คุณซื้อหนังสือให้ลูกเพราะอะไร


            คำถามนี้น่าสนใจมากนะคะ  เป็นคำถามที่เตือนสติให้เรามานั่งคิดทบทวนว่าเหตุผลที่แท้จริงของการที่เราซื้อหนังสือให้ลูกนั้นเพราะอะไร คำถามนี้เป็นคำถามที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรม “หนังสือและสื่ออ่านเพื่อการพัฒนาสุขภาวะและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย” เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 55 ที่ผ่านมา

            คำถามนี้ แม่ดาวก็มานั่งคิดทบทวนแบบจริงจัง นั่นซิ....จุดมุ่งหมายหลัก ๆ ในการซื้อหนังสือให้ลูกอ่านเราทำไปเพราะอะไร คำตอบที่ได้เรียงตามลำดับเลยนะคะ คือ

            1.  เพื่อเป็นการปลูกฝังให้ลูกมีนิสัยรักการอ่านหนังสือ แบบที่แม่ดาวเองไม่มี สำคัญนะคะ เรื่องการรักการอ่านหนังสือเนี้ย  มันเป็นประตูนึงที่ช่วยเปิดโลกการเรียนรู้มากมาย  แต่ปัจจุบันก็ยังเห็นเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไร ชอบเล่นซะมากกว่า แต่แม่ดาวก็ไม่ได้เครียดอะไร สบาย ๆ  ยึดหลักหัวใจนักปราชญ์ สุ จิ ปุ ลิหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต  กะถัง โส ปัณฑิโต ภะเว  คนที่ปราศจากการฟัง คิด ถาม เขียน เสียแล้ว จะเป็นบัณฑิตไปได้อย่างไร” 

            ดังนั้นตอนนี้ให้เขาฟังให้มาก ๆ ไปก่อน ค่อย ๆ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ จากนั้นก็มาดูที่กระบวนการคิดของลูก เขามีคำถามในแต่ละวันมากมาย เราก็ต้องขยันตอบเขาด้วย ส่วนเรื่องอ่านและเขียนเนี้ย ณ ตอนนี้แม่ดาวยังไม่เน้น เรื่อย ๆ สบาย ๆ อยู่  แต่ระบบการศึกษาไทยเน้น อ่านและเขียนเป็นหลัก ๆ นะเท่าที่เห็นและจากประสบการณ์ตัวเอง ปัจจุบันกับเมื่อก่อนก็ยังเป็นแนวคิดแบบนี้ส่วนใหญ่นะ เมื่อไหร่จะเปลี่ยนแปลงสักทีไม่รู้  ฟังก็มีฟังแหละ แต่ฟังแล้วก็ไม่กล้าที่จะถาม ครูดุมากๆๆๆ ที่เจอกับตัวเองตอนเรียนนะ กลัวจนสมองแทบไม่พัฒนา กล้าคิดนะ แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าถาม หลัง ๆ เริ่มสมองฝ่อไม่กล้าจะคิดฮ่าๆๆ

            2.  หนังสือเป็นกิจกรรมนึงที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน เวลาที่เราอ่านหนังสือกับลูก เราและลูกจะมีความสุขมาก ได้ความอบอุ่น ใกล้ชิด รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เป็นกิจกรรมนึงที่สร้างความสุขง่าย ๆ ราคาก็ไม่แพงมากหากเทียบกับกิจกรรมอื่น ๆ

            3.  หนังสือเป็นเครื่องมือนึงที่แม่ดาวใช้ในการสร้างวินัยเชิงบวกกับลูก และได้ผลดีมาก ช่วยพัฒนาในเรื่องพฤติกรรม อารมณ์ และการอยู่ร่วมกันในสังคม  (EQ) วิธีนี้สำหรับน้องดีโด้แล้ว เป็นอะไรที่ง่าย และจัดการกับนิสัยและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้ดีนัก  และยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดนิสัยและพฤติกรรมดีๆ ที่เราต้องการอีกด้วย  วิธีนี้แม่ดาวใช้บ่อย ๆ บางทีก็แต่งนิทานเองล่าสุด เรื่องสติกับสตางค์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็ก 2 คนที่เกิดมามีพื้นฐานทางความคิดและชีวิตที่แตกต่างกันสิ้นเชิง และมีผลสรุปของเรื่องคือ เด็กคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีความสุขในชีวิตแบบแท้จริง คือเด็กที่มีสติปัญญามากแต่มีสตางค์น้อยประมาณนี้ 

            เคยคิดจะวาดภาพ หรือทำหนังสือนิทานทำเอง  แล้วก็ล้มเลิกไปหลายที แต่ครั้งนี้คาดว่าจะทำขึ้นมาสักเล่ม ลองดู แม่ดาวว่ามันน่าสนุก คุยกับลูก ๆ ก็อยากทำ ตอนแรก ๆ ที่คิด ก็ท้อและเลิกไป ไม่มีพรสวรรค์ทางศิลปะ แต่พอฟังบรรยายจุดประกายว่า มันไม่จำเป็นต้องสวยงาม คุณค่าของหนังสือนิทานที่เราจะทำมันอยู่ที่ใจ อยู่ที่เราได้ทำกิจกรรมนี้กับลูก เราและลูกมีความสุข และคงกลายเป็นนิทานเล่มแรกที่แม่ดาวกับน้องดีโด้จะทำร่วมกัน 

            4.  หนังสือเป็นเครื่องมือที่แม่ดาวใช้ในการพัฒนาสมองลูกและตัวเองด้วยฮ่าๆๆ  (IQ) ในแง่ความรู้ ความสามารถทางวิชาการต่าง ๆ แต่ตอนนี้ใช้น้อยในส่วนนี้นะ เนื่องจากไปเน้นส่วน EQ มากกว่า ณ ช่วงวัยนี้ ( 5 ขวบ) 

 ***ในการเลือกซื้อหนังสือของลูกส่วนมาก หากลูกไปด้วยเขาก็จะเป็นคนเลือกเอง โดยที่มีเราเป็นที่ปรึกษา เพราะบางทีเขาดูแค่ปก ไม่ได้สนใจเนื้อหาข้างใน เราเลยต้องคอยดูและบอกเขาอีกทีว่า เป็นเรื่องประมาณไหน เรามีความคิดเห็นว่าอย่างไร ส่วนลูกจะตัดสินใจยังไง เราก็ยอมรับค่ะ  แต่ก็มีบางเล่มนะที่เขายืนยันว่าจะเอา ให้ได้ แต่เราเห็นว่าไม่เหมาะสมเลย เช่น หนังสือปืนของพวกผู้ชาย แล้วก็เป็นหนังสือผู้ใหญ่มากๆ  เราไม่สนับสนุนความรุนแรงอยู่แล้ว เลยต้องเบี้ยงเบนความสนใจเขาไปที่เล่มอื่นแทน ได้ผลนะคะ  ต่อมน้ำตาลูกไม่ต้องทำงาน แล้วก็ยิ้มหน้าบานได้ด้วย  แค่ใช้เทคนิคในการจูงใจนิดหน่อย อิอิ

            แล้วคุณล่ะคะ  เคยถามคำถามนี้กับตัวเองบ้างไหม ถ้ายังลองถามตัวเองและลองหาคำตอบกันนะคะ แม่ดาวคิดว่าคำถามนี้เรียกสติเราได้มากเลยแหละ

 

           

หมายเลขบันทึก: 497820เขียนเมื่อ 9 สิงหาคม 2012 13:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท