ผมร่วมคณะดูงานhospice ของมหาวิทยาลัยมหิดลและสถาบันอาศรมศิลป์ ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๘ พ.ค. ๕๕ ตามในบันทึกก่อนๆ ได้ความรู้ความเข้าใจกลับมามากมาย โดยผมบอกตัวเองว่า ความเข้าใจดังกล่าวน่าจะยังจำกัดอยู่ ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่จำกัดของผม แม้ระหว่างดูงาน ผมได้เข้าใจเพิ่มขึ้นจากการเปิดใจของคนอื่น ว่าเขาเรียนรู้อะไรจากกิจกรรม AAR ที่เราทำกันทุกวัน หลังดูงานแต่ละวัน
กลับมาบ้าน ผม AAR กับตัวเอง เพื่อตอบแทนมหาวิทยาลัยมหิดลและสถาบันอาศรมศิลป์ที่ลงทุนไปไม่น้อย
เริ่มจากเป้าหมายของการตั้ง hospice and elderly care (มหิดลพฤฒาสถาน - ผมตั้งเล่นๆ)ที่หัวหินของ ม. มหิดล ที่ผมมองว่า ต้องมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนโลกทัศน์ของคนไทยว่าด้วยชีวิตและความตาย ให้มองความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่ทั้งคนใกล้ตาย และญาติมิตร ต้องเผชิญร่วมกัน ให้เป็น “ความตายที่มีคุณค่า” (healthy death หรือ quality death) โดยตัวสถานที่ อาคาร และบริการที่หัวหินเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่กว้างขวางเชื่อมโยง
กิจกรรมการพัฒนาเหล่านี้ได้แก่
- การปฏิบัติฝึกสมาธิแบบต่างๆ รวมทั้งการเดินจงกรม
- การฝึกศิลปะ
- การออกกำลังกาย
- การเรียนรู้ด้านศาสนา ปรัชญา
- การทำงานอาสาสมัคร
- เป็นต้น
การฝึกอบรมอาสาสมัคร เป็นส่วนหนึ่งของระบบการฝึกอบรม รวมไปถึงการฝึกอบรมญาติ และผู้ดูแลคนแก่ที่บ้าน
ในแคนาดามี “personal assistant” ที่คนแก่จ้างมาช่วยเหลือดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของตนในช่วงที่เป็น assisted living หากสังคมไทยจะมีอาชีพนี้ คนที่ทำหน้าที่ personal assistant ก็ควรมีการอบรมก่อนทำหน้าที่ และมีการเรียนรู้แบบ ลปรร. (แลกเปลี่ยนเรียนรู้) ในระหว่างทำหน้าที่นี้ด้วย เช่นมีการ share ความประทับใจหรือข้อเรียนรู้ในกลุ่ม PA ๑๐ คน ครั้งละ ๒ ชั่วโมง ทุกเดือน โดยมี “คุณอำนวย” ช่วยทำหน้าที่กระบวนกร และช่วยเติมความรู้เชิงทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
การสื่อสารสังคมนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์ระบบการจัดการระยะสุดท้ายของชีวิต ไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย มองการสั่งสมทุนชีวิต (life assets) ทั้งส่วนวัตถุและส่วนจิตวิญญาณไว้ใช้ประโยชน์ยามที่ร่างกายอ่อนแอลงยามชรา ช่วยให้มีชีวิตยามชราและตายอย่างคุณภาพได้
วิจารณ์ พานิช
๑๗ มิ.ย. ๕๕
ไม่มีความเห็น