ประสบการณ์ขอคืนภาษีมูลนิธิ
มาอีกแล้วค่ะ ประสบการณ์แปลกๆ ที่หาได้เมื่อทำงานมูลนิธิเท่านั้น คราวนี้เป็นเรื่องของภาษีที่มูลนิธิเพิ่งพบกับการเปลี่ยนแปลงในปีนี้ (และคงจะปีเดียวเท่านั้น)
ปลายปีที่แล้ว กระทรวงการคลังประกาศให้พูนพลังเป็นองค์การสาธารณกุศล มูลนิธิจึงไม่ต้องเสียภาษีนับตั้งแต่ปีที่ได้รับการประกาศ แต่ธนาคารเขาก็หักภาษีดอกเบี้ย ณ ที่จ่ายไปแล้ว 10% ตามอัตราปกติ พอถึงสิ้นปีพูนพลังจึงมีภาษีที่ถูกหักเกินไป 1,292.83 บาท
ถ้าเป็นภาษีส่วนตัว จำนวนเงินเท่านี้ไม่ว่าเลขาฯหรือใครๆก็คงยกประโยชน์ให้สรรพากร ดีกว่าเสียเวลามายุ่งจุกจิกกับเอกสาร การตรวจสอบ ฯลฯ แต่เนื่องจากนี่เป็นเงินของมูลนิธิ ก็ต้องติดตาม "เงินค้างรับ" ในบัญชีจำนวนนี้คืนมาให้ได้ สู้ตายค่ะ!
แรกสุด ในแบบภงด.55 ซึ่งเป็นแบบยื่นแสดงรายการเงินได้ของมูลนิธิมีช่องให้เซ็นขอคืนเงินภาษี ผู้มีอำนาจของมูลนิธิก็เซ็นชื่อประทับตราไปเรียบร้อย นำไปยื่นที่สำนักงานสรรพากรสาขาปากเกร็ด2 ในเมืองทองธานีเหมือนเช่นทุกปี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารแล้วก็ทักว่า ขอคืนภาษีนะครับ เลขาฯตอบรับไป ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เขียนตัวดินสอลงในแบบว่าขอคืนภาษี แล้วก็ให้ไปที่เคาน์เตอร์รับเอกสาร ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ได้ใบเสร็จรับเงินที่ลงว่า 0 บาท และมีเขียนไว้ว่า ขอคืนภาษี พร้อมมีเลขระบุเอกสาร และรหัสตรวจสอบ ด้วย
ในจุดนี้เลขาฯ รู้สึกทุกครั้งที่มาติดต่อ ว่ากรมสรรพากรออกแบบหลักฐานการรับเรื่องได้น่าประทับใจมากค่ะ ทำให้คนที่ไปติดต่อรู้สึกอุ่นใจว่าถ้าต้องติดตามเรื่องจะมีหมายเลขต่างๆแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความแน่ใจจึงถามเจ้าหน้าที่ว่าจะได้ภาษีคืนเมื่อไหร่ ท่านตอบว่า "เดี๋ยวกรมสรรพากรจะติดต่อไป"
โอ้โฮ! นี่กรมสรรพากรก้าวหน้าถึงขนาดปฏิบัติงานเชิงรุกกับการคืนภาษีแล้วหรือ... ตอนนั้นเลขาฯ ประทับใจมากค่ะ แม้เจ้าหน้าที่จะเสริมว่า "แต่คงต้องนานหน่อยนะ ต้องทำเรื่องภาษีบุคคลให้เสร็จก่อน" ก็รู้สึกว่า ไม่เป็นไร รอได้เสมอ ...
ด้วยความชะล่าใจเชื่อคำพูดของเจ้าหน้าที่ท่านนั้น เลขาฯก็เลยลืมเรื่องนี้เสียสนิท มาสะดุ้งอีกทีตอนเห็นตัวเลข "รายได้ค้างรับ" ติดอยู่ในบัญชีมูลนิธิที่เราปิดบัญชีย่อยกันทุกสองเดือน เลยได้ลุกขึ้นโทรศัพท์ยกใหญ่ แรกเริ่มก็โทร.ไปที่สายด่วนกรมสรรพากร 1161 ได้เบอร์โทรศัพท์ของสรรพากรจังหวัดนนทบุรีมา โทร.ไปที่สรรพากรจังหวัด เจ้าหน้าที่ที่รับสายงงไปงงมาพักหนึ่ง ก็ส่งโทรศัพท์ให้หัวหน้าของเธอ ชื่อคุณเรณู รับเรื่องแทน
เลขาฯ ขอชื่นชมวิธีการรับเรื่องของคุณเรณูจากใจจริงค่ะ ท่านถามรายละเอียดเพื่อไปติดตามเอกสารให้ได้เหมาะสมมาก สำเนียงการพูดก็ชัดเจนและใจเย็น ติดตามเรื่องให้ได้รวดเร็วทีเดียว (แจ้งไปวันศุกร์ วันอังคารติดต่อกลับ) ท่านบอกว่าภงด.55 ที่ส่งไปนั้นได้เซ็นขอคืนภาษี แต่ไม่ได้เซ็นอีกที่หนึ่งที่อยู่ข้างๆกัน (มาดูอีกครั้งเป็นส่วนที่ให้เซ็นรับรองว่ารายละเอียดที่แจ้งทั้งหมดเป็นความจริงซึ่งอยู่ข้างกันและรายละเอียดเหมือนกันจนดูเหมือนให้เลือกเซ็นที่ใดที่หนึ่ง ... เอ่อ ... แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารก็ไม่ยักบอกว่าเซ็นไม่ครบ!) ไม่ทันได้ถามว่าด้วยเหตุนี้หรือเปล่าจึงทำให้เรื่องนอนหลับสนิทอยู่ในโต๊ะหรือตู้ใดตู้หนึ่ง คุณเรณูก็แจ้งรายละเอียดเอกสารที่ต้องการให้ส่งเพิ่มเติม
วันนี้เลขาฯไปส่งเอกสารเพิ่มเติมที่สำนักงานสาขาปากเกร็ด2 อีกครั้ง ได้ใบรับแบบคำร้องมาพร้อมคำตอบของเจ้าหน้าที่ที่ว่า เอกสารจะเดินทางไปสำนักงานจังหวัดพรุ่งนี้ แต่ไม่รู้เจ้าหน้าที่จะทำให้เมื่อไหร่ ต้องไปติดตามเอาเอง ได้ฟังแล้วก็ อืม... ไม่รู้ว่าจะอุ่นใจหรือกลุ้มใจดีค่ะ รู้แต่ต้นสัปดาห์หน้าต้องโทรศัพท์ติดตามเรื่องอีกครั้ง ห้ามลืมเด็ดขาด
---
ที่จริงเคยมีผู้ใหญ่พูดให้ฟังตั้งแต่ครั้งเดินเรื่องขอเป็นองค์การสาธารณกุศลแล้ว ว่ากรมสรรพากรนั้นทำงานรวดเร็วเสมอถ้าเป็นการเก็บภาษี แต่ถ้าเป็นงานที่จะทำให้รัฐได้เงินลดลง หรือต้องคืนเงินล่ะก็ งานจะถูกกองดองไว้นานตราบเท่าที่เราไม่โทร.ตามจิกตามจี้ เรื่องนี้ไม่ทราบว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ประสบการณ์เท่าที่มีมาก็จริงทีเดียวค่ะ
อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมใบรับการยื่นเอกสารของกรมสรรพากรอีกครั้ง ถ้าอำเภอปากเกร็ดจะรับเอกสารให้ได้อย่างนี้บ้างก็ดีนะคะ ไปยื่นครั้งแรกพอขอใบรับ เจ้าหน้าที่ตวาดว่า น้องต้องทำสำเนามาให้พี่เซ็น เลขาฯเหวอไปเลยเพราะสมัยอยู่สำนักงานเก่าไปยื่นเอกสารที่เขตวังทองหลางทีไร เจ้าหน้าที่เป็นคนทำใบรับให้ทุกที
ใบรับเอกสารของสำนักงานสรรพากร
ไปติดต่องานราชการทีไรมีเรื่องมาเล่าทุกทีเลยค่ะ เฮ้อ...
ความเห็น (2)
สงสัยมีนโยบาย เก็บไว แต่คืนเงินช้าครับ 555
สงสัย เหมือนกันค่ะ