วิชญธรรม
ผศ. ดร. สิริวิชญ์ เตชะเจษฎารังษี

ทำงานทุกชนิดให้……จิตว่าง......


“เทปธรรมะ” ที่ได้บันทึก....ในใจ....เรา มันเล่นในใจเราได้ทุกเวลา เหมือนที่หลวงพ่อชา สอนไว้จริงๆ

วันที่เศร้าๆ วันที่สับสน  วันที่พะวง กับสิ่งต่างๆที่พันพัว วันที่ต้องปลงกับทุกข์ในการหาคำตอบ.....ให้ตัว 

วันนั้น.....ผมได้คำตอบจากบันทึกของคุณหมอ  ป.  G2K เรื่อง วันอาทิตย์สีน้ำเงิน

ระยะหลังๆ ผมลงทุนขับรถกลับบ้าน เกือบ 300 กม เพื่อไปปฏิบัติธรรม ตามความศรัทราที่มี ตามหาทางออกที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิตให้กับตัวเอง เพราะผมคิดว่านาฬิกาชีวิตของผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเหลืออยู่เท่าไหร่ หรือโอกาสที่จะได้เข้าถึงและใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวกับครูบาอาจารย์ ที่เป็นผู้รู้แจ้งและเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรม จะเหลือเวลาอีกสักกี่วันคืน

จากคำถามที่ติดในใจกับคำตอบที่ได้มาจากการสนทนา คำสั่งสอน คำชี้แนะ จากน้ำเสียง สีหน้า แววตา ของท่าน มันชัดเจนกว่าที่เราจะมานั่งศึกษาฟังธรรมจากเสียงบันทึกของครูบาอาจารย์ ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วมากมาย 

“เทปธรรมะ” ที่ได้บันทึก....ในใจ....เรา มันเล่นในใจเราได้ทุกเวลา เหมือนที่หลวงพ่อชา สอนไว้จริงๆ

ผมคิดว่าผมโชคดีที่มีโอกาสได้พบกับ ครูบาอาจารย์ที่สอนหลักธรรมที่ “แท้จริง” (หลักธรรมที่ แท้จริง นั้นเราดูได้จากหลักคำสอนที่ไม่ไปยึดติดกับตัวศาสดาใด  ผมใช้คำสอนหลวงพ่อชา ไว้พิจารณาว่าผมจะเดินตามคำสอนของอาจารย์ท่านใดที่ แท้จริง อืมม์.....อธิบายมากเดี๋ยวงานเข้า  ฮิฮิ ....@#*$&* เอาอีกแล้วเรา บันทึกนี้ผมตั้งใจจะเขียนแบบลึกซึ้ง นุ่นนวล แบบสมาชิก g2k รุ่นประสบการณ์ มากกว่า 6 ปี เป็นประกันซะหน่อย ก็ทำไม่ได้เสียแล้วเรา  เริ่มต้นมาดีๆๆๆ *&!@^&$  ขอบ่นหน่อยนะครับ)

เย็นวันหนึ่ง...... หลวงปู่ตะโกนเรียกพระ “สวิต” ซึ่งเป็นฉายาที่หลวงปู่ตั้งให้พระฝรั่งที่มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ท่านบวชแล้วคงจะเห็นธรรมอะไรสักอย่าง ท่านยังไม่ขอสึก (เป็นพระที่ตั้งใจมาก แม้ภาษาจะยังไม่ให้ แต่ใจให้ธรรม   เกินร้อย)

“สวิต มาเอาดินไปถมตรงนี่แน” สำเนียงอีสานของหลวงปู่เรียกพระที่กำลังนั่งอยู่ไกลๆ

ผมก็เดินตามหลังหลวงปู่ พร้อมหยิบจอบติดมือไปด้วยเพื่อช่วยหลวงพี่ทำงาน (จะมากินข้าววัด นอนในวัดฟรีๆ มันก็จะน่าเกลียดไปหน่อยนะ ทำงานวัดบ้างเดี๋ยวเสียชื่อ “ด็อกเตอร์”หมด) ในตอนนั้นเวลาประมาณ 5-6 โมงเย็นแล้ว ช่างหรือคนงานเขาต่างก็เลิกงานกันแล้ว มีผมกับหลวงพี่ “สวิต” ช่วยกันถมดินข้างถนนปูนที่แตกจากการที่ถูกรถบรรเทาหนักเหยียบแตก สักครู่หนึ่งหลวงพ่อก็ เรียก “สวิต มาเอาหินตรงนี่ไปเรียง เป็นทางเดินขึ้นกุฏินี้แน” เราก็ช่วยกันหาหินก้อนขนาดใหญ่หน่อยยกมาวางเป็นทางเดินขึ้นเนินเข้าด้านหลังกุฏิหลวงปู่อีกทาง พอเริ่มวางได้เป็นแนว จัดหินก้อนใหญ่ๆให้เข้าที่ ทดลองยืนดูไม่ให้มันขยับ พอวางก้อนหินได้ 3-4 ก้อนขึ้นเนิน พอได้เห็นเป็นแนวทิศทางจะเรียงต่อกันไป ตามระยะก้าวที่ไม่ห่างมาก หลวงปู่ก็เรียกอีก “สวิต  พอละตรงนี่ ไปขนทราย ตรงเนินโน้น มาไว้ตรงหน้าศาลานี่” เป็นศาลาที่หลวงปู่กำลังสร้างให้ ญาติโยมเฉพาะ อุบาสิกา ที่มาพักค้างคืนเพื่อปฏิบัติธรรม ผมก็ตามหลวงพี่ “สวิต” ไปโดยเข็นรถลากไปเพื่อทยอยขนทรายมาทีละรอบๆ

ระหว่างเข็นรถอยู่นั้น หลวงพี่ก็พูดกับผมขึ้นมาว่า      “ โยมสังเกตไหม หลวงปู่ไม่ได้ให้เราทำงานหนักอะไรหรอก ทำอันนี้ที ก็ย้ายเราไปทำโน้นที ย้ายมาทำงานนี้ที..... เมื่อกี้นี้ ตอนหลวงปู่เรียกอาตมา  อาตมากำลังนั่งนึกถึง กาแฟร้อน อยากฉันกาแฟ... นึกไปเรื่อย ท้องเริ่มร้อง.... หลวงปู่เลยเรียกให้มาทำงานซะเลย”

  “โยม” หลวงพี่เน้นคำ   “ ทำงานทุกชนิด....ให้จิตว่าง “  

เมื่อผมนำมาทบทวน สำหรับหลวงพี่แล้ว “ ทำงานทุกชนิด....ให้จิตว่าง “  นั้นคือว่างจากสิ่งต่างๆที่กำลังรบกวนจิตใจหลวงพี่ในขณะนั้น แต่สำหรับผม ....ทำงานให้จิตว่าง....เพื่อเอาสติมาจดจ่ออยู่กับงานเฉพาะหน้าขณะนั้นในทุกอิริยาบถโดยละเอียด  หลังจากนั้นมาผมจะได้ยินประโยคนี้บ่อยมาก ทั้งพระ ทั้งเณร พูดขึ้นมาขณะท่านกำลังทำงาน

มีอยู่ครั้งหนึ่งผมกำลังใช้จอบขุดดินมาปรับระดับดินเดินเพื่อขยายศาลาวัดให้กว้างขึ้นพอรองรับญาติโยมที่มากราบหลวงปู่ หลวงพี่อีกองค์ก็หันมาถามผมว่า “ด็อกเตอร์ กำลังเฮ็ดอันยังอยู่ ฮู้บ่? (กำลังทำอะไรอยู่ รู้ไหม?) เฮ็ดงานทุกชนิด....ให้จิตว่างชะเด้อ..... ด็อกเตอร์”  ผมก็ได้สติ ดึงสติกลับมาที่งานที่อยู่ตรงหน้า จับจอบให้แน่น... ยกจอบขึ้น....ระวังไม่ให้ไปโดนใคร... ทิ้งจอบลงตักดิน....ตักดินขึ้น..... ย้ายไปถมอีกที่..... ปรับหน้าดินตรงนั้น...... เหงื่อท่วมตัว หายใจหอบ เสื้อขาวกลายเป็นสีเหลือง สีดำ แต่ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยแม้แต่น้อย เอาสติที่ล่องลอยกับความคิดที่กังวล และสันสน กลับมาจดจ่อกับงาน “ว่าง”

ในใจผมก็ยังติดอยู่ว่า  “ ทำงานทุกชนิด....ให้จิตว่าง “  นั่นจริงๆแล้ว มันหมายถึงอะไร???? ด้วยปัญญาเรา ที่เราคิดนี้ถูกมั้ย?

ในที่สุดอีกคำตอบหนึ่งในปัญหาธรรมของผมก็ถูกเฉลย โดยบันทึก คุณหมอ  ด้วยรูปถ่ายนี้.......(ขออนุญาตนะครับ..คุณหมอ ป.)

 

(อ้างอิง: บันทึก วันอาทิตย์สีน้ำเงิน คุณหมอ ป. (เลขที่บันทึก : 494064), และ เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง พุทธทาสภิกขุ http://www.cmadong.com/board/index.php?topic=6710.0

และผมขอบันทึกแง่คิดอีกเรื่องในคราวเดียวกันนี้ในกรณีความเห็นของคุณหมอที่ตอบกลับมาในบันทึกนั้นว่า

“ ทุกครั้งที่รู้สึกวิตกว่าจะทำดีไม่ได้ดี
ทำแล้วจะไม่เป็นที่นิยมชมชอบ
เมื่อนึกถึง การยกผลงาน ให้กับความว่าง
ความคับข้องนั้นก็เบาบางลง
อย่างนี้ถือเป็นการ "ประกันจิต" ได้บ้างไหมค่ะ “

[ทำให้ผมคิดได้ว่า เมื่อเราใช้ บริการของ บริษัท “ธรรม” มา “ประกันจิต” ผมเชื่อว่า “ความคับข้อง” นั้นไม่เพียงเบาบางลง มันจะค่อยๆจางหายไป แล้วเราจะยิ้มในใจเราได้ทุกวัน ดูอย่างครูบาอาจารย์ทั้งหลาย]  (เลขที่บันทึก: 494497)

 

โดยส่วนตัวผมนั้น ถ้ามีใครมาปรึกษาผมในเรื่องต่างๆ แล้วบอกผมว่า เขากำลังมุ่งมั่นทำงาน.....เขากำลังทุ่มเททำงาน..... ทุ่มเททุกอย่าง “ด้วยใจ” ให้ใจเต็มร้อยกับงานนั้น..... ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอย่างไร หรือจะไม่มีใครมาเห็นใจเขาเลย.... เขาก็จะแสดงผลงานให้ทุกคนเห็นว่า เมื่อเขาทำออกมาจากใจ ผลงานที่ได้เขาจะชื่นชม และมีความภาคภูมิใจ.......

 ผมต้องรีบหยุดความคิด ที่ว่า <<ทำงานด้วยใจ>>  ของเขาไว้ก่อน  ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เขาคิดเขาทำนั้นไม่ดี เป็นสิ่งที่น่ายกย่องสรรเสริญเสียด้วยซ้ำ แต่ใจของคนเรานั้น โดยธรรมชาติต้องการ และ/หรือมี “กำลัง” มันไม่เท่ากัน แม้แต่คนที่มี “กำลัง” ในใจสะสมอยู่ในตัวมากมายเหลือเฟือ การที่เรา <<ทำงานด้วยใจ>>  ถ้าไม่มีอะไรมาหล่อเลี้ยงใจดวงนี้ ความชื่นชนยินดี แรงสนับสนุนจากคนใกล้ชิด การ<<ทำงานด้วยใจ>>  ก็จะค่อยๆหมดกำลังไป อ่อนแรงลงไปในที่สุด............ ทีนี้ล่ะ ความทุกข์ ความท้อใจ ความน้อยใจ ก็จะเกิด เริ่มมีความรู้สึกติดลบกับงานที่เคยกลั่นมาจากใจ ต่อว่า พาลไม่สนใจงานชิ้นนั้นๆ....(อันนี้ผมหมายถึงตัวเองที่เคยเป็น ไม่ได้ว่าหรือพาดพิงใครๆนะครับ)

ดังนั้นผมหันกลับมาคิดใหม่ (คิดให้ได้) เรา<<ทำงานด้วยใจ>>  เราก็ทำเต็มที่แต่คราวนี้ ผมจะใข้ประโยคที่ว่า “ ทำงานทุกชนิด....ให้จิตว่าง “  ในอีกความหมายหนึ่งคือ

ทำงานปัจจุบัน ตรงหน้านี้...ให้ดีที่สุด โดยให้จิตว่าง......จากความคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดหรือ จะได้ในอนาคต

ก็คือประกอบแต่ “เหตุ” ที่เป็นปัจจุบันให้ดีเท่าที่ “กำลัง” เรามี ส่วนผลจะเป็นอย่างไร เราให้ ....”ว่าง”.....ไว้ก่อน

เดี๋ยงดีเอง ครับ........:)

 

อ้างถึง

เลขที่บันทึก: 494064

เลขที่บันทึก: 494497

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 494995เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2012 16:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2013 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

................................. จิตว่าง ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจิต ........................................ มือว่างไม่ได้หมายความว่าไม่มีม​ือ ...........................................

วาง ว่าง 

สาธุค่ะ

คืนนี้นอนหลับ ไม่มีฝันเลย ... สาธุ  ภาวนาจิตว่าง แต่ไม่ติดว่าง สาธุ

ปลาบปลื้มในฝีมือการปฏิบัติ และการเล่าเรื่องของอาจารย์จริง ๆ ค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท