..ออฟฟิศ"รัก"ออฟฟิศ..


รูปธรรมทุกอย่างในบริษัท สามารถเปลี่ยนแปลงได้หมดทุกเรื่อง ตามนามธรรมที่เรียกว่า "ทัศนคติ"

ฉันเป็นคนนึงที่ใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคนส่วนใหญ่ในโลก ในเมื่อคนบนโลกส่วนใหญ่ทำงาน ฉะนั้น "คน"ในที่ทำงาน ย่อมมีผลต่อการกระทำ และคำพูดไม่น้อยทีเดียว

ฉันพบว่าปัญหาหลักๆ ของการทำงานร่วมกัน แบบมีนายจ้าง คือ ลูกจ้างมักคิดว่านายจ้างเอาเปรียบ, นายจ้างมักคิดว่าลูกจ้างขี้เกียจ, เพื่อนร่วมงานมักคิดว่าคนนี้แย่แต่ทำไมได้ดีกว่าตน
ถ้าเปลี่ยนมุมมองความคิดกันใหม่ การทำงานร่วมกันระหว่างคนในองค์กร คงต้องดีกว่านี้แน่ คือ มองเห็นว่าเรามาอยู่รวมกัน เพื่อทำหน้าที่ของใครของมันให้ดีที่สุด โดยต้องมีความเมตตากรุณา มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ประทับในหัวใจด้วย เวลาเห็นเพื่อนร่วมงานเดือดร้อน พบปัญหาในการทำงาน ก็ไม่นิ่งเฉย     มีการอาสาเข้าไปช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน กลายเป็นว่า คนนี้ก็ช่วยคนนั้น คนนั้นก็กลับมาช่วยคนนี้ งานของตัวเองก็ทำได้ดี ความรัก สามัคคี ก็คงเพิ่มพูนมากมาย เจ้านายเห็นก็อยากทำดีเพื่อให้กำลังใจลูกน้อง ด้วยบรรยากาศในที่ทำงาน สวัสดิการที่ดี ลูกน้องก็อยากทำดีกับเจ้านายด้วยการทำงานให้ดีที่สุด

อย่าลืมว่า รูปธรรมทุกอย่างในบริษัท สามารถเปลี่ยนแปลงได้หมดทุกเรื่อง ตามนามธรรมที่เรียกว่า "ทัศนคติ"

ปัญหาสำคัญอีกข้อที่ต้องกล่าวถึงคือ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือนินทา
คนนินทา ก็เพราะ"อยากรู้"ความจริง แต่ต้องเข้าใจตามเป็นความเป็นจริงด้วยว่า เรื่องของเรื่องกว่าจะมาถึงเรานั้น ได้ถูกปรุงแต่งมาแล้วมากมาย ข้อเท็จจริงถูกบิดเบือนไป ไม่เหมือนเดิมเป๊ะ ให้เข้าใจลึกซึ้งในจุดนี้ด้วย
คนถูกนินทาเอง ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า คนทั้งหมดที่รู้จักเราจะพูดถึงเราแค่ 3 แง่เท่านั้นเอง คือ ชม หรือ ด่า หรือ เฉยๆ จะถือสาอะไรกับลมปากคนหนอ เพราะมันเป็นสาเหตุให้กินแหนงแคลงใจ ทะเลาะเบาะแว้งกันไม่สิ้นสุด

อีกปัญหาหนึ่งข้อที่ใหญ่มากคือ เรื่องเงินเดือน
ลูกน้องอยากได้เงินมาก ทำงานน้อย, เจ้านายอยากให้ทำงานมาก แต่จ่ายเงินน้อย ทำไมไม่เปลี่ยนเป็น คนทำงานมากให้มาก คนทำงานน้อยให้น้อยล่ะคะมันยังจะส่งผลให้คนทำงานน้อย เปลี่ยนตัวเองมาทำงานให้มากขึ้นด้วย คนดีอยู่แล้วก็จะดีขึ้น คนไม่ดีก็จะพัฒนาตนให้ดียิ่งขึ้นไป ง่ายต่อการปกครอง ทุกคนได้ประโยชน์หมด (win-win situation)

สำหรับปัญหาเรื่องเพื่อนร่วมงานประเภทปากปราศัย น้ำใจเชือดคอ บางคนสามารถเหยียบย่ำหรือทำร้ายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ คนจำพวกนี้มักเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ ถ้ามองกันจริงๆ แล้ว พวกเขาน่าสงสารมาก เพิ่มกรรมเลวให้ตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะความไม่มีปัญญารู้เท่าทันว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้มา ก็ไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของชีวิตคน เพราะพวกเขาเห็นสิ่งสมมุติชัดเจนมากกว่า สิ่งที่เป็นเนื้อแท้จริงๆ ถ้าพวกเรามีภูมิปัญญาที่ดี และมีเมตตา พวกเราต้องให้อภัยเขา อธิบายให้เขาได้เข้าใจมากขึ้น ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเรา กรรมที่เกิดขึ้น ก็ไม่ใช่กรรมของเรา ใครทำใครได้ แต่เราควรชี้ทางสว่างให้เขาเห็นว่าตรงไหนเดินแล้วสบาย เบา โล่ง ไม่ต้องหนัก ไม่ต้องแบก ไม่ต้องเบียดเบียน ก็เมตตาไปเท่าที่ทำได้

มาเรื่มเปลี่ยนตัวเองใหม่ ตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนะคะ ออฟฟิศเราจะได้น่าอยู่ น่าไปทำงาน ใครได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน ก็จะประทับใจ นำไปปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อใจเราเปลี่ยน คนอื่นเห็นว่าดี ก็จะเปลี่ยนตามกันไปเรื่อยๆ เอง ส่งผลให้โลกใบนี้สะเทือนตามไปด้วยอย่างแน่นอน เหมือนกับคำที่ว่า -เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว-

ในเมื่อเราฝึกตนทำตัวเองให้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสั่งสอนคนอื่นหรอกค่ะ คนดีมีภูมิปํญญา เห็นเข้าก็เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ไปติดตัวเขาเอง เรามาลองลดตัวตนของเรา เพิ่มคุณค่าให้คนอื่นมากขึ้น การปฏิบัติต่อคนอื่นจะดีขึ้นเอง ผลที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเอง เพราะเมื่อเราปฏิบัติดีต่อเขา เขาย่อมปฏิบัติดีต่อเรา (ถึงจะไม่ 100% เต็ม แต่รับรองว่าเห็นผลอย่างแน่นอน)ค่อยๆ ทำไปนะคะพวกเรามาร่วมกันทำงานไป มีเมตตาไป อีกไม่นานคงไร้คนเบียดเบียนอย่างแน่นอนค่ะ


Written by
JeeJie

หมายเลขบันทึก: 501459เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2012 00:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กันยายน 2012 00:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท