เป็นที่สังเกตได้ว่า ในปัจจุบัน หน่วยงานราชการได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐ มีการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้กับการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผล สอดคล้องตาม มาตรา 39 ส่วนที่ 7 ในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ที่ให้ส่วนราชการจัดให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศของ ส่วนราชการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะสามารถติดต่อสอบถามหรือขอข้อมูล หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ ซึ่งจากผลการสำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2554 พบว่า กลุ่มลูกจ้างรัฐบาล (รวมพนักงานรัฐวิสาหกิจและลูกจ้างชั่วคราว) เป็นกลุ่มที่มีการใช้คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ตสูงสุด โดยจำแนกเป็น การใช้คอมพิวเตอร์สูงสุด ร้อยละ 71.3 และการใช้อินเทอร์เน็ตสูงสุด ร้อยละ 63.1 จากจำนวนการใช้คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ต โดยสำรวจจากกลุ่มผู้มีงานทำ อายุ 15 ปีขึ้นไปทั้งสิ้น 39.6 ล้านคนจำแนกตามสภาพการทำงาน (สำนักงานสถิติแห่งชาติ,2554)
ทั้งนี้ จากการที่ภาครัฐมีนโยบายการปฏิรูปการบริหารราชการ โดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในการให้บริการแก่ประชาชน ผู้ประกอบการ และระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกันในรูปแบบ หน่วยงานของรัฐกับประชาชน (Government to Citizen :G2C), หน่วยงานของรัฐกับเอกชน (Government to Business :G2B) ระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกัน (Government to Government :G2G) เพื่อยกระดับมาตรฐานของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานภาครัฐของประเทศไทยให้มีความพร้อมเทียบเท่าระดับสากล รวมทั้งต้องการผลักดันและสนับสนุนให้มีระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ในหน่วยงานภาครัฐเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์/การให้บริการแก่ประชาชน ตลอดจนเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วยงาน (สำนักงานสถิติแห่งชาติ,2551) โดยได้เพิ่มการให้บริการระหว่างหน่วยงานของรัฐกับข้าราชการและพนักงานของรัฐ (Government to Employee :G2E) เพื่อให้เกิดความครอบคลุมยิ่งขึ้น
จากการสำรวจถึงวัตถุประสงค์หลักของการใช้เว็บไซต์ในหน่วยงาน ในปี 2551 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า หน่วยงานส่วนใหญ่ มีเว็บไซต์เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสาร ร้อยละ 97.3 รองลงมาคือ เพื่อประชาสัมพันธ์องค์กรและการบริการ ร้อยละ 96.8 และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการบริการ ร้อยละ 83.3 เพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กร ร้อยละ 79.5 ในขณะที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้รับบริการ อยู่ที่ ร้อยละ 81.3 และเพื่อการพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ อยู่ที่ร้อยละ 11.5 (สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2551)
ทั้งนี้ รัฐได้จัดทำแผนทิศทางการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Roadmap) โดยมีแนวคิดการให้บริการของภาครัฐต่อประชาชน ได้แก่
และเพื่อให้สามารถบรรลุการพัฒนาไปสู่ online information & interactive transaction โดยสมบูรณ์ รัฐได้ดำเนินการโดยแบ่งการดำเนินการเป็น 4 ระยะ ดังนี้
ดังที่ได้กล่าวนั้น จะเห็นได้ว่า การตอบสนองความต้องการของประชาชน คือหัวใจสำคัญของการปฏิบัติภารกิจภาครัฐ ดังนั้นเว็บไซต์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ จึงต้องเข้าใจถึงความต้องการของประชาชนที่เสมือนดั่งลูกค้าเสียก่อน ตั้งแต่เข้ารับการบริการ จน สิ้นสุดการบริการ ซึ่งในความเห็นของผู้เขียนเอง เห็นว่าเว็บไซต์ภาครัฐที่ดี ควรมุ่งเน้นให้มีการวิจัย เพื่อการพัฒนา (Research and Development) เว็บไซต์ของตนเองอย่างสม่ำเสมอทั้งในด้านการบริการข้อมูลข่าวสารและการบริการอิเล็กทรอนิกส์บนเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการ โดยอาจตั้งเป็นคำถามได้ดังนี้
ด้านการบริการข้อมูลข่าวสาร
- P : หน่วยงานของท่านมีการวางแผนการให้บริการข้อมูลข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ หรือการกำหนดทิศทางการให้บริการข้อมูลข่าวสารผ่านเว็บไซต์ของท่านหรือไม่ ?
- D: หน่วยงานของท่านมีการปรับปรุงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในเว็บไซต์ให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบันหรือไม่? มีการใช้ข้อมูลร่วมกันภายในองค์กรหรือภายนอกหน่วยงานหรือไม่?และมีการให้บริการข้อมูลในภาษาต่างประเทศอื่นๆ เช่น ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ หรือไม่?
- C : หน่วยงานของท่านมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเนื้อหาในเว็บไซต์หรือไม่ ? รวมถึงการตรวจสอบข้อผิดพลาดต่างๆ อันเกิดจากระบบ ไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือเกิดจากผู้ป้อนข้อมูลเอง โดยตรวจสอบถึงการนำข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์นั้นมาใช้อ้างอิงได้มากน้อยเพียงใด? และข้อมูลที่เผยแพร่บนเว็บไซต์นั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้รับบริการทุกกลุ่มหรือเฉพาะกลุ่ม มากน้อยเพียงใด?
- A: หน่วยงานของท่านมีการปรับปรุงและตรวจสอบข้อมูลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องหรือไม่? รวมถึงการนำปัญหา ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่ได้รับจากผู้รับบริการ มาปรับปรุงเพื่อพัฒนาระบบงานบริการข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่องเพียงใด ?
ด้านการบริการอิเล็กทรอนิกส์ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
- P: หน่วยงานของท่านมีการวางแผนหรือกำหนดแผนทิศทางการพัฒนาการให้บริการอิเล็กทรอนิคส์ผ่านเว็บไซต์ของท่านหรือไม่?
- D: แผนที่จัดทำนั้น สามารถนำมาปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใด มีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการหรือไม่ ? รวมถึงข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ได้จากผู้รับบริการ ได้รับการปฏิบัติหรือแก้ไขหรือไม่ ? มากน้อยเพียงใด ?
- C: การบริการอิเล็กทรอนิกส์ (E-service)ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีการตรวจสอบและพัฒนาการให้บริการเพื่อตอบสนองผู้รับบริการอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ ?
- A: การรักษาคุณภาพของการให้บริการนั้น มีการรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่องมากน้อย เพียงใด ? ทั้งในด้านความปลอดภัยของข้อมูลและความน่าเชื่อถือของข้อมูล
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนหวังว่า การพัฒนาระบบการให้บริการผ่านเว็บไซต์ จะเป็นอีกช่องทางในการพัฒนาองค์กร เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชนมากขึ้นอย่างครบถ้วน ครอบคลุมและทั่วถึง ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภายในประเทศ ดังนั้น จึงควรมีการพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในระบบการให้บริการ ซึ่งต้องกระทำควบคู่กับ การพัฒนาประสิทธิภาพอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ ไปด้วย ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจในการพัฒนาเว็บไซต์หน่วยงานราชการครับ
แหล่งอ้างอิง
ถ้าได้ทั้แปดข้อ.. ถือว่าสุดยอดแล้วค่ะ
คุณ kunrapee
แวะมาเยือน ได้ ข้อคิดที่ดี ๆ ครับ
ดังคำกล่าว ที่ว่า " ที่เดียว ทันใด ทั่วไทย ทุกเวลา ทั่วถึง เท่าเทียมและ ธรรมาภิบาล " EGA จึงเข้ามาผลักดันด้านการพัฒนา “มาตรฐานเว็บไซต์ภาครัฐ (Government Website Standard)” เพื่อเป็นมาตรฐานให้หน่วยงานภาครัฐได้นำไปปรับปรุงและ พัฒนาระบบการให้บริการผ่านเว็บไซต์ โดยร่างที่จัดทำขึ้นอยู่ในกระบวนการเสนอเป็นมติ ครม. หากผ่านกระบวนการดังกล่าวและได้กำหนดเป็นมาตรฐานฉบับสมบูรณ์จะรีบนำมาเผยแพร่ให้ทราบนะคะ
ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์และ พี่ๆ ทุกท่าน ที่ีมอบดอกไม้ให้กำลังใจนะครับ :-)
krugui | |
kunrapee | |
Sila Phu-Chaya | |
krutoom | |
Kitty_b | |
ขจิต ฝอยทอง | |
JJ | |
นาง นงนาท สนธิสุวรรณ | |
แว่นธรรมทอง | |
EGA |