กับรักที่พิสุทธิ์ของแม่เราทำได้เท่านี้หรือ ?


          ชลัญขอบันทึกถึงแม่ อีกสักบันทึกค่ะ  ในส่วนความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น  ชลัญคงจะเหมือนๆทุกท่านที่ได้บันทึกมา บุญคุณของคนเป็นแม่มันเต็มล้นอยู่ในหัวใจ  จนยากที่จะบรรยายให้หมดได้  แต่สิ่งที่ชลัญอยากถ่ายทอดมากที่สุด การตอบแทนคุณความรักที่พิสุทธิ์ของแม่นั้น เราทำได้เท่านี้หรือ?  .....  นี่เป็นคำถามที่อยู่ในใจของชลัญซึ่งชลัญเคยใช้ถามตัวเอง มาแล้ว  และโอกาสนี้ชลัญขอเอาบทความเก่าที่เคยเขียน มาปัดฝุ่นถามใครอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตั้งคำถามนี้ในใจของตัวเอง  บันทึกนี้ยาวหน่อย  แต่มันไม่เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเราแน่นอน...........

        ฉันอดคิดไม่ได้ว่า  สมัยเราเด็กๆ แรกเกิดเวลาที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  นั้น คนที่เป็นคนดูแลฉัน ให้ได้กิน   ได้นอนสบาย ได้อาบน้ำให้เนื้อตัวสะอาด  ได้ไปหาหมอเวลาที่ฉันเจ็บป่วย ไม่ใช่ใครคือแม่นั่นเอง

        เมื่อก่อนตอนที่ฉันยังไม่เป็นแม่  จบทำงานใหม่ๆนั้น ฉันคิดเพียงความสนุกสนานในการทำงาน  อยากไปทำงานไกลๆบ้าน เพื่อที่จะได้มีอิสระและประสบการณ์มากๆ  ตอนนั้นฉันไปอยู่ที่สถานีอนามัย  การไปที่นั่นมั่นเป็นดั่งความฝันตามอุดมการณ์โง่ๆของฉันเอง  ฉันอยากไปช่วยคนอื่นๆ  ไปดูแลทุกข์ของชาวบ้านพอไปที่นั่น ทำให้ฉันคิดได้ .....

        ในหมู่บ้านมีผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่กันตามลำพังเยอะมาก เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย คนที่ดูแลกลับไม่ใช่ลูกหลาน กลาย เป็นเพื่อบ้าน  หรือไม่ก็ไม่มีใครดูแลปล่อยไปตามยะถากรรม ........

         ฉันเพิ่งคิดได้  แต่กว่าจะคิดได้ก็จากพ่อแม่ ไปเกือบ 4 ปี  ตอนนั้นพ่อแม่ไม่กล้าห้ามสักนิด ท่านคงตามใจฉัน อีกใจทานคงอยากห้าม  ท่านคงมีคำถามในใจว่า “ ทำไมไม่กลับบ้านล่ะลูก” ฉันไม่เคยรู้หรอกว่ามีคำถามพวกนี้อยู่ในใจของพ่อกับแม่  ฉันคิดถึงแต่คนอื่น คิดถึงแต่อุดมการณ์  การทำประโยชน์ ให้กับสังคม คนอื่นๆ  แต่ฉันลืมครอบครัว  .......

        ตอนนี้ฉันภูมิใจที่สุดที่ฉันได้กลับบ้านมาอยู่กับพ่อแม่ เป็นคนที่เลี้ยงดู ท่าน เป็นคนพาท่านไปหาหมอ เวลาท่านป่วย  คอยพาท่านไปเที่ยวเวลาท่านเหงา  ฉันว่าตอนนี้มันเป็นกุศลที่สุดในชีวิตแล้ว    แต่ใครอีกหลายคนจะคิดได้แบบฉัน มั๊ย 

        ขณะที่ฉันนั่งให้บริการผู้ป่วยที่แผนกผู้ป่วยนอกนั้น  คนแก่ส่วนใหญ่ที่ต้องมาหาหมอ  มักจะมาลำพัง  บางคนแก่มากหูตึง ตามัว เดินก็ไม่แข็งแรง  บางคนเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็ญนั่ง  คนที่ดูแลไม่ใช่ลูกหลานกลับกลายเป็นพยาบาล  ผู้ช่วยพยาบาลหรือไม่ก็คนงาน  ซึ่งก็ดูได้ตามแต่จะมีเวลาบางครั้งตรวจไม่ทันช่วงเช้า  ก็ต้องเลื่อนถึงบ่าย  บางคนไม่ได้ทานข้าวกลางวันเพราะไม่มีใครไปซื้อให้ ถ้าพยาบาลรู้ก็โชคดีไป พอได้หิ้ว อาหารกล่องมาฝาก  แต่พยาบาลก็ไม่สามารถดูแลทุกคนได้ทั่วถึง  บางคนแย่ไปกว่านั้น ต้องเหมารถมาในราคา 500-1000 บาท มานั่งรอหมอทั้งวัน  ได้ยาฟรีตามระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าไป 2 ถุง ราคารวมมาถึง 100 บาท หรือแพทย์บอกว่า พรุ่งนี้มาใหม่นะเพราะหมอ ที่จะรักษาให้ ลา หรือติดผ่าตัด  หรือติดประชุม  เป็นกรรมของแกที่ต้องมารักษาใหม่เสียค่าเหมารถอีกรอบ  บางคนก็พาลไม่มารักษาเพราะไม่มีปัญญาจะมา  ปล่อยไว้จนโรคลุกลาม  เพื่อนบ้านหามส่ง โรงพยาบาล  แล้วเจอแพทย์พยาบาลดุว่า  ทำไมปล่อยให้เป็นมากขนาดนี้  ทำไมถึงไม่รีบมาตรวจ แกคงรู้สึกเจ็บปวดแต่พูดไม่ได้  ... บางคนได้รับการตรวจครบถ้วนตามระบบ  แต่เย็นมากแล้ว ไม่มีรถกลับบ้าน  รถโดยสารหมด  จะจ้างเหมาแกก็ไม่มีเงิน จะจ้าง  ฉันเคยเจอคนแก่เดินกลับบ้านเย็นๆ  และก็พลอยอดไม่ได้ที่จะเหมารถให้  หรือบางครั้งให้คุณสามีขับรถไปส่ง  บางทีไปถึงบ้านน้ำตาแทบร่วง  มีหลานตัวเล็กๆ  อยู่วัย อนุบาล – ป.2  รอการกลับมาของแก อาหารไม่มีจะกิน  ฉันต้องไปเป็นธุระให้ ถามแกบอกสามีตายนานแล้ว หลาน 2 คนนี้ ลูกสาวเอามาทิ้งไว้ตั้งแต่แบเบาะ แล้วก็บอกว่าจะไปทำงานหานเงิน สุดท้ายหายจ้อยไม่เคยกลับมาดูแลแกหรือลูกอีกเลย ...เฮ้อ  น่าเศร้า ....

           มีอีก Case  ที่ฉันรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยกว่า case  อื่นๆ   ยายแกเป็น   แม่ของ  นักการเมือง ยายเป็นเบาหวานและมะเร็งปากมดลูก  ลูกสาวยายอีกคนเป็น ข้าราชการหน่วยงานหนึ่งตำแหน่งใหญ่โตทีเดียว  เป็นสาวโสด  เธอเลือกที่จะเอาตำแหน่ง เธอไม่ได้เลือกแม่  ที่บ้านพี่สาวฉันเลี้ยงสุนัขหลายตัว  คุณพี่ท่านนี้เช่นกัน  เธอชอบเลี้ยงสุนัข  เรามักจะเจอกันตามสวนสาธารณะ หรือไม่ก็โรงพยาบาลสัตว์ เป็นประจำ  เธอรักสุนัขของเธอ มาก  มักจะพาไปหาหมอตรวจสุขภาพตามเกณฑ์อยู่เป็นประจำ  มีอยู่ครั้งหนึ่ง แม่เธอป่วยหนัก   ลุกชายนักการเมืองไม่ว่างมาส่ง ให้หลานสาวที่ดูเหมือนคุณหนูมาแทน  หลานสาวคนสวยมาเป็นเพื่อนก็จริง  แต่เธอไม่ได้เดินมาดูคุณยายเลย  นั่งคุยโทรศัพท์ กิ๊กกั๊ก ตั้งแต่มาจนกลับ มิหน่ำซ้ำ พอส่งเข้าไปนอนในตึกผู้ป่วย  ลูกสาวที่มีตำแหน่งท่านนี้  มาถึงก็มาบ่นโน่น นี่ นั่น  ว่า พยาบาลที่นี่ดูแลแม่เธอไม่ดี  ขอพบผู้อำนวยการ  ฉันก็ได้แต่คิดในใจ  ว่า พยาบาลที่อยู่เวรนั้น เขาก็ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว เพราะเรื่องที่เธอ วีนนั้น เพราะแม่เธอนอนแช่อุจจาระที่ยังไม่มีคนมาทำความสะอาดให้ตอนเธอมาเยี่ยม  แต่เธอไม่รู้ว่า  ก่อนหน้าที่เธอจะเข้ามานั้น  ในตึกผู้ป่วยมีคนไข้ ที่ต้องช่วยฟื้นคืนชีพ  เพิ่งจะเก็บศพเสร็จ เธอก็มาพอดี ทันเวลาได้โวยวาย  ฉันก็ได้แต่ งงว่า ก็เห็นเช็ดขี้หมาที่สวนสาธารณะออกบ่อย ทำไม่ไม่กล้าเช็ดขี้แม่ตัวเอง  แปลกจัง  พอโวยวายเสร็จ  เธอก็ไป บอกว่าต้องไปปฏิบัติหน้าที่เพราะงานเธอยุ่งมาก    นี่หรือหน้าที่ของลูกที่กตัญญู  ฉันเริ่มงงและสับสน  เกิดอะไรขึ้นในสังคมนี้  กันนี่ น่าอิจฉาเจ้าหมาตัวนั้นนะ  พอแกป่วยก็มีคนพาแกไปหาหมอดูแลจนแกหาย  แกขี้ไม่เป็นที่ทางก็มีคนเก็บให้   แต่แม่ป่วย แม้แต่.....ยังแทบจะไม่มีมามอง ...... เฮ้อ เศร้าใจ ........

 

ขอแถมอีกนิดไปเปิดเจอใน internet   หลายคนอาจผ่านตามาบ้างแล้ว แต่ชลัญขอเอามาตอกย้ำอีกรอบค่ะ 

"แม่" คำสั้น ๆ ที่ความหมายอันแสนยิ่งใหญ่

จากhttp://www.free-webboard.com/view.php?nm=watmaikumon&qid=92


ถามตัวเองอีกครั้ง "กับรักที่พิสุทธิ์ของแม่เราทำได้เท่านี้ หรือ?"


ชลัญธร  ตรียมณีรัตน์


คำสำคัญ (Tags): #รักของแม่#แม่
หมายเลขบันทึก: 497314เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2012 00:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม 2012 08:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เรื่องเล่าตัวอย่างนี้ แรง 

 

แต่ เชียร์ ค่ะ

Mother is always "ahead" (on top of my head -- for me).

There is an aside story: ...บางคนแย่ไปกว่านั้น ต้องเหมารถมาในราคา 500-1000 บาท มานั่งรอหมอทั้งวัน ได้ยาฟรีตามระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าไป 2 ถุง ราคารวมมาถึง 100 บาท หรือแพทย์บอกว่า พรุ่งนี้มาใหม่นะเพราะหมอ ที่จะรักษาให้ ลา หรือติดผ่าตัด หรือติดประชุม เป็นกรรมของแกที่ต้องมารักษาใหม่เสียค่าเหมารถอีกรอบ บางคนก็พาลไม่มารักษาเพราะไม่มีปัญญาจะมา ปล่อยไว้จนโรคลุกลาม เพื่อนบ้านหามส่ง โรงพยาบาล แล้วเจอแพทย์พยาบาลดุว่า ทำไมปล่อยให้เป็นมากขนาดนี้ ทำไมถึงไม่รีบมาตรวจ แกคงรู้สึกเจ็บปวดแต่พูดไม่ได้...

Let's work on this. See how we can reduce (all mothers' and fathers') suffering and cost by "better planning and managing healthcare services". The emphasis should be on "delivery of services" with considerations to costs incur by receivers of care -- not just costs at providers' end. Let's put our best (right and left) brains on this. ;-)

หลายเหตุการที่พบเจอ..ช่วยสะท้อนให้เรากลับมามองตัวเอง..

@ จะไม่ยอมให้แม่ไปไหนไกลๆคนเดียวค่ะ

@ เวลาเรียกชื่อคนไข้ จะตามด้วยลำดับที่เสมอ (เพื่อให้คนไข้อื่นๆทราบระยะเวลาที่จะถึงคิวของตนเอง)

  • คุณแม่มีความสุขที่มีลูกกตัญญูอยู่ดูแลใกล้ชิดเช่นนี้

*..หลานไจ่ไจ๋ได้แบบอย่างที่ดีที่ถ่ายทอดจากรุ่น>>สู่รุ่น..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท