เมื่อเช้านี้ชลัญนั่งซักประวัติที่แผนกผู้ป่วยอก นั้น ได้พบกับความรักที่บริสุทธิ์ ของคนเป็นลูกที่มีต่อพ่อ แม้ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม ซาบซึ้งใจจริง จึงอยากเอามาเล่าต่อ บอกเลยว่าขอกราบหัวใจเธอจริงผู้หญิงคนนี้
ระหว่างที่ชลัญนั่งซักประวัติคนไข้อยู่นั้น มีโทรศัพท์ จาก แผนกฝากครรภ์ของโรงพยาบาลพิมายว่า มี หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ 3 วัน นั้น มีภาวะความดันโลหิตสูงเกิดขึ้น คือ ความดันโลหิตอยู่ที่ 140/100 mmHg ซึ่งภาวะนี้เรียกว่า Pre-eclampsia ซึ่งเป็นภาวะนำไปสู่ eclampsia ซึ่งอันตรายทั้งแม่และลูก เป็นสาเหตุของการตายของมารดาและทารก ที่สำคัญทีเดียว ซึ่งชลัญคิดว่า ภาวะนี้ที่เป็นสาเหตุการตายของ “นางนาก”ในแม่นาคพระโขนง นั่นเอง ใช่หรือไม่ก็มิรู้เพราะเกิดไม่ทันเดาเอาน่ะ
เมื่อ detect คนไข้ได้แล้ว ชลัญก็รีบส่งผู้ป่วยเข้าห้อง นพ.ชาญศักดิ์ คงเศรษฐกุล อายุรแพทย์ประจำโรงพยาบาลพิมาย (เจ้าของ web http://www.phaimaimedicine.org)หายเข้าไปในห้องแพทย์สักพัก แพทย์ออกมาบอก
“ โจ้ ช่วยคุยให้ผม หน่อย คนไข้ไม่ยอมนอน รพ.นี่ อันตรายด้วย”
ชลัญก็ใจหายแว๊บ อ๊าย...ไม่นอนได้ไง ภาวะนี้ขนาดเกิดในโรงพยาบาลยังช่วยชีวิตแทบไม่ทัน แล้วนี่จะกลับไปบ้านไม่รู้หรือไงว่าอันตรายแค่ไหน จากนั้นชลัญจึงรับคนไข้มาคุยต่อ ได้ความว่า
“ ห่วงพ่อ พ่อป่วยอยู่ที่บ้าน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถ้าตนไม่อยู่ไม่รู้ใครจะทำให้ พี่น้องคนอื่นไปอยู่ต่างจังหวัดหมด สามีก็ทำงานอยู่ในตัวจังหวัด ลูกอีกคน 8 ขวบไป โรงเรียน ถ้าตนไม่อยู่ พ่อกับลูกใครจะดูแล “ จากนั้นก็ร้องไห้
ชลัญถามไม่รู้หรือว่าอันตราย ผู้ป่วยตอบ “รู้ แต่ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องกลับในวันนี้ ”
นั่งคุยอยู่สัก ครึ่งชั่วโมงจนชลัญถอดใจ บอกเอางี้ นอนดูอาการ ถึง บ่ายสองหากความดันโลหิตลดลงจะให้กลับ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลา 10.45 น. ชลัญรู้ว่ายังไงก็ไม่ลดลงหรอก แต่ขอคิดหาทางช่วยเท่านั้นเอง ผู้ป่วยยินยอม
ระหว่างที่คิดหาคนทางอยู่นั้น ชลัญสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปคุยกับผู้ป่วย ซึ่งนอนดูอาการอยู่บนรถนอน ใกล้ๆกับชลัญ จึงเดินไปถามทราบว่า อยู่หมู่บ้านเดียวกัน
ชลัญพบทางออกแล้ว ... จึงเข้าไปคุยขอร้องให้ ช่วยดูแลห่วงที่บ้านคนไข้ให้หน่อย สักวัน สองวันเพื่อโทรตามญาติที่อยู่ต่างจังหวัดมาแทน หญิงนั้นรับปาก คนไข้หมดกังวล ยินดีนอน รพ. โล่งใจทั้งแพทย์พยาบาล เฮ้ย...........
..........................................................................................................
ความรักนี่มันยิ่งใหญ่จริง แม้รู้ว่า ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับไม่กลัวสักนิด ยอมไปเผชิญหน้า แบบไม่กลัวเสียเลย อยากกราบหัวใจเธอจริงผู้หญิงคนนี้ ที่มีความรักอันยิ่งใหญ่ ที่มากกว่าความตายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ชลัญธร ตรียมณีรัตน์
Pre-eclampsia หมายถึง
ความดันโลหิตสูง (1): หมายถึงความดันโลหิต systolic ที่มีระดับ 140 หรือ diastolic 90 มม.ปรอทขึ้นไป ซึ่งได้จากการวัดอย่างน้อย 2 ครั้ง ภายใน 6 ชั่วโมงหลังจากการพัก
n การมีความดัน systolic เพิ่มขึ้น 30 มม.ปรอท หรือ ความดัน diastolic เพิ่มขึ้น 15 มม.ปรอท เป็นอาการแสดงเตือนที่ต้องติดตามใกล้ชิด (แต่ไม่ถือว่าเป็นเกณฑ์การวินิจฉัย PE เหมือนที่เคยใช้กันมาในอดีต(2)
n โปรตีนในปัสสาวะ (1): หมายถึงการมีโปรตีนออกมาในปัสสาวะ 300 มก.ต่อวันขึ้นไป (+1) หรือ 1 กรัมต่อลิตร หรือมากกว่าในปัสสาวะที่เก็บเป็นครั้งคราว ซึ่งต้องเก็บห่างกัน 6 ชั่วโมง หรือมากกว่า การทดสอบด้วย dipstick สัมพันธ์กับค่าที่เก็บตรวจทั้ง 24 ชั่วโมงได้ไม่ดีนัก(3-5) ค่า dipstick +1 จะทำนายค่าโปรตีนใน 24 ชั่วโมง 300 มก.ต่อวันขึ้นไป ประมาณร้อยละ 53-86(3) อย่างไรก็ตามค่า 3+ และ 4+ มีประโยชน์มากกว่า ช่วยบ่งชี้ความรุนแรงได้ดี คือกว่าร้อยละ 90 ของกลุ่มนี้มีระดับโปรตีนในปัสสาวะมากกว่า 3.5 กรัมต่อวัน(5)
หมายถึง ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์(PIH) ที่มีความรุนแรงจนเกิดอาการชักขึ้น เชื่อว่าการหดเกร็งของเส้นเลือดในสมองอาจทำให้ขาดเลือด และทำให้ชัก มักจะเกิดขึ้นกับรายที่เป็น severe PIH มาหลายวัน หรือรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา แต่ mild PIH ก็อาจกลายเป็น eclampsiaได้ แม้จะน้อยรายก็ตาม ร้อยละ 10 ของการชักเกิดขึ้นก่อนมีโปรตีนในปัสสาวะชัดเจน ประมาณร้อยละ 52 เกิดในระยะก่อนคลอด ร้อยละ 35 เกิดในระยะคลอด และร้อยละ 13 เกิดหลังคลอด อุบัติการในประเทศทางตะวันตกพบ 1:1000 -1:1500 ของการคลอด ในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ พบ 1:1876 ของการคลอด(1)
ลักษณะทางคลินิก มีดังนี้
อาการนำ ก่อนชักจะมีอาการนำมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องตรวจหาอาการเหล่านี้ ซึ่งได้แก่
เจ็บที่ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวารุนแรง (เชื่อว่าเกิดจากการตึงขยายของแคปซูลของตับ หรือเลือดออกใต้แคปซูล
ปวดศีรษะมาก (throbbing) มักปวดแถว frontal แต่ occipital ก็พบได้
อาการผิดปกติทางสายตา ตาพร่ามัว มองไม่ชัด
อาเจียน
ตื่นตัวทางระบบประสาท เช่น hyperreflexia
อาการชัก
ระยะเริ่มต้น (invasion): เริ่มกระตุกที่บริเวณใบหน้า ริมฝีปากเบี้ยว
ระยะเกร็ง (tonic): อาการตัวแข็งเกร็ง แขนงอ มือกำแน่น ขางอพับบริเวณเข่า
ระยะชักกระตุก (clonic): ชักกระตุกทั่วร่างกาย ขากรรไกรล่างอ้าออกและหุบเข้า อาจกัดลิ้นตัวเอง แขนขากระตุกอย่างแรง ทำให้ผู้ป่วยตกเตียงได้ กินเวลานานประมาณ 60 วินาที
ระยะฟื้น (recovery): จากนั้นผู้ป่วยจะนอนนิ่งแล้วค่อย ๆ รู้สึกตัว ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะชักซ้ำในเวลาที่ถี่ขึ้น ภายหลังชักผู้ป่วยหายใจเร็ว เนื่องจากการคั่งของกรดแลคติค บางรายอาจมี cyanosis พบโปรตีนในปัสสาวะทุกราย
รายที่เสียชีวิตทันทีมักเกิดจากเลือดออกในสมอง หรือปอดบวมน้ำและหัวใจล้มเหลว
อ้างอิง http://surinobs.igetweb.com/index.php?mo=3&art=440079
คูณ พบ. ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมเลยครับ...ชื่มชม .....:):)
ความรัก...ความตาย...และความงดงามของคนทำงานเล็กๆ...อย่างคุณชลัญ....มากกว่าคำว่า...ชื่นชมครับ
ปลอบใจและหาทางออกช่วยคนไข้ได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ
ชื่นชมวิธีการแก้ปัญหาของคุณชลัญค่ะ ทำงานด้วยใจรักจริงๆ ผลออกมาเลยน่าชื่นชมค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณน้องชลัญ ที่ช่วยเสนอทางเลือก ทางแก้ไขให้คนไข้
เข้าใจความรู้สึกนี้ค่ะ..แม้ไม่ป่วยเอง..ยังอยากป่วยแทนคนที่เรารัก..แลกชีวิตของเราไปแทนเขา..เคยคิดแบบโลกๆๆที่ยังไม่เข้าถึงธรรม..