กามคุณ กามโทษ...


 

ทุกท่านทุกคนยังเป็นเสขบุคคล เป็นบุคคลที่ต้องศึกษา เป็นบุคคลที่ต้องประพฤติปฏิบัติ เราอยู่เฉย ๆ มันไม่มีอะไรที่ดีขึ้น เราต้องศึกษาหาความรู้ทั้งในหนังสือตำรับตำรา และจากครูบาอาจารย์จากผู้ที่มีประสบการณ์

Large_pic089

คนเราชีวิตมันแก่ไปทุกวัน ความรู้ความสามารถ เราก็ต้องมีความรู้ความสามารถ

 


ความสุขความสะดวกสบายมันเป็นสิ่งที่เสพติด...


พระก็ติด เณรก็ติด ชีก็ติด ญาติโยมทั้งหลายก็พากันติด ไม่ติดมากก็ติดน้อย จะทำอะไร ทุกอย่างก็ต้องการค่าจ้างรางวัลคือ “ความสุข...”

พวกเราพากันติดสุขติดสบายนะ...

เราก็ติด พ่อแม่เราก็ติด ถ่ายทอดความหลง กันมาเป็นทอด ๆ เลยเน๊อะ

พระพุทธเจ้าท่านถึงได้เมตตาสั่งสอนเรา ให้เราเป็นผู้เสียสละไม่ขี้เกียจขี้คร้าน

สิ่งใดที่เป็นไปเพื่อความขี้เกียจขี้คร้านนั่นไม่ใช่ธรรมะ ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

ประเทศไหนที่ยากจนแสดงถึงประเทศนั้นมีคนขี้เกียจเยอะ ครอบครัวไหนยากจน ครอบครัวนั้นเป็นครอบครัวที่ขี้เกียจนะ

ส่วนใหญ่นะคนเราก็จะไปแก้ที่ปลายเหตุ ไม่ได้ดูต้นเหตุ ต้นเหตุมันอยู่ที่นี่แหละ มันอยู่ที่ขี้เกียจขี้คร้าน ติดสุขติดสบายนี่แหละ

อนาคตมันจะสร้างปัญหาให้กับตัวเอง สร้างปัญหาให้กับครอบครัวให้กับสังคม...

เรามาอยู่วัดตัวขี้เกียจมันก็ตามมานะ ไม่ว่าพระไม่ว่าโยมมันตามมาหมดแหละ เพราะมันอยู่ในจิตในใจ

ความอยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่นะ อยากไปมันก็ไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็น เพราะความขี้เกียจ ขี้คร้านมันมาบดบัง ไปทำอะไรมันก็ไม่เจริญ เพราะว่าไม่เอาจริงไม่เอาจัง มัวแต่ไปติดสุข ติดสบายอยู่นะ

พระพุทธเจ้าท่านมีเมตตาสั่งสอนเรา ที่เราทานข้าว ทานอาหารเพื่อให้มันอิ่ม เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อจะได้สร้างคุณงามความดี

Large_pic108

อะไรเป็นคุณงามความดี...?

“การทำการทำงานการเสียสละคือคุณงามความดี” อย่าไปติดเล่น ติดเที่ยว ติดการโทรศัพท์ ติดเล่นคอมพิวเตอร์ ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ ดูคอนเสิร์ตอะไร เพราะสิ่งเหล่านี้ มันเป็นสิ่งเสพติด

สิ่งเสพติดมันมีหลายอย่างนะ...

สิ่งเสพติดอย่างรุนแรง ได้แก่ พวกยาบ้า ยาอี ฝิ่น เฮโรอีน ผงขาว พวกนี้เป็นสิ่งเสพติด ที่รุนแรง เป็นพวกทำลายระบบสมอง ทำลายระบบความคิดความจำ ทำลายระบบประสาท

ที่เรามองเห็น ที่มันเป็นปัญหาให้กับสังคมอย่างชัดเจน อย่างโทรศัพท์ก็ดี คอมพิวเตอร์ก็ดี โน๊ตบุ๊คก็ดี สื่อสารมวลชนต่าง ๆ มันมีทั้งคุณและโทษ ความสุขมันเป็นคุณ พระพุทธเจ้า ท่านถึงตรัสเรียกว่า “กามคุณ...”

แต่ทุกวันนี้เราไปหลงสิ่งเสพติดมันเลยไม่เป็นกามคุณมันเป็น “กามโทษ” นะ
ทุกวันนี้กามคุณไม่ค่อยมี มันมีแต่กามโทษทั้งนั้น เรามีมีดคม ๆ ก็เพื่อเอาไว้ ทำการทำงาน ไม่ใช่เอาไว้เชือดเฉือนตัวเอง

ความสุขนี้ทุกคนติดมากนะ...

พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เราพิจารณาสิ่งเหล่านี้เป็นไปสักแต่ว่าตามธาตุธรรมชาติเท่านั้น มีความเกิดขึ้นมีความตั้งอยู่ มีความดับไป วันไหน ๆ พระก็เทศน์แต่เรื่องความขี้เกียจขี้คร้าน เพราะรู้อยู่แล้ว รู้ชัดเจนแล้ว สาเหตุมันมาจากสิ่งเหล่านี้เอง

ที่เขาเรียนหนังสือ ที่เขาสอบนั้น ก็เพื่อจะเลือกเอาคนที่ขยัน คนที่ไม่ขี้เกียจ...

ถ้าเราสอบได้คะแนนน้อยคะแนนเราไม่ถึงแสดงว่าเราขี้เกียจ ความขยันของเรา ไม่เพียงพอ ต้องตั้งใจให้มากกว่านี้ ให้ดีกว่านี้

Large_pic112

เราจะรวยหรือเราจะจนมันอยู่ที่ตัวเราเอง เราอย่าไปลาภลอยด้วยการถูกหวย ถูกล็อตเตอรี่ เล่นการพนัน ถ้าความขยันมันแพ้เขา “คำว่าแพ้ แพ้ครึ่งวินาที แพ้หนึ่งนาที ก็คือแพ้นะ ...

ฝึกทำให้คล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ อย่าไปเชื่องช้า อืดอาด...

ความเห็นแก่ตัวนี้แหละ มันทำให้เราอืดอาด เชื่องช้า ทำให้เราลุกช้า เดินช้า ตื่นช้า อะไรก็มีแต่ช้า ๆ ทั้งนั้นแหละ บ๊วยก็บ๊วยทุกที ใจไม่กล้า ใจไม่เด็ดเดี่ยว ไม่กล้าตัด ไม่กล้าละ ไม่กล้าวาง เราจะละความสุข ละความขี้เกียจขี้คร้าน มันต้องเป็นคนจิตใจเข้มแข็งหนักแน่น กระฉับกระเฉง

ถ้าเรารอให้พ่อแม่เราบอกสอนสั่งแสดงว่าเรายังใช้ไม่ได้ เราต้องกระตือรือร้นมากกว่านั้น

เราคำนวณดู พิจารณาโครงสร้างชีวิตของเรา ถ้าเราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ มันเอาตัวรอดลำบาก มันจะนำตัวเองไปได้อย่างไร ตัวเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอด

คนเรามันต้องเอาตัวเองรอด และจึงทำเพื่อคนอื่น เพื่อสังคม คนขี้เกียจขี้คร้าน

คนเห็นแก่ตัว เป็นคนท้อแท้ เป็นคนกลัว “กลัวความดี กลัวร้อน กลัวหนาว กลัวยากลำบาก”

พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าคนเรามันจะตายก็ให้ตายกับความดี ที่เราอยู่ทุกวันนี้ทุกคน อยู่ในสนามรบนะ

 Large_pic114

รู้ไหม รู้หรือเปล่ารบกับอะไร...?

“รบกับพญามารกับเสนามารที่มันอยู่ในจิตในใจของเรานะ...” แต่เราไม่รู้ไม่เข้าใจ


ถ้าเราอยู่ในสนามรบ เราเอาชนะคนอื่นมันยังไม่แน่เท่ากับเอาชนะตัวเอง การทำความดีคือการเอาชนะตัวเองนะ ไม่ได้ชนะคนอื่น ถึงจะเอาหลายคนมาแข่งขัน ก็จริง แต่ที่จริงเราแข่งขันกับตัวเองนั่นแหละ ทุกคนต้องแข่งขันกับตัวเอง 

มนุษย์แปลว่าผู้ที่มีความฉลาด ระบบสมองสติปัญญาก็พัฒนาค้นคว้าปฏิบัติ ถ้าเรามาติดสุขติดสบายอย่างนี้มันจะฉลาดได้อย่างไร มันจะประเสริฐได้อย่างไร...?

พระพุทธเจ้ามีเมตตาให้เราทำหน้าที่ของเราให้ดีเยี่ยมนะ...

ไม่ว่าเราเป็นพระ เป็นโยม เป็นนักเรียนนักศึกษา ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาพากันประพฤติปฏิบัตินะ อย่าไปว่ายากลำบาก ที่มันยากลำบากก็เพราะเราไปติดสิ่งเสพติด ติดอบายมุขต่าง ๆ “ที่มันลำบากอย่างนี้ เพราะเราติดสุข”

ความรู้ความเข้าใจไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้ ถ้าหากเราไม่พากันประพฤติปฏิบัติ…

Large_pic094

ทำไปทำไป เดี๋ยวมันก็จะค่อย ๆ เป็นไปเองตามเหตุปัจจัย เพราะความดีมันเป็น สิ่งที่ทวนกระแส ทวนจิตทวนใจของเรา

“สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านว่าดีน่ะใจเรามันก็รู้อยู่ว่ามันดีแต่เราไม่ปฏิบัติ”

เพราะมันติดสุข ต้องอด ต้องฝืน ต้องทน ต้องพยายามนะ
เรามันมีความหลงมาก มีตัวมีตนมาก มีความขี้เกียจขี้คร้านมาก

พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เรารักษาศีล ศีลนั้นคือการปฏิบัติเพื่อละความขี้เกียจขี้คร้าน ละความเห็นแก่ตัว

คนเรามันเห็นแก่ตัวมาก มันถึงต้องรักษาศีล ศีลก็ได้แก่ไม่มีความขี้เกียจขี้คร้าน ได้แก่ความไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลง

ถ้าเราต้องการปราบกิเลสให้มากก็ให้ถือธุดงค์...

ธุดงค์เป็นข้อกติกาที่ละความเห็นแก่ตัว เพื่อสร้างความเข้มแข็งเข้มข้นให้กับตัวเอง

อย่างเราสมาทานทำความดีอย่างโน้นอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นธุดงค์แล้ว
อย่างเราสมาทานว่า วันนี้จะเสียสละ ละความขี้เกียจขี้คร้าน จะไม่นอน จะเดินจงกรม นั่งสมาธิทั้งวันทั้งคืน

Large_pic104

ผู้ถือธุดงค์ต้องใจเข้มแข็ง ต้องทำให้ได้ ต้องถือให้ได้ มีความสุขในการประพฤติปฏิบัติความดี ทำความดีความเสียสละ

การรักษาศีลก็คือการทำงานเป็นปกติในชีวิตประจำวัน การถือธุดงค์ก็เป็นการเพิ่มไปอีก เหมือนกับเราทำโอทีเพิ่มขึ้นอีก

ถ้าเราประพฤติปฏิบัติอย่างนี้สมาธิของเรามันถึงจะเกิดเองโดยธรรมชาติ มันมีพื้นฐาน ในการละความเห็นแก่ตัว ละความขี้เกียจขี้คร้าน

ประพฤติปฏิบัติจนกายเป็นศีล สมาธิถึงเกิด...

สมาธิก็แปลว่าความตั้งใจมั่นชอบ ตั้งมั่นในความดี ตั้งมั่นในการเสียสละ เป็นสิ่งที่พอดิบพอดี ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเสียสละ ละความเห็นแก่ตัว 

 

ถ้าเรามีความเห็นแก่ตัวอยู่ ใจของเราจะไม่เป็นสมาธิ...

มันทำงานมันก็ทุกข์ไป มันทำความดีมันก็ทุกข์ไป นี่เราทำงานให้มีความสุข กับการทำงาน เอาการเอางานนี้แหละเป็นการปฏิบัติธรรม

อย่าได้พากันเข้าใจผิดนะว่าการปฏิบัติธรรมต้องมาปฏิบัติที่วัด การทำงานนั่นแหละ คือการปฏิบัติธรรม การทำความดีทุกหนทุกแห่งคือการปฏิบัติธรรม

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราเอาความขี้เกียจขี้คร้านมาเป็นการปล่อยวาง...

คนเรานี้ปล่อยวางผิด มันเอาความขี้เกียจขี้คร้านมาเป็นการปล่อยวาง รู้ตัวหรือเปล่าเราเป็นคนขี้เกียจขี้คร้านเห็นแก่ตัวอย่างมากเลย...!

 

เราเห็นแก่ตัวจนเอาความขี้เกียจขี้คร้านมาเป็นการปล่อยวาง กิเลสในใจตัวนี้ เรามันมีมากทุกคนนะ อย่าไปเข้าใจผิดอย่าไปหลงประเด็นนะ อะไรก็ปล่อยวาง อะไรก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่เวลากินมันไม่ปล่อยวางนะ...

 

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ทวนโลกทวนกระแส เป็นสิ่งที่ไม่มีความขี้เกียจขี้คร้าน ทุกท่านทุกคนต้องพึงปฏิบัติด้วยความตั้งอกตั้งใจ

Large_pic117

พระพุทธเจ้าท่านเมตตาเราบอกสอนเรา เราก็ต้องนำตนเองประพฤติปฏิบัติธรรม จะได้เป็นผู้ที่มีเมตตาต่อตนเองนะ

ที่เราสวดบทแผ่เมตตาที่ให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ถึงความสุข มันไปขอไม่ได้ เราต้องปฏิบัติ เราไปสวดขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีทุกข์ มันต้องทุกข์แน่ถ้าเราไม่ปฏิบัติ

คนเราจะเข้าถึงความดับทุกข์ได้มันอยู่ที่ตัวเรานะ หวังว่าทุกคนจะได้เข้าใจตามนี้…

 Large_pic122

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันอังคารที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

 

หมายเลขบันทึก: 486870เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2012 22:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 14:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท