วิกฤตเหลืองแดงคือโอกาส


ผมเคยพูด เขียน ไ้ว้หลายครั้งมากว่า ทักษิณนั้นว่าไปแล้วเขาทำ "บุญคุณ" ให้ประเทศไทยมหาศาล เพราะทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองของคนทุกระดับอย่างไม่เคยมีมาก่อน     วันนี้ขอยืมปากคนอื่นมาช่วยผม  คือ ท่านส.ศิวลักษณ์ ที่ผมนับถือ่วาเป็นครูของผม (ทั้งที่ท่านไม่เคยสอนอะไรผมสักคำ) ท่านคนนี้ก็ไม่ซ้าย ไม่ขวา และไม่กลางด้วยเหมือนกัน 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

2 มิถุนายน 2555 10:37 น.

 

 

  



ส. ศิวรักษ์ หรือ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เจ้าของสมญา ปัญญาชนสยาม อนุรักษ์นิยมหัวก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ “ ASTV ผู้จัดการ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและสังคมไทย ในวันที่ผู้คนแตกต่างและแตกแยกกันทางความคิดมากที่สุดครั้งหนึ่ง 

ส.ศิวลักษณ์ เนติบัณฑิตจากอังกฤษผู้ผ่านโลก ผ่านหนาวผ่านร้อน ผ่านกลิ่นคาวเลือดมาหลายยุคหลายสมัย และเคยตกเป็นจำเลยแต่หลุดพ้นข้อกล่าวหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่รัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ฟ้องร้อง ทั้งยังเป็นอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ในซีกความคิดทั้งเหลืองและแดงให้ความเคารพ ได้เตือนสติประชาชนทั้งสองสี ตระหนักว่า แม้ท้ายที่สุดจะมีความเห็นต่าง มีหลักคิดกันคนละแนวทาง แต่สำคัญเหนืออื่นใดต้องไม่ลืมว่าสัจจะความจริงย่อมไม่สยบยอมต่อความเท็จ ความลวง 

พร้อมกับเน้นย้ำอย่างเชื่อมั่นว่า เมื่อใดที่ประชาชนคนไทยใช้ปัญญา ทันเล่ห์ทักษิณ เข้าใจกลเกมของทักษิณและอำมาตย์ เมื่อนั้นเหลืองและแดงไม่น้อยย่อมตื่นรู้ หันมาจับมือ ผนึกกำลัง และร่วมกันผลักดันประชาธิปไตยในสังคมไทยให้เข็มแข็งกว่าที่เคยเป็นมา

 

 

 

 

ผมว่าความขัดแย้งในเมืองไทยตอนนี้น่าสนใจนะ คือเมืองไทยเรานี่มันเปลี่ยนสภาพจากสังคมเกษตรมาเป็นสังคมอุตสาหกรรมแล้ว ในสังคมเกษตรคนจะไม่ขัดแย้งกัน ผู้น้อยจะเชื่อผู้ใหญ่ ขัดแย้งก็ไม่แสดงออก นั่นคือสังคมเกษตร สังคมบ้าน แต่สังคมไทยตอนนี้เป็นสังคมเมืองที่อยู่ใต้ระบอบเผด็จการมานาน ออกความเห็นไม่ได้ การศึกษาก็ไม่สอนให้คนออกความเห็น ให้คนเชื่อตามกันหมด 

“คนมาเริ่มออกความเห็นกันจริงๆ ก็ในยุคปลายถนอม กิตติขจร ซึ่งผมมีส่วนในการแสดงความคิดเห็น เพราะช่วงนั้นผมออก 'สังคมศาสตร์ปริทรรศน์' มีการเสวนา เด็กเริ่มคุยกันเพื่อแสวงหา ทั้งที่เวลานั้นคุยกัน 5 คนเขาก็จับได้แล้ว ข้อหาซ่องสุมกัน ผมถึงขั้นต้องเข้าไปอาศัยในวัดบวรนิเวศน์ฯเลยนะ ตำรวจจะได้ไม่กล้าเข้าไปจับ ผมไปขอสมเด็จพระสังฆราชในเวลานี้ เพื่อขอประชุมกัน นั่น 40 ปีมาแล้ว ผมว่านี่เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้คนเริ่มตื่นตัวกัน

“จากนั้นมาก็มีสภากาแฟ ที่ ม.เกษตรฯ มีสภาหน้าโดม ผมว่าคนเริ่มตื่นตัว จึงเกิด 14 ตุลาคม 2516 กระบวนการนักศึกษาประชาชนเอาเผด็จการลงได้ ตอนนั้นสังคมเมืองมีการแสดงความเห็นกันเต็มที่ หน้าเสียดายที่มีพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามาแทรกแซง เกิดความรุนแรงต่างๆ ฆ่าฟันกันเยอะ เกิด 6 ตุลาคม 2519 เขาก็เข้ามาปราบอย่างเลวร้าย เมื่อหลัง 6 ตุลาคม โดนปราบหมดแล้ว กอ.รมน. ก็มาสอนพวกครูอาจารย์หมดเลย สอนให้นิสิตนักศึกษาแหย นักศึกษามีหน้าที่เรียนอย่างเดียว ครูบาอาจารย์ ใครหัวก้าวหน้าก็ต้องเข้าป่าไปหมด แล้วกว่าจะฟื้นตัวใหม่ก็เจอ สุจินดา คราประยูร เข้ามา ก็กลับไปเป็นแบบเดิม แล้วก็ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ มันก็กลับไปกลับมาแบบนี้เรื่อยเลย

 
 

 

 

 

รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมอำมาตย์-ทักษิณ หลอกใช้ เหลือง-แดง 

กระทั่งมาถึงทักษิณที่กุมอำนาจเกือบหมด ตอนนั้นยังไม่มีกลุ่มเสื้อเหลือง ก็มี สนธิ (ลิ้มทองกุล), พิภพ ธงไชย ใครต่อใคร ร่วมต่อต้านทักษิณ ผมว่าไอ้กระบวนการต่อต้านพวกนี้ การพูดในที่สาธารณะ ทั้งที่สนามหลวง และที่ไหนๆ ต่อไหนๆ ตอนนั้นกระบวนการแบบนี้มันเข้มแข็งมากเลย ผมว่านี่เป็นสาระของประชาธิปไตย ผมพูดเสมอว่าประชาธิปไตยนั้นมีพื้นฐานทั้งหมดอยู่ที่จริยธรรม 

นักการเมืองไม่มีจริยธรรมแล้วกุมรัฐสภา นี่เป็นรูปแบบที่ทักษิณทำ แล้วทักษิณก็พยายามที่จะทำแบบนั้นอีก ดังนั้น ประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะมาเรียกร้องไล่ทักษิณไป ซึ่งผมเองก็เคยไปพูดกับเขาด้วยที่สนามหลวง แล้วถ้าปล่อยให้กระบวนการนี้เข้มแข็งขึ้น ทักษิณก็จะหลุดออกจากอำนาจได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องทำรัฐประหาร 

ที่ทำรัฐประหารนี่ เพราะฝ่ายอำมาตย์ไม่ไว้ใจกระบวนการประชาชน ถ้าให้ประชาชนไล่ทักษิณออกไปนี่ โอ้! บ้านเมืองเราจะมีชื่อเสียงมาก แล้วทักษิณจะไม่มีข้ออ้างที่จะกลับมาได้อีกเลย แต่นี่คุณทำรัฐประหารยึดอำนาจ ไล่ทักษิณไป ทักษิณก็มีข้ออ้างสิครับ ว่าได้รับเลือกตั้งมาแล้วจะมาไล่เขาไปได้อย่างไร ถ้าไม่ให้เขากลับมา เขาก็หาว่ามีคนหาเรื่องเล่นงานเขา หาว่า ศาลมี 2-3 มาตรฐาน ซึ่งก็เป็นความจริง ไม่สามารถปฏิเสธได้ นี่ก็เป็นอันหนึ่ง ที่ทำให้เกิดกระบวนการเรียกร้องต้องการความยุติธรรมต่างๆ เสื้อเหลือง เสื้อแดงต่างๆ 

แน่นอนครับ ทักษิณถือโอกาส เข้ามาก้าวก่าย อุดหนุนเสื้อแดง ส่วนเสื้อเหลืองนั้นฝ่ายอำมาตย์ ก็ถือโอกาส เข้ามาอุดหนุนฝ่ายเสื้อเหลือง แต่ทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงนั้น ไม่ว่าอำมาตย์และทักษิณ ไม่มีใครอุดหนุนจริงๆ จังๆ เห็นผลประโยชน์ระยะสั้นเท่านั้นเอง 

“เพราะฉะนั้น ผมมีความเห็นว่า ต่อไปผู้คนจะเห็นว่ากระบวนการทั้งหมด ประชาชนต้องเป็นใหญ่ และผมเชื่อว่าต่อไปเสื้อเหลือง-เสื้อแดงจะสมานฉันท์กัน ต่อไปจะพูดกันรู้เรื่อง พวกเสื้อแดงตอนนี้ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว เห็นชัดเจนเลย แปลว่าคนตื่นตัว มันจะมีคนจำนวนน้อยที่ยังจงรักภักดีต่อทักษิณ คนเสื้อเหลืองก็เช่นกัน ยังมีคนจำนวนน้อยที่จงรักภักดีต่ออำมาตย์ แต่ส่วนใหญ่ แล้ว เราจะเห็นว่าพลังของประชาชนนั้นเข้มแข็ง เพราะฉะนั้น ผมมองว่า นี่เป็นนิมิตหมายที่ดีในตอนนี้

“ดังนั้น ผมเชื่อเลยว่าอนาคตในระยะยาวเมืองไทยจะมีประชาธิปไตยเป็นพื้นฐาน ถามว่าทำไม? เพราะคนส่วนใหญ่ คนรากหญ้าเขามีประชาธิปไตยเป็นพื้นฐาน เขารู้จักสิทธิชุมชน รู้จักปกป้องชุมชนของเขา ไม่ว่ายายไฮ, จินตนา แก้วขาว, อรอุมา วัดอักษร คนพวกนี้คือคนที่สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญ แต่พูดกันตรงๆ นะ คนพวกนี้ เป็นคนที่สื่อมวลชนไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร ตอนนี้ คนพวกนี้เขาก็มาอยู่ที่หน้าทำเนียบ ถ้าสื่อเจาะประเด็นพวกนี้ลงไป สื่อจะช่วยลดความรุนแรงได้เยอะเลย คนพวกนี้เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงนะครับ เขาแค่มาปักหลักอยู่ 4-5 เดือน"

 

 

 
 

 

สังคมไทยกะล่อน ไร้สัจจะ 

ผมว่าประชาธิปไตยของเราเข้มแข็งมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ที่สังคมขาดคือ 'สัจจะ' เราไม่มีสัจจะเลย ทำให้ผมนึกถึง แอนดูร์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล (Andrew Macgregor Marshall)บรรณาธิการสำนักข่าวรอยเตอร์ในประเทศไทย เขาอยู่มานาน 5 ปี เขาลาออกเลย จากเงินเดือน 5 แสนนะ ลาออกเลย แล้วไปอยู่สิงคโปร์ เพื่อแสวงหาสัจจะเรื่องเมืองไทย 

แล้ว มาร์แชล ก็ก่อตั้งเว็บไซต์ขึ้นมา ฟรีด้วย มันเล่นหมดเลย ตั้งแต่อำมาตย์เบอร์หนึ่งเลย แล้วไล่ลงไปทั้งหมด คุณอานันท์ ปันยารชุน ผู้ดีอังกฤษที่ทุกคนยกย่องสรรเสริญนี่ มันฉีกเป็นชิ้นๆ เลย มันเขียนไว้หมดเลย ว่าอานันท์กะล่อนยังไงบ้าง ทักษิณกะล่อนยังไงบ้าง ผมว่านี่ดีมาก คนกล้าหาญ เห็นสัจจะเป็นพื้นฐาน นี่เป็นเรื่องสลักสำคัญ แล้วผมว่าถ้าสื่อเจาะประเด็นนี้ให้มาก มุ่งกันไปที่สัจจะมากเท่าไหร่ สื่อจะช่วยสังคมได้มาก แต่ทุกวันนี้ สื่อกลัวกันไปหมด

สัจจะนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ประการแรก เราต้องรู้ว่าอะไรเท็จ อะไรจริง ซึ่งในระบบทุนนิยมนั้น สัจจะไม่มีความสำคัญ สำคัญอย่างเดียวคือเขาหลอกให้คนซื้อ ทุนนิยมมันมากับบริโภคนิยม อะไรที่ออกโทรทัศน์นี่พวกตอแหลทั้งนั้น สุดท้ายก็หลอกให้คนซื้อ เช่น เส้นผมของคุณต้องมีไอ้นั่น ต้องมีไอ้นี่ใส่ ไม่อย่างนั้นมันไม่สวย ทุกเรื่องเลยครับ สื่อกระแสหลักไม่ว่าโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ไม่พ้นโฆษณาชวนเชื่อ สื่อหนังสือพิมพ์เล่มไหนได้รับเงินจากยิ่งลักษณ์ ก็สยบยอมไปทางนั้นมาก บางฉบับก็ได้รับเงินจากประชาธิปัตย์มาก เห็นไหมครับ ยากที่จะมีจุดยืน 

ดังนั้น อันดับแรก มันจึงต้องมีความกล้าหาญและมีจริยธรรม กล้าพูดว่าอะไรจริงอะไรเท็จ หนังสือพิมพ์ในเมืองไทย พูดกันอย่างตรงไปตรงมานะครับ ตั้งแต่คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ ลี้ภัยไปอยู่เมืองจีน หนังสือพิมพ์ไทยปราศจากสัจจะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะคึกฤทธิ์ ปราโมช มาคุมหนังสือพิมพ์ ใช้ความโกหก ตอแหล ปลิ้นปล้อน กะล่อน มอมเมาคน เขียนนวนิยายสี่แผ่นดินจนคนก็เชื่อไปหมดว่าขบวนการคณะราษฎรเลวร้าย พวกไพร่นี่ไม่มีความหมายเลย นี่เป็นการมอมเมานะ คึกฤทธิ์นี่เป็นต้นแบบเลย แล้วคึกฤทธิ์ก็มาครอบขรรค์ชัย บุญปาน ขรรค์ชัย ก็คลอดมาจากคึกฤทธิ์ เหมือนกันเลย นี่ผมยังไม่พูดถึงยักษ์ใหญ่อย่างไทยรัฐ เดลินิวส์นะ 

"การเลือกซ้าย-เลือกขวา คุณอาจจะไม่เลือกได้ แต่ถ้าคุณเป็นหนังสือพิมพ์ฝ่ายซ้าย คุณก็ต้องยอมรับว่าเป็นฝ่ายซ้าย ถ้าคุณเป็นฝ่ายขวาคุณก็ต้องบอกว่าเป็นฝ่ายขวา แต่ถ้าคุณไม่กล้าเลือกซ้าย ไม่กล้าเลือกขวาก็ไม่เป็นไร แต่ระหว่างสัจจะ กับอสัจ ไม่มีตรงกลางครับ อย่าอ้างว่าเป็นศาสนาพุทธให้เดินทางสายกลาง แล้วการเดินสายกลางนั้นคือการนั่งอยู่บนรั้ว ให้เขาซัดกันเรียบร้อยแล้วคุณถึงกระโดดลงมา มีแบบนี้เยอะแยะเลย แล้วอ้างว่าเป็นศาสนาพุทธด้วยนะ" 

 

 

 

 

เน้นย้ำเหลือง-แดง เชื่อมั่น 'สัจจะ-อหิงสา' 

"ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สอนให้คนมีกึ๋นนะครับ แต่ศาสนาพุทธในเมืองไทยสอนให้คนเชื่อหมดเลยครับ ยิ่งตอนนี้ธรรมกายมอมเมาที่สุดเลย ศาสนาพุทธสอนไม่ให้เชื่อนะครับ พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้เชื่อท่านด้วย ให้คุณถกเถียง อภิปรายกัน จนกระทั่งคุณเชื่อมั่นว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คุณถึงค่อยเชื่อ ผมว่าบรรยากาศอย่างนี้ เมืองไทยไม่มีเลย

"ทั้งเหลืองและแดงนั้น คนส่วนใหญ่นับถือพุทธนะครับ แต่เขาถูกถอนรากถอนโคน จากความเป็นพุทธไปหมดแล้ว บางคนก็อ้างตัวเป็นมาร์กซิสม์ บางคนก็อ้างตัวเป็นศักดินา ทั้งที่มันปลายแถวทั้งนั้น หากคุณจะจับมือกัน หันหน้าเข้าหากัน ประการแรกคุณต้องเคารพตัวคุณเอง นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก บางคนเคารพทักษิณ บางคนเคารพเงิน บางคนเคารพอำนาจ แล้วฉวยโอกาส 

"สิ่งสำคัญคือการเคารพตนเอง เชื่อมั่นในตนเอง เมื่อคุณเชื่อมั่นในตนเอง ไม่ว่าเงินหรืออำนาจก็ไม่มีความหมาย สิ่งที่ถูกต้องต่างหากที่มีความหมาย และผมเชื่อนะว่าทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงจะมีคนแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ คือคนที่เกิดมีความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่เชื่อมั่นในตัวเองในที่นี้ ไม่ได้มายถึงการตะบี้ตะบันเชื่อว่ากูถูกคนเดียวนะครับ แต่เป็นการเชื่อมั่นในตนเองที่เคารพผู้อื่นที่เขาเห็นต่างจากเราด้วย ควรเคารพเขาเพราะแม้เรามีสัจจะ แต่ไม่ใช่แค่ว่าเราเห็นคนเดียว เช่น ผมเห็นเก้าอี้ตัวนี้ แต่ผมเห็นเฉพาะด้านหน้า อีกคนก็เห็นเฉพาะด้านหลัง 

"ดังนั้น เราต้องเปิดกว้าง มีสัจจะแล้วก็มีอหิงสา ซึ่งตอนนี้ ทั้งเสื้อเหลืองเสื้อเดงใช้ความรุนแรงทั้งนั้น และความรุนแรงที่สำคัญที่สุดคือความรุนแรงทางคำพูด วจีทุจริตนี่อันตรายครับ ความรุนแรงทางคำพูดนี่มันอันตรายกว่าเอาปืนมายิงเพราะเอาปืนมายิงมันตายเดี๋ยวนั้น เท่านั้นเอง แต่วจีทุจริตนี่มันสร้างให้คนเกลียด สร้างให้คนโกรธ คุณสมัคร สุนทรเวช ใช้วจีทุจริต สามารถสร้างให้คนเกลียดเด็กในธรรมศาสตร์ได้เลยครับ ทำให้เด็กในธรรมศาสตร์เป็นญวน เป็นคอมมิวนิสต์หมด ปลุกระดม ชวนเชื่อ ป๋วย (อึ๊งภากรณ์) กลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปเลย

"เราลืมไปหมดแล้ว เราลืมประวัติศาสตร์ ทั้งที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้เอง เมืองไทยเป็นเมืองพุทธแท้ๆ แต่ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ กลับมาได้แล้ว กลับมาหาพุทธที่เนื้อหาสาระ ศาสนาพุทธสอนให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งการอ่อนน้อมถ่อมตนในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าแหย แต่หมายความว่าเราเคารพเพื่อนมนุษย์ แม้คิดต่างจากเรา เราสอนกระทั่งพรหมวิหาร4 ทุกคนท่องได้หมด เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าเมตตาคือความรัก


"...
ศาสนาพุทธนั้น พระพุทธเจ้าสอนให้คนเปลี่ยน เปลี่ยนจากความโลภเป็นทาน เป็นการให้ เปลี่ยนความโกรธความเกลียด เป็นความเมตตากรุณา เปลี่ยนความหลงเป็นปัญญา ถ้าคุณไม่เดินตามทางนี้ เป็นศาสนาพุทธปลอมทั้งนั้น"



.......
สัมภาษณ์ : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
ถ่ายภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ

 

 

หมายเลขบันทึก: 490100เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 09:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 16:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ถ้ามองเห็นเป็นโอกาส
ก็พอมีทางไปสู่วิวัฒน์ได้

แต่ถ้ามองไม่เห็นเป็นโอกาส
ก็อาจจะพลาดพลั้ง
พาไปสู่วิบัติได้เหมือนกัน

สาธุครับ นมัสการพระมหาแลครับ

ท่านผู้อ่านบางท่านอาจไม่รู้จักว่า ขรรคชัย คือใคร ขอเรียนว่าคือ เจ้าของมติชนครับ ที่ตอนนี้เอียงข้างทักษิณมาก

เข้าใจชี้แนะ :)
อ่านได้จุใจ ได้ความรู้มากมาย ขออนุญาติ ถูกใจเพื่อลิงค์ไป fb เพื่อให้คนอ่านกันเยอะๆนะ

ยินดีครับท่านดอกปีบ... แหมหายไปนานเลยโนะ

คุณพี่ Blank (ทราบอายุจากประวัติแล้วเลยขออนุญาตนับญาติด้วยเลยนะคะ) คะ เสียดายที่คงจะพิมพ์เร็วไปเลยตกตัว "ง" ในคำว่า"เหลือง"หลายคำทีเดียว รวมทั้งใน keywords 2 คำ ว่าจะ link ไป FB ก็เลยรอพี่ Blankแก้ไขก่อนนะคะ อยากให้คนในวงกว้างได้อ่านเหมือนกันค่ะ คิดว่าถ้าเรามีคนที่มองในมุมตัวเอง ไม่โอนเอนไปตามกลุ่ม บ้านเราน่าจะไปรอดค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท