บันทึกที่ 13 กับ เวลา 13:30 บทเรียนครั้งสำคัญ
ต่อจากบันทึกเรื่อง เนโก๊ะ จั๊มพ์
สรุปแล้วไปวัด สาขา B แบบเบาะๆ ชิวๆ ดีกว่าเจอ สาขา FF ที่บ้าน
คราวนี้ บังคับคุณแม่ไปได้ แต่ผมไปก่อเรื่องจนได้.......(งานนี้ไม่มีเฮ ตลกไม่ออกนะครับ)
เมื่อเย็นวาน ผมชวนคุณแม่ไปนอนค้างที่วัด คุณแม่ถาม “วัดไหน?” (ในใจแม่จะเลือกตอบ ถ้าวัดไหน..อยู่ลำบากหน่อย ข้าน้อยขออยู่บ้านดู TV จอสี....กับ สี.....จะดีกว่า)
ให้มันรู้บ้างว่าลูกใคร ผมตอบว่า “ วัด --B—อาแมะ (คุณแม่) ที่เคยไปเมื่อคืนวันเสาร์ที่แล้วไง (แม่ผมหลงกล ผมไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเสาร์ที่แล้วโน้น หุหุ....) ไปสบายๆ ถ้าอาแมะไม่อยากปฏิบัติ อาแมะก็ไม่ต้องฝืนออกมาพักได้เลย แล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครว่าหรอก” ผมพยายามกำจัดจุดอ่อนทุกอย่าง ที่แม่อาจจะมาอ้าง
“ลื้อไป อ๊วกก็ไป” ว้าววว....สุดท้าย หลอกคนแก่ไปวัด สำเร็จ!! เราก็ไป......
ระหว่างทางคุณแม่ถาม “เราไม่ลาศีลแปด ได้ไหม จะได้กลับออกมาเลย ไม่ต้องรอจนสาย? ”
ข้อวัดแห่งนี้ คือเข้าไปค้างต้องควรรับศีลแปด วันออกก็ควรลาศีล ในใจผมรู้ว่าถ้าจะให้คุณแม่ไม่อึดอัดเมื่อต้องมาปฏิบัติธรรม เราก็ต้องผ่อนหนักผ่อนเบาบ้างไม่เช่นนั้น “ลุกค้า”เราจะหนีไปกอด TV เหมือนเดิม ส่วนตัวผมเองถ้าไปคนเดียวก็จะเข้าไปปฏิบัติเลย ด้วยเวลาที่เข้าบางครั้ง มันดึกแล้ว อีกทั้งผมไม่ได้ตั้งใจไปเพื่อ ”นอน” (ผมคงต้องหาโอกาสกราบเรียนพระผู้ดูแลให้ทราบ เรื่องนี้ (กิจกรรมที่ผมทำในวัด)เหมือนกัน เพราะผมเข้าใจว่ามีผู้มาปฏิบัติธรรมมากหน้าหลายตา มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน ทางวัดต้องมีการจัดการเรื่องนี้อยู่เพื่อดูแลผู้มาปฏิบัติส่วนใหญ่....คือว่าผมพยายามจะบอกว่าบันทึกที่เกี่ยวกับวัดต่างๆ ผมไม่มีเจตนา ทำผิดระเบียบวัด หรือชักจูงให้ใครทำผิดข้อวัตรใดๆ :):) )
ผมตอบแม่ผมไปว่า “ ได้....ไม่เป็นไร จริงๆแล้วหลวงปู่ สอนมาว่า ศีล มันให้กันไม่ได้ พระท่านหรือใครจะมาให้เราก็ไม่ได้ เราจะรับก็รับด้วยตัวเอง ทำเอง ศีลนั้นอยู่ที่ใจเรา เราจะบอกเราถือ แปด เราก็ทำ แปด ไปวัดครั้งนี้เราตั้งใจถือแค่ ศีลห้าก็ได้ หรือตอนที่อยู่วัดถ้ามีกิจกรรมไหนเรายังไม่พร้อม เราก็ไม่ทำก็ได้ กลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนก่อนก็ได้ “ ----- โดยเจตนาผมไม่อยากให้คุณแม่ รู้สึกอึกอัดในกิจกรรมต่างๆในวัด หารู้ไม่ ผมได้เปิดประเด็นข้อปฏิบัติของวัดที่ได้กำหนดไว้ ให้บุคคลทั่วไปปฏิบัติตาม -----
เช้าวันอาทิตย์ หลังทำวัตรเช้า คุณแม่ก็ไปทานข้าวต้มตอนเช้ากับเพื่อนอุบาสิกาที่รู้จักกันในวัด ผมบอกแม่ว่าผมไม่ไปทาน บอกแม่ว่าจะนั่งรอรับกลับที่โถง (นอกเรื่องนะครับ :: โปรดสังเกตว่า ทางวัดเขาเชิญชวน อำนวยความสะดวกให้ญาติโยมผู้มาปฏิบัติขนาดไหน มีข้าวต้ม มีน้ำชา กาแฟพร้อม วัดต่างๆแทบจะอัญเชิญ พี่ท่านจอมยุทธทั้งหลาย มาวัดเถอะๆ มาดูตัวเองเถอะ พาลูก พาหลานมากินขนมวัดก็ยังดี แล้วจะเห็น “ดี” เข้าสักวัน)
พอเวลาประมาณ 7:30 น. ตอนคุณแม่เดินกลับมา ก็ไปเจอลายผ้าสไบของน้องอุบาสิกาคนหนึ่ง สวยถูกใจจึงเลยขอยืมเขามาแกะลาย (แม่ผมจะชอบหอบถุงหนักๆของแกติดตัวตลอด ที่ผมชอบบ่นว่า @$$! ไม่รู้จะเอาอะไรมามากมาย&*%&* หนึ่งในนั้นคืออุปกรณ์ ถักผ้าครบชุด) แม่บอกผมว่า ขอเวลา 2 ชั่วโมงแกะลายนี้ก่อนกลับ ผมตอบตกลง แม่ก็เดินเข้าห้องพักที่เป็นห้อง/ชั้นเฉพาะอุบาสิกาไป ผมก็เลยย้อนกลับไปนั่งภาวนารอเวลา (นั่งไป หลับไป เพราะความล้า ก็พยายามทำไป)
10:30 น. ได้เวลาอาหาร เขาก็เดินไปโรงครัว ผมก็ย้ายรอแม่ที่โถงโดยไม่ได้ตามเขาไปทานข้าว เพราะคิดว่าแม่เสร็จแล้วค่อยตามเขาไปทานข้าวนอกบ้าน รอไปรอมา
12:00 น. เที่ยงก็แล้ว....... ยังไม่มีวี่แววใดๆ ว่าคุณแม่จะแกะลายเสร็จ ไม่เห็นออกมาจากห้องพัก ผมเห็นเจ้าของผ้าสไบเดินเข้าไปในห้องพักคุณแม่ คงไปดูและให้กำลังใจ แล้วก็เดินออกมา
13:00 น. ระฆังตี บอกเวลาให้ ผู้มาปฏิบัติธรรมเข้าห้องกรรมฐาน ด้วยความผิดพลาดที่ผมไม่รู้ว่า เวลานี้ทุกคนต้องเข้าปฏิบัติ (คิดไม่ถึงจริงๆครับ) ผมก็นั่งรอคุณแม่อยู่ที่โถงนั้นคนเดียว (ยังไม่รู้ตัวอีกว่าทำผิดอะไร !!!)
13:30 น. หลวงพี่เดินตรวจความเรียบร้อย มาพบผมเข้า (งานเข้าเลย!!)
“โยม ต้องเข้าห้องกรรมฐานนะครับ” หลวงพี่เริ่มบทสนทนา
“ ผมนั่งรอคุณแม่ กำลังแกะลายผ้าสไบ.....อธิบายผิดๆ ถูกๆ ไม่เป็นประโยค.....สรุปรอรับรอคุณแม่กลับ” ตอนนั้นเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรผิดซะแล้วเรา
“ แล้วลาศีล หรือยัง” หลวงพี่เริ่มซัก
“ ไม่ได้ลาศีลครับ ” งานนี้ผมแย่แน่ ผมคิดในใจ
“ เพราะไม่ได้รับศีลแปดครับ ขอถือศีลห้าครับ” ผมยังมีหน้ามาอธิบาย (ยังมารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่)
“ โยมเข้ามาเมื่อไหร่ “ หลวงพี่เริ่มสงสัย ซักหนักขึ้น
“ มาเมื่อคืนครับ แล้วรับศีลแปดไม่ทัน” ผมพยายามแก้ตัวไปแบบน้ำดำๆ ไม่คิดก่อนพูด (ภายหลัง ประโยคนี้ทำให้ผมรู้สึกผิด ผิดมากๆๆๆ บาปมากๆ ๆๆเพราะเจตนาผมคือ ไม่ตั้งใจจะรับศีลแปด รับปากแม่ว่าเพราะจะกลับออกแต่เช้า ผมมานั่งโทษตัวเอง ทำบาปอีกแล้ว!!! งานนี้บาปกินหัวจริงๆๆ!!)
หลวงพี่คงงงกับเหตุการณ์ หันหลังกำลังจะเดินกลับ ท่านยืนหันหลังแต่เอียงหน้ามาทางผมแล้วหยุดคิดอยู่พักใหญ่ แล้วหันกลับมาบอกผมว่า
“ โยม.... ไปเปลี่ยนชุดขาวออกซะ เพราะคนอื่นเขามาเห็นจะเข้าใจผิด แล้วอาจจะแบบอย่างให้ผู้อื่นทำตามได้”
ผมรู้สึกผิดอย่างมาก แต่ตอนนั้นผมไม่มีชุดธรรมดามาเปลี่ยน (ใส่ขาวมาจากบ้านเลย) ด้วยความสำนึกผิด ผมตอบหลวงพี่ไปว่า
“ ผมขอเข้าไปปฏิบัติในห้องกรรมฐาน รอนะครับ ” ผมก็รีบเดินเข้าห้องกรรมฐาน ผ่านผู้คนที่นั่ง และเดินจงกรมอยู่ ไปได้ที่ว่างข้างๆพระประธาน ด้านหน้าโน้นเลย (ไปรบกวนสมาธิคนอื่นเขาอีก...ตู...)
ผมนั่งภาวนาไป มองนาฬิกาไป นิ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ด้วยความที่ไม่รู้เวลาว่าเขากำหนดการปฏิบัติถึงกี่โมง นั่งไปขยับไปเกือบชั่วโมง ก็หันกลับไปดูญาติโยมว่า เขาเลิกหรือยังหนอ เลิกไปพักหรือยังหนอ ไม่เป็นอันภาวนาที่เป็นกิจจะลักษณะ ผมนั่งต่อถึงบ่ายสามตรง (ถึงแม้ว่าความง่วงจะไม่ มากวนเหมือนเมื่อตอนเช้า แต่ใจก็ไม่จดจ่อกับงานทำสมาธิที่อยู่ตรงหน้า) ก็ตัดสินใจเก็บของ เดินผ่านนักปฏิบัติออกมาจากห้อง .......พบคุณแม่นั่งหลับตารออยู่ห้องโถงแล้ว ก็โล่งใจ เรียกคุณแม่ ..เรากลับกัน....
ระหว่างทางกลับ นึกทบทวนเรื่องราว...... ความผิดพลาด!!! การทำบาป!!!
+++ บทเรียนในการปฏิบัติครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ ก็ควรจะต้องจดจำไปปฏิบัติให้ถูกต้อง ให้สอนใจตนเอง +++
ขออโหสิกรรม ต่อการกระทำที่ผิดพลาดของนักปฏิบัติอย่างผม ผมจะพยายามปฏิบัติให้ถูกทางนะครับ ....
[อ้างอิง: http://www.watpahsunan.org/project.html โครงการปฏิบัติธรรม วัดสนันทวนาราม]
หมายเหตุ: ภาพนี้ไม่เกี่ยวกันกับบันทึกเรื่องนี้ แต่ผมพยายามให้ความรู้สึกของตัวเองและผู้อ่าน สงบลง.... เย็นลง......จากบันทึกของนักปฏิบัติธรรมที่หลงทางในครั้งนี้
กำลังหลงทางเช่นกัน ขอบคุณค่ะทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง
พี่ๆ ผมเริ่มทักแล้วครับ ภาวนาไม่ทำ มานั่งเขียนบันทึก เล่น internet อย่างงี้แหละ ถึงหลงทาง โดนเลย!!! สงสัยผมต้องหลบไปจาก สังคม online สักระยะแล้ว :):)
ขอคุณสำหรับกำลังใจดีๆนะครับ กัลยาณมิตร คุณชลัญธร
เห็นคุณชลัญธร ตั้งชื่อให้ว่า ธรรมะฮาเฮ ใช่จะจริงครับ อ่านแล้วสนุก อยากปฏิบัติแล้วล่ะครับ ผมก็คงแต่พูดคำเดิม หาเวลาว่างยังไม่เจอ เฮ้อ...
คุณ พ.แจ่มจำรัส ผมเคยคิดอย่างงี้เหมือนกันครับ
เหมือนครูบาอาจารย์จะรู้ทัน ได้ฟังเทศน์ทันที
.....แล้วเราหายใจอยู่ไหมตอนนี้.....เราบอกว่าไม่มีเวลาหายใจมั้ย????
แค่ตามดูลมหายใจเข้าออกของตัวเอง ยามว่างๆ.....ก็ปฏิบัติแล้ว