ต้นไม้ ต้นไม้ ต้นไม้


บ้านเราจะให้ออกกฎหมายให้ปลูกต้นไม้ก็ไม่น่าจะได้ผลนะครับ เพราะเมื่อไหร่เป็นการบังคับก็มักจะทำแบบขอไป

 

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2555 ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเสนอผลงานเกี่ยวข้องในการประชุมเอดส์โลก 2012 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กรุงวอชิงตันดีซี การไปประชุมครั้งนี้เนื่องจากที่พักไม่ไกลจากที่ประชุมมากนัก จึงได้มีโอกาสเดินตามถนนหนทาง มากกว่าการเดินทางโดยรถไฟใต้ดินทำให้ได้เห็นสภาพบ้านเมืองตามทางที่เดินผ่านไป

สิ่งที่ทำให้แปลกใจและที่ต่างจากบ้านเราก็คือ มองทั่วไปเห็นต้นไม้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นทางเดินที่ร่มรื่นดังรูปที่ได้แสดงข้างล่างนี้ เทียบกับบ้านเราน่าจะเป็นถนนวิทยุ ช่วงสถานทูตทั้งหลาย ที่ผมมีความเห็นว่าสวยไม่แพ้กัน  ต่างกันตรงที่บ้านเรามีนับจำนวนได้ ทั้งๆ ที่เราอยู่ในเขตร้อนปลูกอะไรก็ขึ้น แต่เราเลือกปลูกตึกรามบ้านช่องและสร้างถนน แทนที่จะเป็นการปลูกต้นไม้ สร้างสวนสาธารณะ

เดินไปตามมุมถนนจะเห็นมีต้นไม้ใหญ่มากอยู่ตรงนั้น ถ้าเป็นบ้านเราก็จะเป็นป้อมจราจร หรือ ไม่ก็ทิ้งเอาไว้ว่างๆ

เข้าไปในที่ประชุม ก็มีต้นไม้ดอกที่เป็นต้นไม้จริงๆ ทำให้นึกถึงบ้านเราที่มักจะเป็นต้นไม้จริง (ที่ตายแล้ว) เสียบหรือประดับด้วย ใบไม้ปลอม เห็นเป็นสีเขียวแต่ไม่มีชีวิต มีอยู่ครั้งนึงที่เข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่กรุงวอชิงตันนี้ ทีมที่ไปด้วยกันถึงกับถกกันว่าต้นไม้ใหญ่สูงเท่าตัวคนที่เห็นเป็นต้นไม้จริงหรือต้นไม้ปลอม

บ้านเราจะให้ออกกฎหมายให้ปลูกต้นไม้ก็ไม่น่าจะได้ผลนะครับ เพราะเมื่อไหร่เป็นการบังคับก็มักจะทำแบบขอไปที เหมือนกับกฎหมายบ้านเราที่ออกมาแล้ว บังคับใช้ได้น้อยกว่าที่คาด เช่นการให้สวมหมวกนิรภัยเมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ การห้ามยกโทรศัพท์มาพูดแนบหูเมื่อขับรถเป็นต้น

ทำให้คิดไปถึงตอนที่ไปทำงานในชนบทเมื่อหลายปีก่อน ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้นมีนโยบายให้ชาวบ้านปลูกพืชครอบครัวละห้าต้นต่อปี ไม่ทราบว่าจากนโยบายนั้นจะทำให้จังหวัดดังกล่าวมีต้นไม้เพิ่มขี้นกี่ต้

หมอสุข

 

หมายเลขบันทึก: 496791เขียนเมื่อ 31 กรกฎาคม 2012 20:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม 2014 15:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • ต้นไม้บ้านเขาร่มรื่นมากๆๆ
  • เรามาช่วยกันทำที่บ้านเราบ้างดีกว่าครับ
  • โรงเรียนของหนู

บ้านเราสิ่งไหนที่ถูกบังคับมักจะมีผู้อยากลองดีหรือต่อต้าน......

เมื่อไหร่จิตสำนึกจะเกิดขึ้นเองหนอ.....

สวัสดีค่ะคุณหมอ  ไม่ได้ทักทายกันนานสบายดีนะคะ

ขอบพระคุณอ.ขจิต

  • ที่แวะมาทักทายและ
  • ให้ดูภาพความร่มรื่นในโรงเรียนของหนู เป็นการปลูกฝังให้เด็กชอบธรรมชาติ ต้นไม้

ขอบพระคุณ krugui

  • ที่แวะมาทักทายครับ 
  • ก็สบายดีครับ

หมอสุข

นโยบายให้ชาวบ้านปลูกพืชครอบครัวละห้าต้นต่อปี น่าจะดี คะ

ขอบคุณ คุณ Stream ที่แวะมาให้ความเห็นครับ

ถนนบ้านเรามีแต่สายไฟฟ้า ปลูกไม้ใหญ่สวยๆแบบต่างประเทศไม่ได้เลย น่าเสียดายจริงๆนะครับ เรื่องกฏหมายจริงๆผมก็แอบคิดนะว่าถ้าเราออกกฏหมายบังคับให้ผู้ที่มีที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์ ต้องปลูกไม้ยืนต้นสักร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่าง ก็จะช่วยเรื่องน้ำเรื่องสิ่งแวดล้อมได้อย่างมากล้นเลยละครับ อาจกำหนดบทลงโทษเป็นการเรียกเก็บภาษีจากที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์และไม่ได้ทำการปลูกต้นไม้ โดยให้ภาษีตกแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้บังคับใช้กฏหมาย น่าจะได้ผลดีนะครับ เพราะปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็หาเงินเข้าคลังเหลือเกิน รีดเงินได้ก็รีดกันสุดๆ ปัญหาก็คือ เจ้าของที่ดินเหล่านั้น คือผู้มีอิทธิพลทางการเมือง กฏหมายแบบนี้จังไม่มีทางออกมาได้ เหมือนกฏหมายภาษีมรดกนะครับ กี่ปีกี่ชาติก็เป็นหมันอยู่นั่นเอง

ขอบพระคุณ คุณนกขมิ้นที่มาให้ความเห็นครับ

  • เป็นประเด็นที่เป็นประโยชน์มากครับ
  • โดยเฉพาะประเด็นผู้ออกกฎหมายเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับการบังคับใช้กฎหมาย

หมอสุข

เรียนท่านอาจารย์หมอสุข

  • คุณยายอยากมานอนเล่นตรงนี้ค่ะ

เชิญคุณยายนอนเล่นได้ตามสบายครับ อากาศกำลังดี เย็นสบาย

ขอบพระคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนครับ

หมอสุข

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท