ผมนับถือและยกย่องความดีของคุณชูเกียรติ อุทกะพันธุ์มาก ดังนั้นเมื่อได้รับการทาบทามให้ร่วมเป็นกรรมการตัดสินรางวัลชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ผมจึงหาทางจัดเวลาทำงานให้
การได้ทำงานชิ้นนี้ ผมถือเป็นกำไรชีวิต เพราะทำให้ได้ทบทวนเรียนรู้ไตร่ตรองเรื่องดีๆ เรื่องของคนดี ที่อุทิศชีวิตทำประโยชน์ให้แก่สังคม เริ่มตั้งแต่เรื่องของคุณชูเกียรติ ที่ถือได้ว่าเป็น social entrepreneur คือทำงานธุรกิจโดยคิดถึงประโยชน์ของสังคมควบคู่ไปด้วย ชีวิตของคุณชูเกียรติเป็นชีวิตของการต่อสู้สร้างตัว จากศูนย์หรือติดลบ จนสามารถสร้างองค์กรที่เวลานี้ถือได้ว่าเป็นสถาบันหนึ่งของสังคม คือสำนักพิมพ์อมรินทร์ แน่นอนว่า คู่ชีวิต คือคุณเมตตา อุทกะพันธุ์มีส่วนครึ่งหนึ่ง (หรือมากกว่า) ของความสำเร็จนี้
รางวัลชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ถือเป็นปีที่ ๙ เลขมงคล เมื่อศึกษาเรื่องราวของผู้ได้รับ รางวัลปีก่อนๆ ก็เป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง เช่นของคุณรตยา จันทรเทียร ผู้ได้รับรางวัลปี ๒๕๕๔ ที่นี่ของ ดร. สาทิส อินทรกำแหง ปี ๒๕๕๓ ที่นี่ของ นพ. วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ผู้ได้รับรางวัลปี ๒๕๕๒ ที่นี่ ของ อ. จุลทรรศน์ พยาฆรานนท์ ผู้ได้รับรางวัลปี ๒๕๕๑ ที่นี่ เป็นต้น
ผู้ได้รับรางวัลนี้ในปีที่ ๙ คือคุณเดชา ศิริภัทรประธาน มูลนิธิข้าวขวัญ มีพิธีประกาศและมอบรางวัลเมื่อวันที่ ๑๐ พ.ค. ๕๕ ตามข่าวนี้ และข่าวนี้ หนังสือที่ระลึกในงานแม้จะเล่มเล็ก แต่ก็มีค่ามากในสาระ น่าเสียดายที่ไม่ได้เอาขึ้นเว็บให้ได้อ่านกันอย่างกว้างขวาง
การไปรับงานนี้ ทำให้ผมได้พบมิตรเก่าที่ไม่ได้พบมานาน คือคุณธรรมเกียรติ กันอริ นักเขียนชั้นครูของประเทศ และได้รับมอบหนังสือดีและเป็นที่นิยมมา ๑ เล่ม คือ พระนครควรชมฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๕
วิจารณ์ พานิช
๑๓ พ.ค. ๕๕
รูปปั้นคุณชูเกียรติอยู่ในสวนกันร่มรื่น
คุณเดชาไปกราบพระที่ห้องพระของสำนักพิมพ์อมรินทร์
ถ่ายรูปร่วมกันในฐานะคนคุ้นเคย
คุณเมตตา อุทกะพันธุ์มอบรางวัล
คุณเดชา กล่าวปาฐกถา
ภายในห้องประชุมก่อนเริ่มพิธี มีนักเรียนชาวนามาร่วมจำนวนมาก
คุณฟ้า เจ้าของกิจการ ซองเดอร์ไทยออร์กานิคฟูด จำกัด
เรียน อ.วิจารณ์ พานิช ที่เคารพ
social entrepreneur ความหมายลึกซึ้งกินใจมากค่ะ สำหรับตัวเองคิดว่าสามารถนำไปใช้ได้ทุกวงการค่ะ และเมื่อมีโอกาสได้พบปะผู้ประกอบการจะไม่ลืมนำคำพูดนี้ของอาจารย์ไปใช้เลยค่ะ ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ
ขอแสดงความนับถือ สุคนธ์