ธรรมชาติสอนใจ จากคนไข้หนังแข็ง


เมื่อวันศุกร์ ชลัญนั่งซักประวัติที่แผนกผู้ป่วยนอกเหมือนเดิม   เจอคนไข้ Case  หนึ่ง  เป็นโรคหนังแข็ง ( Scleroderma)

"โรคผิวหนังแข็งเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้ป่วยจะสร้างภูมิต้านทานต่อเนื้อเยื่อบางชนิดของตนเอง มีการกระตุ้นเซลล์ไฟโบบลาสต์ให้สร้างสายใยคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้นทั้งในผิวหนังและอวัยวะภายในอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติขึ้น เช่น อาการผิวหนังแข็งตึง ปลายนิ้วเขียวคล้ำเวลาสัมผัสความเย็น ผิวหนังมีสีคล้ำขึ้น ลำไส้ดูดซึมไม่ดี หรือ พังผืดเพิ่มขึ้นในปอดทำให้เกิดอาการหอบเหนื่อย ถ้าโรคเป็นไม่มาก อาการจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่แทรกตัวอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ มีปริมาณน้อย อาจไม่รบกวนการทำงานของอวัยวะเหล่านี้และไม่ปรากฏอาการให้เห็น http://inderm.go.th/nuke_802/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=230"

โหหน้าตาดูไม่ได้  เหมือน อีทีมาจากต่างดาวทีเดียว  หลายๆคนคงไม่เคยเห็นโรคนี้  เอ้าดูรูปนี้  คงร้องอ๋อ 

 ตัวอย่างผู้ที่เป็นโรคนี้หลายคนคงจำเธอได้  น้องอ้อม 

         ความทุกทรมานของคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ไม่เพียง  ความเจ็บปวดของร่างกายที่มันช่าง ทุกข์ทรมาน แต่ยังมีภาพลักษณ์ที่เดินไปไหนๆ มักเป็นตัวประหลาดห้ทุกคนเหลียวหลังแลมองทั้งนั้น  เห็นแล้วน่าสงสาร  ชลัญเป็นแค่พาร์กินสันเวลาอาการกำเริบ เดินเหินไม่สะดวกยังสงสารตัวเองเลย  แล้วนี่ทั้งตัว  ผิวหนังจะสีดำ กำมือไม่ได้ มือจะขาวหรือซีด ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดหดตัว ต่อมาจะมีสีม่วงหรือคล้ำ เนื่องจากกผิวหนังขาดออกซิเจน หลังจากนั้นผิวหนังจะมีสีแดง เพราะเลือดจะไหลไปเลี้ยงเพิ่มขึ้น ผิวหนังจะเกิดอาการเหล่านี้เมื่อสัมผัสอากาศหรือน้ำเย็น ต่อมาจะลามมาที่แขน หน้าและลำตัว หน้าผากย่น ยิ้มยาก ตามตัวพบด่างขาวเป็นจุด ถ้าเป็นมากจะกลืนลำบาก 

     อาการแต่ละอย่างล้วนทรมาน  

     ภาพลักษณ์อีกยิ่งสำคัญ  ชลัญเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามความรู้สึก  สำหรับคนไข้รายนี้ เป็นคุณป้าวัย  54 ปี  มากับลูก 2 คน  เป็นหนุ่มสาวกันแล้วน่าตาดีทีเดียว  

    ชลัญถาม "อายมั๊ยที่แม่เป็นแบบนี้ "

    ลูกคนไข้ตอบ "ไม่อายค่ะหมอ"  แม่ไม่ใช่คนเลว  

     อ๊าย....ตอบซื่อๆแบบบ้านๆ  ได้ใจชลัญทีเดียวแม่ไม่ใช่คนเลว ผิดกับคนในสังคมดันชื่นชมคนเลว แต่อายที่จะทำดี    

    ถามคนไข้บ้าง "ป้าอายมั๊ย ไปไหนๆ ก็มีคนมอง "

    คนไข้บอก  "ลูกไม่อาย ฉันจะอายทำไมหมอ ของมันเป็นไปแล้ว อะไรจะเกิดมันก็เกิด  ทุกวันนี้ลูกดูแลฉันดี  พามาหาหมอตลอด  ไม่เคยทิ้งฉันไปไกล  แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว"

      อ๊าย.......ได้ใจอย่างแรง ลูกยังไม่อายแล้วฉันจะอายทำไม ใช่เลย ครอบครัวนี้น่ารักจริง  นี่ขนาดอยู่กันแบบบ้านๆ มีอาชีพ ทำนารับจ้างทั่วไป  การศึกษาไม่ได้สูงส่ง  

รูปคนไข้ที่ชลัญถ่ายไว้ หน้าตาไม่ต่างจากน้องอ้อมอาจดูแย่กว่า เพราะสีผิวดำเหมือนมือและขาที่เห็น

       ผิดกับคนในสังคมที่ชลัญเจอ  

       มีแม่แก่ๆมาหาหมอบอกแม่ไม่ต้องมาจะรับยาไปให้  เงอะงะ ไม่รู้เรื่อง  ไปไหนก็ขายหน้า          

        ไม่กล้าพาแม่ไปงานที่โรงเรียน เพราะกลัวขายหน้าเพื่อน  

         มา รพ.เพียงมาส่งทิ้งไว้  แล้วจะมารับไม่รู้เมื่อไหร่  แม่ก็นั่งรอไป จนเย็น  

         ไปเที่ยวก็ขอไปกับเพื่อน ไปกับพ่อแม่ไม่สนุก เชย ซะงั้น 

         ไปกินอาหารในร้านเลี้ยงวันเกิด ที่ร้านอาหาร ราคาแพง แต่ในกลุ่มนั้นไม่มีพ่อแม่เลย  ทั้งที่เงินก็ขอพ่อแม่มา

         แม่พูดภาษาบ้านๆบอกแม่ไม่ต้องพูดอายเขา  เอาเข้าไปนั่น 

         ........

         ........

         ........

         ฯลฯ

         ไม่ต้องถึงกับหนังแข็งหรอก  

         การศึกษานี่ไม่ได้ช่วยบ่มเพาะนิสัย  ของคนให้ รู้จักคิด จริงๆหรือนี่

         กตัญญู  กตเวที  ไม่รู้ยังสกดเป็นกันหรือเปล่า  

          อยากเอาครอบครัวโรคหนังแข็งไปเป็นตัวอย่างให้กราบจริงๆ ให้ตายเถอะ  

 

 

ชลัญธร  ตรียมณีรัตน์  

 

หมายเลขบันทึก: 500859เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2012 16:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน 2012 13:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ขอบคุณคะ นับว่าคุณป้าจิตใจเข้มแข็งมาก ประทับใจ "ลูกไม่อาย ฉันจะอายทำไมหมอ"

ผู้ป่วยมาตรวจกับข้าน้อยเอง ซึ่งข้าน้อยได้ใช้วิชาความรู้ที่เพิ่งทบทวนเรื่องหนังแข็งจาก American Academy of Family Physicians (ทบทวนไว้ตามลิ้งค์นี้ http://www.phimaimedicine.org/2012/08/1963.html) โดยได้เพิ่มยาในกลุ่ม immunomodulatory drugs เพื่อช่วยเรื่อง fibrosis ของผิวหนังให้ผู้ป่วยไปแล้ว ส่วนลักษณะของโรคนี้ในด้านอื่นๆ ของผู้ป่วยถือว่ายังดีอยู่ น่าเห็นใจคนไข้จริงๆ อะไรที่ช่วยคนไข้ได้ก็เต็มที่ครับ แต่ผู้ป่วยท่านนี้เป็นคนที่มีกำลังใจดีมาก จากการที่ได้พูดคุยกันในแต่ละครั้งที่มาตรวจ ลูกๆ ก็ดูแลผู้ป่วยดีครับ

เห็นความงามในจิตใจจากเรื่องเล่านี้ค่ะ..

  • ความกตัญูญูเป็นพื้นฐานของคนดี คุณป้าคงภาคภูมิใจมากเลยนะคะที่เลี้ยงลูกได้ดีขนาดนี้
  • ครอบครัวทีี่ทุกคนเข้าใจกันไม่ว่ามีปัญหาอะไรก็ฝ่าฟันไปได้
  • ชื่นชมครอบครัวตัวอย่างค่ะ

อ้าวหมอ อ้วนPhimaimedicine ยังไม่นอน ว้า ว่าจะนินทาแล้วเชียว

แซวจริง ไม่อ้วนแล้ว เสื้อ-กางเกงทุกตัวกลับมาใส่ใหม่ได้หมด เช้านี้ปั่นจักรยานไป 30 km. ตอนเย็นจะปั่นอีกรอบ + ตีแบด เดี๋ยวจะเอาให้เพรียวเหมือนสมัยวัยรุ่นเลย แต่เรื่องกินนี่ซิลดยาก หิวบ่อย เฮ้อ......

เป็นกำลังใจให้กับแม่ของคนไข้ - คนไข้ - คุณพยาบาลด้วยค่ะ สู้ๆจ้า

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท