มาเชลโล มัลพิกิ (Marcello Malpighi) สนใจศึกษาธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่ตาเปล่ามองไม่เห็น เขาจึงไปศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโบล็องญาในขณะที่เขาเรียนอยู่นั้น เขาและเพื่อนอีก 9 คนได้นำสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่มาผ่าตัดและเคยนำศพฆาตกรที่ถูกประหารแล้วมาผ่าดูอวัยวะภายในหลังจากจบการศึกษา ชื่อเสียงของเขาได้ทำให้กษัตริย์เฟอร์ดินานที่ 2 ทรงประทับใจ จึงเชิญให้ไปทำงานเพื่อศึกษาโครงสร้างของกล้ามเนื้อหัวใจ
ขณะที่เขาทำงาน เขาและเพื่อนร่วมงานชื่อ จิออวานนี บอเรลลี (Giovanni Borelli) พบว่าเลือดแดงไหลออกจากหัวใจ และเลือดดำไหลกลับเข้าหัวใจ เหมือนดังที่ วิลเลียม ฮาร์วีย์ (William Harvey) พบ แต่ฮาร์วีย์ ก็ยังสงสัยว่าเลือดแดงกลายสภาพเป็นเลือดดำ ณ ที่ใดในร่างกายคน ซึ่งมัลพิกิ ได้ศึกษาพบว่า ผิวปอดของสัตว์มีเส้นเลือดติดต่อเนื่องกันเป็นตาข่าย และปอดประกอบด้วยถุงลมขนาดเล็กจำนวนมาก เขาได้ตีพิมพ์ผลงานชิ้นแรก เรื่องโครงสร้างของปอด และได้เสนอความเห็นว่า ปอดทำหน้าที่ผสมสารที่เป็นของแข็งและของเหลวในเลือด
มัลพิกิได้ใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังสูงส่องดูปลายเส้นเลือดดำกับปลายเส้นเลือดแดง และพบว่าเส้นเลือดขนาดเล็กจำนวนมากที่ยึดโยงระหว่างเส้นเลือดทั้งสองชนิดนี้ เขาจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้พบ เส้นเลือดฝอยเป็นคนแรก และจากการศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์นี้ทำให้เขาได้รับยกย่องให้เป็น “บิดาของวิทยาการด้านกายวิภาควิทยาเชิงจุลทรรศน์” นอกจากนี้เขายังได้ศึกษาโครงสร้างของเซลล์พืชและสัตว์โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม:http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000098220