระบบ Server ของโรงเรียนเพื่อส่งงาน ในช่วงเวลาของแต่ละวัน และสามารถเข้ามาดูได้ตลอดเวลา แต่นักเรียนไม่สามารถลบไพล์งานได้ สามารถแก้ไขได้เพียงอย่างเดียว
ส่วนที่ ๒ การใช้สื่อสารสนเทศในการสอน สื่อที่ใช้เป็นหลักในการเรียนการสอนนั้น ก็คือ Power Point และ Website ต่าง ๆ เช่น www.youtube.com เป็นต้น
ส่วนที่ ๓ การใช้สื่อสารสนเทศหลังการเรียนการสอน สื่อที่ได้ใช้ก็จะมีหลายรูปแบบครับ ไม่ว่าจะเป็น Fan page ต่าง ๆ เช่น Facebook , Twitter , What app , Line , MSN เพื่อที่จะสามารถสื่อสารต่อเด็ก ๆ ได้ เพราะเด็กบางคนเวลาเรียนไม่พูด แต่พอผ่านสื่อแบบนี้เด็กกับแสดงออกได้ดีนะครับ
จุดนี้สำคัญครับ เพราะคุณครูหรืออาจารย์ ต้องมีบทบาทอย่างมากครับ ทั้งทางออนไลน์และในชั้นเรียน แต่คุณครูหรืออาจารย์ ไม่ควรนำเรื่องมาคุยให้เด็ก ๆ ทราบทุกเรื่อง โดยเฉพาะในชั้นเรียน เพราะเด็กที่ไม่ได้คุยออนไลน์หรือไม่มีความสามารถจะเข้าถึงได้ ก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเอง... นะครับ ฉะนั้นครูหรืออาจารย์ต้องตระหนักให้มาก
แม้ว่าสื่อออนไลน์จะมีบทบาทมากในปัจจุบันนี้ ครูและอาจารย์ก็ต้องตระหนักถึงข้อเท็จจริงบางประการในการบริโภคสื่อเหล่านั้นด้วย ขอยกตัวอย่าง สมมติว่าเราต้องการค้าหาข้อมูลใด ๆ ก็ตาม เพื่อที่จะสอนเด็ก ๆ ผ่าน Google หรือ Youtube ครูและอาจารย์ต้องอย่าลืมไปว่า สิ่งที่ครูและอาจารย์กำลังนำเสนอเด็ก ๆ นั้น เป็นข้อมูลด้านเดียว หรือเป็นข้อมูลของบุคคลคนหนึ่งเท่านั้น เพราะว่าข้อมูลที่ครู อาจารย์ และนักเรียนบริโภคอยู่นั้น เป็นเพียงการแสดงออกของผู้ที่ต้องการนำเสนอเท่านั้น โดยข้อมูลไม่ได้เป็นการผ่านการวิจัยหรืออยู่ในระดับที่จะสามารถนำมากล่าวอ้างได้ ถ้าจะกล่าวอ้างหรืออ้างอิง ก็ควรจะเป็นสื่อออนไลน์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เช่น Wikimedia เป็นต้น
ปัญหาก็คือ ครูและอาจารย์บางท่าน มักจะบอกเด็ก ๆ ว่า ครูหรืออาจารย์ที่รู้ทุกอย่าง เมื่อเราสงสัย คือ ครู Google และครู Youtube การกล่าวอย่างนี้ อาจเป็นการกล่าวที่ถูกต้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะครูและอาจารย์ เมื่อจะสอนเด็ก ๆ ทุกคน ควรที่จะต้องมีบทบาทในการรับผิดชอบที่ดีกว่านี้ คือ ให้ในสิ่งที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และเด็ก ๆ สามารถที่จะสื่อสารสิ่งที่ถูกต้องต่อไปได้ในอนาคต
สื่อต่าง ๆ ที่ออกมาในปัจจุบันนี้ อาจเป็นเพราะว่ามีผู้ที่ต้องการปล่อยออกมา หรือ เป็นเพราะผู้ปล่อยไม่ได้ตั้งใจ หรือเป็นเพราะต้องการจะให้คนอื่นเสียก้ได้ การบริโภคสื่อต่าง ๆ เมื่อเรายังไม่สามารถแยกได้ เวลาสอนเด็ก ๆ ก็ควรที่จะนำแต่สื่อที่ดี ๆ ให้แก่ตัวเด็ก ๆ
ส่วนตัวนะครับ เวลาอยู่ในชั้นเรียน ผมจะใช้สื่อสารสนเทศ โดยเฉพาะเว็บไซด์กรณีที่ต้องการให้เด็กได้เห็นรูปภาพ ตามที่เราพูดนะครับ ส่วนการบรรยายก็จะผ่านทาง Power Point หรือไม่ก็ Projector เป็นส่วนมากนะครับ
ทางออนไลน์ผมก็จะถามเด็ก ๆ ว่าวันนีเรียนวิชาอะไรมาบ้าง เข้าใจกี่วิชา และไม่เข้ากี่วิชา เพราะอะไรถึงไม่เข้าใจ ส่วนมากก็จะเป็นการสอบถามเด็ก ๆ มากกว่านะครับ เพื่อให้เด็กได้รับรู้ว่า มีครูหรืออาจารย์ที่ยังเป็นห่วงเขานะครับ
ในชั้นเรียนก็จะเป็นการกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้เปิดโลกทรรศน์ในการท่องเว็บไซด์ที่น่าสนใจ อาจนำมาบอกเพื่อน ๆ ในชั้นได้รับรู้ แต่การกระตุ้นก็ต้องเป็นสิ่งที่นักเรียนสนใจอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง ไม่งั้นเด็ก ๆ ก็จะลืม และบอกนักเรียนว่า ถ้าเราสนใจเว็บไซด์เราควรมีวิธีจัดเก็บหน้าเว็บไซด์ไว้ หรือไม่ก็ควรจดบันทึกเว็บไซด์ไว้ เพื่อที่ครั้งหน้าเราจะได้สามารถหาข้อมูลเดิมได้
การประเมินผลการเรียนของผู้เรียนทั้งทางออนไลน์และในชั้นเรียน
การประเมินผลนั้น ผมคิดว่าถ้าเด็กสามารถใช้งานได้ในเวลาปรกติ และในเวลาที่มีข้อสงสัยเด็ก ๆ ก็สามารถที่จะหาข้อมูลได้ ผมก็คิดว่าน่าจะผ่านนะครับ
เพราะสื่อสารสนเทศนั้น มีประโยชน์ต่อบุคคลที่เข้าใจการเป็นไปของระบบ ถ้าเราใช้สื่อเป็น โดยที่ไม่ใช่สื่อใช้เรา ผมก็คิดว่า สิ่งนี้ถึงจะเป็นประโยชน์อย่างมากนะครับ เนื่องจากว่าหลาย ๆ ท่าน ใช้สื่อไป กลายเป็นว่า สื่อนั้น ถ้าเราไม่เล่น เราก็จะรู้สึกไม่สบายตัวนะครับ ฉะนั้นเราก็ควรใช้สื่อให้เป็นนะครับ เพราะว่าเราจะได้สอนการใช้สื่อนั้นให้เด็ก ๆ ได้เป็นด้วย
ขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาในการอ่านนะครับ
ขอบคุณครับ
เยี่ยมมากค่ะ ครูผู้สอนภาษาอังกฤษอย่างครูอ้อยขอรับคำชี้แนะไปปรับใช้สอนด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ขอขอบคุณ สำหรับการที่ให้กำลังใจผ่าน Comment และการปลอบประโลนใจผ่านการให้ดอกไม้นะครับ
ขอขอบคุณทิมดาบ คุณจัตุเศรษฐธรรม คุณ tuknarak คุณชยพร แอคะรัจน์ และคุณ ครูอ้อย แซ่เฮ
ขอบคุณจริง ๆ ครับ