ปีนี้ พาราลิมปิก หรือ กีฬาโอลิมปิกสำหรับคนพิการ ได้กลับไปจัดที่กรุงลอนดอน (ซึ่งเป็นที่จัดการแข่งขันกีฬาแบบนี้ครั้งแรกสุดเมื่อ ค.ศ. ๑๙๔๘) อีกครั้งหนึ่ง และเป็นครั้งที่ได้รับคำชื่นชมด้วยว่าทำทุกอย่างได้ดีมากสมกับที่ได้ คืนสู่เหย้า
ผมไม่ทราบว่า สังคมชาติอื่นๆในโลกนี้ มีท่าทีต่อคนพิการกับกีฬาของคนพิการอย่างไรกันบ้าง แต่กับประชาชนของเจ้าภาพแล้วออกมาดี (ประเมินจากการปรบมือยาวนานให้นักกีฬาบ่อยๆ ซึ่งคุณพัทธยา เทศทอง ของทีมชาติไทยก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมรอบสนามร่วมห้านาทีซึ่งหาได้ยากมากในสังคมไทย)
กล่าวเฉพาะสังคมไทย ปีนี้สื่อในประเทศไทย เสนอข่าวพาราลิมปิกตั้งแต่ก่อนเริ่มการแข่งขันมาจนถึงตอนจบอย่างคึกคักกว่าหนก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด นอกจากความถี่ของการเสนอข่าวมากขึ้นแล้ว บำเหน็จรางวัลแก่นักกีฬาที่ได้รับชัยชนะ ที่เคยแตกต่างห่างไกลกับนักกีฬาร่างกายปกติมากมายหลายช่วงตัว ก็ขยับเข้าใกล้กัน จนเห็นเนื้อเห็นหนังนำไปตั้งเนื้อตั้งตัว หรือสร้างสรรค์อะไรตามความปรารถนาได้ ทำให้ความเสมอภาค หรือความเท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์ที่ถามหากันมานาน ได้รับคำตอบที่เป็นพฤติกรรมจริง ไม่ใช่กำนัลด้วยลมปากอย่างที่แล้วๆมา
ส่วนหนึ่งของบำเหน็จรางวัลที่เพิ่มขึ้นมาจากรัฐบาลเอง อันเป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้วเพราะเป็นรัฐบาลของมหาชนซึ่งมีคนรากหญ้าอยู่มาก แต่ส่วนที่มาจากภาคเอกชนนั้น ต้องวิเคราะห์มากกว่าหน่อย เพราะที่แล้วๆ มามักมีเงื่อนไขหรือปัจจัยเบื้องหลังกำกับอยู่มากบ้างน้อยบ้าง
ถ้าเราสังเกตจากข่าวกีฬาดังๆ ที่มีคนดูมากๆ เรามักจะเห็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงสวมใส่ผลผลิตดังๆ แพงๆ และต้องหันด้านที่มีเครื่องหมายการค้าเข้าหากล้องบ่อยๆ นักกีฬาเหล่านี้รวยอื้ออยู่แล้ว แต่นายทุนก็ยังเอาของแพงให้เขาฟรีๆ และอาจแถมสตางค์ให้อีกเป็นฟ่อนๆ ด้วยซ้ำ เขาทำเช่นนี้ได้ เพราะเขารู้ว่า สินค้าเขาจะขายดี นอกจากนักกีฬาทั้งหลายจะซื้อแล้ว บรรดามนุษย์โนเนมที่ยังไม่รวยหรือไม่มีทางรวยทั้งหลายก็จะขวนขวายซื้อหามาสวมใส่ด้วยแน่นอน
ดังนั้น การที่เขายอมจ่ายแก่นักกีฬาดังๆ นั้น เพราะเขาเชื่อว่าเขามีโอกาสได้คืนอีกหลายเท่าตัว ในทางตรงข้าม เขาไม่เชื่อว่า คนพิการจะย้อนกลับมาช่วยเขาได้ในเรื่องนี้ ผมจึงยังไม่เคยเห็นนักกีฬาพิการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าดังๆ (ถ้าเคยมีผมคงตาถั่วเอง) และวันหนึ่งข้างหน้า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณสายสุนีย์ จ๊ะนะ (เหรียญทองฟันดาบบนวีลแชร์) หรือคุณรุ่งโรจน์ ไทยนิยม (เหรียญทองเทเบิลเทนนิส) หรือคุณพัทธยา เทศทอง (สองเหรียญทองบ็อกเซีย) จะได้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของสปอนเซอร์ที่ให้รางวัล
ด้วยเหตุนี้ ภาคเอกชนที่ให้รางวัลนักกีฬาหนนี้ จึงเป็นผู้ที่มิได้คาดหวังอะไรตอบแทนจากนักกีฬามากนัก ถึงแม้จะคาดหวัง ผมก็ว่าเป็นเรื่องทางบวก เพราะหมายถึง การได้งาน ของนักกีฬา และ-สำคัญมาก-หมายถึงการเห็นว่า นักกีฬาเหล่านี้เป็นมนุษย์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ด้วย
วิเคราะห์แล้ว ก็ขอปรบมือให้ห้านาทีครับ
นักกีฬาพาราลิมปิกของเราได้แสดงให้เห็นแล้ว ว่า เขาสามารถทำอะไรเองได้ตามศักยภาพของเขา และเขาต้องการประสบความสำเร็จในฐานะมนุษย์ด้วยความมานะพยายามของตัวเอง ดังคำพูดของคุณรุ่งโรจน์ ไทยนิยม หลังจากเอาชนะคู่แข่งซึ่งเป็นมือหนึ่งของโลก และเคยชนะคุณรุ่งโรจน์มาแล้ว ว่า
“...ผมเคยแพ้เขามาแล้ว ผมจะต้องไม่แพ้เขาอีกเป็นครั้งที่สอง...”
คำพูดเช่นนี้ กับการกลับมาเมืองไทยแล้วไปปรากฏตัวตามที่ต่างๆหลายที่ของคณะนักกีฬาทำให้สังคมไทยได้ตระหนักว่า ไปๆ มาๆนักกีฬาพาราลิมปิกได้กลายเป็นผู้ปลุกขวัญและให้กำลังใจคนไทยที่สมประกอบจำนวนมากไปแล้ว พวกเขาคือแสงสว่างซึ่งส่องด้านที่ยังสลัวมัวหม่นของสังคมไทย
หวังว่าแสงสว่างเช่นนี้จะส่องได้สว่างขึ้นเรื่อยๆ อย่างทั่วถึง
ไม่มีความเห็น