ความรักของแม่


วันที่รอคอย

     ดิฉันเป็นคนเชียงใหม่ พอแต่งงานก็ย้ายตามสามีมาอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก  ชีวิตคู่มีความสุขมากเมื่อมีบุตรชายคนแรก  พอลูกอายุได้ 1 ขวบ 8 เดือน เริ่มผิดสังเกตว่าลูกไม่พูด  เรียกไม่หัน ไม่มองหน้า ไม่สบตา  เดินช้ากว่าเด็กปกติ ลูกเดินได้ตอน 1 ขวบ 3 เดือน  ไม่นิ่ง ชอบเล่นแต่รถโดยเฉพาะล้อรถ  จึงพาไปตรวจ  หมอวินิจฉัยว่า เป็นออทิสติก  วินาทีที่ได้รับทราบผลการตรวจ  ความรู้สึกชาไปทั้งตัว     หูอื้อไปหมด  หมอพูดเกี่ยวกับ อาการของโรคให้ฟัง  แต่ดิฉันยอมรับไม่ได้   เพราะลูกดิฉัน ไม่ได้พิการ  วิ่งเล่น ได้ เหมือนเด็กปกติทั่วไป  ในสมองตั้งคำถามมากมาย ออทิสติก  คืออะไร   ดิฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน

 

   หลังจากนั้นดิฉันแสวงหาตำรา   ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต  เกี่ยวกับออทิสติก  โรงเรียน  สถาบันต่างๆ เกี่ยวกับ ออทิสติก   เราเริ่มพาลูกไปทำกิจกรรมบำบัดที่โรงพยาบาล  ได้รับคำแนะนำต่างๆก็จะนำกลับมาทำ และปฏิบัติกับลูก  แต่ก็ไม่ดีขึ้นเพราะเราขาดความเอาใจใส่ที่แท้จริง และเวลาที่จะให้ลูก ด้วยเราทั้งคู่ต้องทำงาน  อีกทั้งใจยังยอมรับไม่ได้  สามีจึงตัดสินในพาลูกไปรักษาที่สถาบันราชนครินทร์ที่ จ.เชียงใหม่  แต่ลูกไม่สามารถทานยาในการรักษาโรคนี้ได้เพราะแพ้ยา  มีอาการเลือกกำเดาไหลออกมา คนที่แพ้ยานี้มี 1 ใน พัน  เท่านั้น  ดังนั้นการรักษาจึงต้องฝึกอย่างเดียวเท่านั้น   และดิฉันต้องเลี้ยงลูกชายคนเล็กที่จังหวัดพิษณุโลกคนเดียว   คิดถึงลูกมาก เค้าขาดแม่ซึ่งควรต้องดูแลอย่างใกล้ชิด  แต่สามีจะเป็นคนที่คอยดูแล เอาใจใส่ และให้เวลากับลูกหลังเลิกงาน  เพื่อฝึกลูกด้วยตัวเอง  การทำงานของสามีก็ไม่ค่อยเต็มที่เพราะต้องดูแลลูกคนเดียว

      

      การเลี้ยงลูกแยกกัน ทำให้ดิฉันก็จะต้องชึ้นลง เชียงใหม่เพื่อไปดูลูกบ้าง พอปิดเทอมก็จะมาอยู่ที่พิษณุโลกด้วยกัน  ดิฉันจะหาเวลาเพื่ออยู่กับเค้าให้มากที่สุด  อ่านนิทานให้ฟัง  เล่นทุกอย่างที่เค้าเล่น  เข้าไปแทรกตัวตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เค้าอยู่คนเดียว  พาทำกิจกรรมในบ้าน เช่น ร้อยลูกปัดเป็นการฝึกสมาธิ และกล้ามเนื้อมัดเล็ก  กว่าจะร้อยเป็นใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ฝึกจับดินสอเพื่อระบายสี พร้อมการลากเส้นได้บ้าง  ใช้เวลา 1 เดือน  อ่านบัตรคำศัพท์   การปั้นแป้งโด  ต่อตัวต่อ   เล่นจ๊ะเอ๋  พาเล่นไถนา  พาเล่นทุกอย่าง  กิจกรรมนอกบ้าน  นั่งมอไซด์เที่ยว  เล่นกับเพื่อนๆที่สนามเด็กเล่น    วิ่งไล่จับเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ 

    

       ตอนนี้ลูกชายคนโต อายุ 3 ขวบ 10 เดือน ชอบเล่นรถ  ชอบอยู่คนเดียว   สามารถพูดได้เป็นคำๆ ได้บ้าง พัฒนาการทางภาษาเท่ากับ เด็ก 1 ขวบ 6 เดือน  ผลการประเมินจากสถาบัน  แต่เราต้องสู้ต่อเพื่อให้ได้ลูกดิฉันคืนมาจากโรคนี้ให้ได้   ดิฉันจึงตัดสินใจพาลูกคนเล็กไปอยู่เชียงใหม่  โดยให้ยายช่วยดูแล และลาออกจากงานเพื่อไปดูแลลูกที่เชียงใหม่   รอแม่นะลูก  เหลือเวลาอีกไม่กี่วันให้เวลาแม่เคลียร์งานตามภาระให้เสร็จ แม่จะไปดูแลลูก  แม่อยากคุยกับลูก  อยากให้ลูกบอกเล่าสิ่งที่ลูกต้องการให้แม่ฟัง  บอกว่าคิดถึงแม่ 

คำสำคัญ (Tags): #วันที่รอคอย
หมายเลขบันทึก: 488116เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2012 17:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 10:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

แม่ คือ..ผู้หญิงที่บุญคุณกับผมมากที่สุด..

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :-)) ..ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด..เพื่อลูก..แม่เสียสละและทำได้เสมอ...

สู้ ๆ แม่ละเอียด น้องต้องหาย พี่เชื่อมั่นมาก กลับไปเชียงใหม่แล้วก็เต็มที่กับลูก ๆ ได้เลยนะ เรื่องอื่นก็วางลงเถอะ มันมีวาระของมันที่ถูกขีดไว้แล้ว จะคอยติดตาม ส่งข่าวมาหล่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท