ผมได้บันทึกเรื่องดัชนีความก้าวหน้าของชาติไว้ ที่นี่ เข้าไปเยี่ยม เว็บไซต์ของโครงการได้ ที่นี่ท่านที่สนใจเรื่องดัชนีนี้ มีเอกสารที่เว็บไซต์นี้ให้อ่าน น่าอ่านมากครับ
วันที่ ๖ ส.ค. ๕๕ มีการประชุมคณะกรรมการกำกับทิศทางของโครงการ ที่เรียกว่า “แผนงานสนับสนุนการพัฒนาประเทศด้วยดัชนีชี้วัดความก้าวหน้าของชาติ” ครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ มีความก้าวหน้าไปมากอย่างน่าชื่นใจ โดยที่เรามีเป้าหมายสร้างตัวชี้วัดการพัฒนาประเทศที่มองรอบด้านกว่าดัชนีที่มีอยู่ (เช่น GDP) และมีการขับเคลื่อนสังคมให้มีการใช้ดัชนีนี้ เพื่อให้สังคมพัฒนาไปตรงทางที่ยั่งยืนถาวร และผู้คนมีความสุข กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ถึงตอนนี้ทีมงานได้พัฒนาดัชนี 4 Index สำหรับประกอบกันเข้าเป็น NPI (National Progress Index) ที่เป็นเลขตัวเดียวและสะท้อนความก้าวหน้าของประเทศ จังหวัด และพื้นที่ที่เล็กลงไปได้
ดัชนีย่อย ๔ ตัวได้แก่
การพัฒนาดัชนีนี้ไม่ใช่นักวิชาการดำเนินการด้วยตนเอง แต่ทำโดยไปทำกระบวนการกับฝ่ายต่างๆ ในบ้านเมือง ได้รับความร่วมมือกันดีมาก เสียดายว่าสภาพัฒน์ฯ คงจะมีงานยุ่งหลายด้าน จึงไม่เข้ามาร่วมด้วย
ที่จริงในคณะกรรมการชี้ทิศทางนี้มีนักเศรษฐศาสตร์อยู่หลายท่าน แต่อาจจะเป็นนักเศรษฐศาสตร์สายประชาสังคม ผมจึงแนะนำให้นำเรื่องราวผลการสังเคราะห์แนวคิดไปปรึกษานักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมากๆ ด้วย ว่าท่านจะมีความเห็นแตกต่างไปอย่างไรบ้าง เราต้องการฟังความเห็นจากรอบด้าน และเคารพความแตกต่าง
คู่ขนานไปกับการจัดทำดัชนี ทีมงานก็ได้ทำงานร่วมกับจังหวัดนำร่อง พื้นที่นำร่อง และตำบลนำร่องไปพร้อมๆ กัน โดยผมได้เตือนความจำว่า ตอนเริ่มโครงการ อ. ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (ผู้ล่วงลับ) ได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่า เป้าหมายหลักไม่ใช่การพัฒนาตัวชี้วัด แต่เป็นการขับเคลื่อนสังคม ใช้ตัวชี้วัดเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสังคม ให้พัฒนาอย่างสมดุล ไม่สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง
เรานัดประชุมซ้อมการใช้ดัชนีที่พัฒนาขึ้น วันที่ ๗ พ.ย. ๕๕ และจะมีการประชุมวิชาการระดับชาติว่าด้วยดัชนีความก้าวหน้าแห่งชาติในวันที่ ๗-๘ ก.พ. ๕๖ โดยจะมีการสื่อสารเรื่องนี้กับสังคมเป็นระยะๆ โดยร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส
ในตอนแรกของการประชุมวันนี้ เราใช้เวลาไปพอสมควรกับการทำความเข้าใจผลการสำรวจความพึงพอใจในชีวิตของคนไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ดำเนินการโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งประกาศไปเมื่อวันที่ ๑๒ มิ.ย. ๕๕ อ่านได้ที่นี่ และที่นี่ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการสำรวจ ๒ อย่างในเวลาเดียวกัน คือสำรวจความสุขในชีวิต (ด้วยคำถาม ๑๕ ข้อ) กับสำรวจความพึงพอใจในชีวิต ให้ผู้กรอกแบบสอบถามคิดเองแบบ subjective เราซักถามทำความเข้าใจธรรมชาติของการศึกษาแบบนี้ รวมทั้งข้อจำกัด หรือข้อพึงระวังในการแปลผล ผลหลายข้อทำให้ผมนึกถึงหนังสือ Predictably Irrational ดัง บันทึกนี้
วิจารณ์ พานิช
๖ ส.ค. ๕๕
ไม่มีความเห็น