การกำเนิดโลก
ตอน
ดวงดาวแห่งการทำลายล้าง
นักวิทยาศาศาสตร์มีความเชื่อว่า
ดาวเคราะห์นั้นเกิดจากการที่ชนกันของดาวหลายดวง
โลกมีขนาดเล็กกว่าในปัจจุบันถึง 10 เท่า
โดยเริ่มจากในระบบสุริยะนั้นมีดวงดาวมากมายกว่า
ดาวทุกดวงต่างโคจรอย่างเป็นระเบียบในวงโคจรของตนเอง
แต่เกิดความผิดปกติเมื่อดาวเหล่านั้นโคจรผิดจงโคจรของตนเองไปรบกวนวงโคจรของดาวดวงอื่น
ทำให้เกิดการพุ่งเข้าชนกันของดาวเคราะห์ทำให้เกิดแรงระเบิดและหลอมเอาดวงดาวเหล่านั้นเป็นดวงเดียวกันที่มีขนาดใหญขึ้นกว่า
เช่น ดาวศุกร์เกิดจากการพุ่งเข้าชนกันของดาว 8 ดวง
โลกเกิดจากการพุ่งเข้าชนกันของดาว 10 ดวง และเศษหินเล็ก
ฝุ่นละอองต่างๆ ก็ลอยคว้างอยู่บริเวณรอบๆโลก คล้ายวงแหวน
แต่ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไปหินเล็กๆเหล่านั้นก็รวมกันกันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
จนกลายเป็นดวงจันทร์บริวารของโลก และนักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อว่า
ดาวอังคารที่เก่าแก่ที่สุดในระบบสุริยะ
มันน่าจะไม่เคยถูกดาวดวงใดพุ่งเข้าชนเลยมีความเหมาะกับการอยู่อาศัย
และน่าจะเคยมีมหาสมุทรมาก่อน แต่เนื่องจากดาวอังคารมีแรงดังดูดน้อยมาก
จึงไม่สามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้
ตอน
ปริศนาแห่งการกำเนิดชีวิต
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า
มนุษย์ถือกำเนิดมาจากจุลินทรีย์
ซึ่งจุลิทรีย์เหล่านั้น บ้างก็ลอยอยู่ในทะเล
บ้างจะอยู่ตามพื้นทรายใต้ทะเล ซี่งมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ
ได้เป็นอย่างดี นักวิทยาศาสตร์ได้นำเอาผลึกเกลือมาศึกษาและมาเจาะเพื่อสำรวจดูถายใน
โดยพบว่าข้างนั้นในมีหยดน้ำอยู่ จึงได้นำเอามาศึกษา และได้พบว่า
มีแบคทีเรียอาศัยอยู่ในนั้น
เขาจึงได้เริ่มศึกษาเกี่ยวกับแบคทีเรียชนิดนั้นอย่างจริงจัง
โดยลงไปเก็บเอาตัวอย่างจากเหมืองที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ที่ลึกที่สุดในโลก
เพื่อเอาเก็บตัวอย่างมาศึกษาว่าเหตุใดจึงมีความทนทาน
สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพอากาศแบบนั้น
ตอน จากมหาสมุทร
สู่แม่น้ำแห่งชีวิต
ปลาแมคโทเดิร์ม เป็นปลาดึกดำบรรพ์
ที่มีขนาดใหญ่ และมีฟันที่แหลมคมมาก
มันจึงเป็นเจ้าแห่งทะเลในช่วงเวลานั้น ปลาอื่นๆต่างเกรงกลัว
จึงเอาตัวรอดโดยวิธีการขึ้นมาที่ผิวน้ำ
อาร์เคออฟเทอรีส จะมีลักษณะคล้ายต้นไม้ มีกิ่งที่หนา
แผ่รากลึกลงในดิน มีลำต้นที่หนามาก เชื่อว่ามีความสูงไม่ต่ำกว่า 20
เมตร
นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบตัวอย่าง แหล่งตะกอนน้ำแข็งใน 7
ภูมิภาคทั่วโลก
แสดงให้เห็นว่าโลกเคยอยู่ในช่วงเวลาของยุคน้ำแข็งจริง
ลาวาที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟนั้นจะไหลไปตามแรงดึงดูดของสนามแม่เหล็กโลก