ถ้าพูดถึงการใช้ชีวิตประจำวันของทุก ๆ คน ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ในความประมาท เสี่ยงต่อ อันตราย โรค ภัย ใคร่ เจ็บ แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่หลีเลี่ยงไม่ได้ และทุกคนต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ บางคนชีวิตครอบครัวมีความสุข แต่การทำงานล้มเหลวไม่ประสบผลสำเร็จในชีวิต บางคนการงานเจริญก้าวหน้า แต่ไม่มีเวลาให้ครอบครัวก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้น บางคนรวยล้นฟ้าแต่หาความสุขไม่ได้ ปัญหาทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้ แต่ก็สามารถหยุดมันเพียงแค่ ปล่อยวาง ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท การแก้ปัญหาทุกอย่างมันมีขั้น มีตอน ของมันอยู่แล้วเพียงแค่ปิดใจรับ ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า
"อริยสัจ 4 ประการ" เป็นวิธีการแห่งปัญญา ซึ่งดำเนินการแก้ปัญหาตามเหตุผลตามเหตุปัจจัย คือ การแก้ปัญหาของบุคคลด้วยปัญญาของตัวบุคคลนั้นเอง โดยไม่ต้องอาศัยการดลบันดาลประทานพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเป็นสัจธรรมความจริงที่เกี่ยวกับชีวิตของคนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใด อยู่ในเพศหรือภาวะใด จะต้องประสบด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น เพื่อยืนยันถึงหลักอริยสัจว่าเป็นกระบวนการแก้ปัญหาทุกอย่างโดยเฉพาะในการแก้ปัญหาชีวิตในสังคม จึงขอเสนอแนะนำหลักอริยสัจ 4 มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาชีวิตได้ตามลำดับขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 ทุกข์ ขั้นตัวปัญหา
ขั้นที่ 2 สมุทัย ขั้นสาเหตุของปัญหา
ขั้นที่ 3 นิโรธ ขั้นดับปัญหา
ขั้นที่ 4 มรรค ขั้นลงมือแก้ปัญหา
นอกจาก การแก้ปัญหาชีวิตด้วยหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า "อริยสัจ 4" แล้ว ยังมีอีกหนึ่งวงจรที่จะเป็นตัวช่วยให้การดำเนินชีวิตประสบความสำเร็จคือ วงจร PDCA ของเดมมิ่งคือ วงจรการบริหารงานคุณภาพ มีอยู่ด้วยกัน 4 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 P = Plan
ขั้นที่ 2 D = Do
ขั้นที่ 3 C = Check
ขั้นที่ 4 A = Action
อริยสัจ 4 |
วงจร PDCA |
ขั้นที่ 1 ทุกข์ ขั้นตัวปัญหา จัดเป็นขั้นแถลงหรือแสดงปัญหาที่จะต้องทำความเข้าใจและรู้รอบเขต กล่าวคือ ต้องรู้สภาพปัญหา ความไม่พอใจ ความติดขัดบกพร่องที่บุคคลได้ประสบหรือเกิดขึ้นในชีวิตของตน โดยต้องกำหนดรู้ ทำใจยอมรับ ทำความเข้าใจ และกำหนดขอบเขตของมันให้แจ่มชัดว่าเป็นปัญหาหรือไม่ เป็นปัญหาใหญ่หรือปัญหารอง |
ขั้นที่ 1 P = Plan คือ การวางแผน ในแผนงานจะต้องมีวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และระยะเวลาดำเนินการ |
ขั้นที่ 2 สมุทัย ขั้นสาเหตุของปัญหา จัดเป็นขั้นวิเคราะห์และวินิจฉัยมูลเหตุของปัญหาซึ่งจะต้องแก้ไขกำจัดให้หมด สิ้นไป กล่าวคือ ต้องแสวงหาสาเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวก่อให้เกิดปัญหา หรือเกิดความติดขัดบกพร่องในชีวิตบุคคล โดยให้เฟ้นหาสาเหตุแห่งปัญหาหรือความทุกข์ต่างๆ ให้ถูกต้องชัดเจน และต้องเป็นสาเหตุต้นตอจริงๆ ที่เกิดจากตัวเองเป็นส่วนใหญ่ มิใช่ไปโทษโชคชะตา ซึ่งเป็นเรื่องนอกตัวออกไปทั้งหมด |
ขั้นที่ 2 D = Do คือ การปฏิบัติงานตามแผน โดยการดำเนินงานตามขั้นตอนในแผนงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง |
ขั้นที่ 3 นิโรธ ขั้นดับปัญหา จัดเป็นขั้นชี้บอกภาวะปราศจากปัญหาซึ่งเป็นจุดหมายที่ต้องการ ให้เห็นว่าการแก้ปัญหานั้นเป็นไปได้ และจุดหมายนั้นควรเข้าถึงซึ่งจะต้องให้สำเร็จให้จงได้ หรือทำให้เป็นจริงเป็นจังขึ้นมา โดยกำหนดจุดหมายปลายทางที่แน่นอน พร้อมทั้งกำหนดจุดหมายและเป้าหมายรองไว้ด้วยว่าแต่ละขั้นตอนนั้นมีจุดหมาย และเป้าหมายเพียงใดแค่ไหน |
ขั้นที่ 3 C = Check คือ การตรวจสอบและรายงานผลการดำเนินงาน ตามแผน ว่าเมื่อดำเนินงานตามแผนแล้วมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขแผนงานในขั้นตอนใด |
ขั้นที่ 4 มรรค ขั้นลงมือแก้ปัญหา จัดเป็นขั้นกำหนดวิธีการและรายละเอียดที่จะต้องปฏิบัติในการลงมือแก้ปัญหา กล่าวคือ การลงมือปฏิบัติหรือดำเนินการตามวิธีการอย่างละเอียดเพื่อแก้ปัญหาไปตามขั้น ตอน โดยกำหนดวางวิธีการ วางแผนงานและรายการที่จะต้องทำให้ละเอียด |
ขั้นที่ 4 A = Action คือ การนำปัญหามาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงาน และนำแนวการปฏิบัติที่ดีมาจัดทำแผนงานในครั้งต่อไป |
จากรูปภาพจะเห็นได้ว่าเมื่อเราเกิดปัญหาขึ้น เช่น มาทำงานสายทุกวัน
ขั้นที่ 1 เราจะต้องทราบก่อนว่าสิ่งที่ทำให้เรามีปัญหา ทำให้เรามาสายนั่นเกิดจากสาเหตุอะไร (อาจเป็นเพราะรถติดที่ทำให้เรามาสาย) เมื่อทราบแล้วเราก็มานั่งวางแผนมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เราไม่ต้องมาทำงานสาย
ขั้นที่ 2 เราจะต้องนำแผนการที่ได้วางแผนมาแล้วมาวิเคราะห์ว่า ถ้าทำเช่นนั้นแล้วเราจะมาเร็วขึ้นรึเปล่า (เปลี่ยนเส้นทางที่ไม่รถติด) แล้วลองนำมาปฏิบัติดูว่าจะมาทำงานเร็วขึ้นหรือไม่
ขั้นที่ 3 เมื่อเราลองเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางมาทำงานแล้ว เราก็มาดูว่าข้อมูลไหน การเดินทางเส้นไหนที่ทำให้เรามาทำงานได้รวดเร็วขึ้น
ขั้นตอนสุดท้าย ขั้นที่ 4 เมื่อเราเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดที่ทำให้เราเดินทางมาทำงานได้รวดเร็วขึ้น แล้วก็นำวิธนั้นมาปรับปรุงในการใช้ชีวิตประจำ
- สรุปสุดท้ายง่ายๆ คือ ลองนำปัญหามานั่งคิด หาตัวที่ก่อให้เกิดปัญหา หาวิธีแก้ไขปัญหา ลองลงมือแก้ปัญหา และนำมาปรับปรุง จะเห็นได้ว่าระหว่างคำสอนของพระพุทธเจ้า "อริยสัจ4" และวงจรการควบคุมคุณภาพวงจร "PDCA" ของเดมมิ่ง ไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า “อริยสัจ4” ก็มีมานานแล้ว ส่วนวงจรการควบคุมคุณภาพวงจร "PDCA" ของเดมมิ่ง ก็มีการนำมาใช้ในการบริหารงานควบคุมคุณภาพเพื่อให้งานประสบผลสำเร็จ และมีหลายคนที่นำวงจรนี้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมานานแล้วเช่นกัน
- ใครที่กำลังมีปัญหา หาทางออกไม่ได้ ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูก็ได้นะค๊ะ ทุกสิ่งทุกอย่างเหนือสิ่งอื่นได้ก็คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือความไม่เที่ยง แปรปรวนไป สลายไปในที่สุด จะหาอะไรมาเป็นเรา ของเราไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า ไม่ให้ไปยึดมันถือมั่น จงใช้ชีวิตอย่างพอเพียง อย่ายึดติดกับปัญหา เพราะทุกปัญหามีหนทางแห่งการแก้ไข
By..sine.zine
PDCA เข้าได้ทุกเรื่อง
สุดยอดไปเลย......
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีได้ดีมากค่ะ