ไปทะเลกันดีกว่า....“ฮาลองเบย์”


เสน่ห์ของการเดินทางไม่ว่าที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้ เป็นการเรียนรู้โลกกว้างในมิติต่างๆ ..มิตรภาพที่เกิดขึ้นในระหว่างเดินทางก็น่าอภิรมย์ไม่น้อยเลย.....


โลกถูกย่อให้เล็กลง ที่นี่ผู้คนยิ้มแย้ม มองไปทางไหนก็เจอเพื่อนต่างชาติ หลากภาษา ณ. อ่าวฮาลอง (Halong Bay) มรดกโลกทางธรรมชาติ (Natural World Heritage) ด้วย ความสำคัญทางธรณีสัณฐาน (geomorphology) และภูมิประเทศที่สวยงามด้วยเกาะแก่ง ภูเขารายล้อมทำให้ อ่าวฮาลอง ประเทศเวียดนามเป็นที่หมายปลายทางของนักท่องเที่ยว “ครูพื้นที่”และเพื่อนทั้งหมด 6 คน เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในมิติต่างๆตามธรรมชาติ ด้วยการเดินทางไปเมืองฮานอย ตามความพอใจ อยากจะแวะหยุดพักที่ไหนก็ทำได้ เพราะเราต่างวางแผนเี่ที่ยวกันเองแบบผ่อนคลาย ไม่เร่งรีบ ศึกษาประวัติศาสตร์และการต่อสู้ของชาติ เพื่อนบ้านในอาเซียน เคารพลุงโฮ เข้าชมมหาวิทยาลัยแห่งแรกของชาติ (temple of literature) ต่อจากนั้นท่องเที่ยวและล่องเรือในอ่าวฮาลองอีก 1 คืนสองวัน  เป็นเพราะระบบการเดินทางไม่สะดวกนักจากฮานอยไปอ่าวฮาลอง เราเลยซื้อทัวร์ (local tour,  Asia cruise) จากฮานอย ซึ่งมีหลายลักษณะแล้วแต่จะเลือกว่าจะใช้เวลากี่วัน.. เป็นการผ่อนคลายดีทีเดียว

 

การเดินทางโดยมินิบัส ที่ควบคุมความเร็วในการขับเคลื่อน 40-50 กม/ชั่วโมง ในเวียดนาม เป็นบริบทที่ฝึกใจที่เร่งรีบ ยึดติดความรวดเร็ว กลับเย็นลงได้ อย่างมีสติมากขึ้น ยอมรับได้กับการขับรถเช่นนั้น ก่อนเข้าอ่าวฮาลอง ระบบนิเวศเปลี่ยนไป ทุ่งนาเริ่มน้อยลง จะเป็นเขาหินปูน กระจายตัวเป็นหย่อมๆ ก่อนถึงขอบอ่าวฮาลอง มีเส้นทางแพรกน้ำเชื่อมโยงกับอ่าว พืชชายเลนริมอ่าวเห็นไกล ๆ ดูแปลกตา สงสัยว่าเป็นสายพันธุ์ใด??  มีเพียงต้นโพธิ์ทะเลขึ้นอยู่ในบริเวณถนนเลียบเข้าอ่าว พื้นที่ได้รับการพัฒนาแบบน่าใจหาย สื่อสารว่ามีการรุกรานและปรับเปลี่ยนถมพื้นที่อ่าว การก่อสร้างอาคารและทิ้งงานไว้มีให้เห็นมากมาย คงเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ลงตัวทางธุรกิจ???  ก่อนเข้ามายังท่าเทียบเรือ (harbour)  ซึ่งมองเร็วๆ ก็มีหลายท่า พื้นที่อ่าวถูกปรับเปลี่ยนถมดิน/หินลงอ่าว ดูแล้วเศร้ากับการพัฒนาพื้นที่ในมรดกทางธรรมชาติของโลก... คิดถึงคำกล่าวที่ว่า "การพัฒนาคือการหยุดพัฒนา" ดังที่ “อายิ อาแว” ปราชญ์ชาวบ้านแห่งบ้านอาซ่อง จ. ยะลาพูดถึงไว้ได้น่าคิด...เมื่อมีมนุษย์เข้าไปรบกวนระบบนิเวศด้วยการพัฒนา พื้นที่ต่างๆ จนเกิดความไม่สมดุลของธรรมชาติที่เคยอยู่กันอย่างลงตัวแบบองค์รวม.. ไม่แยกส่วนดั่งเช่นการพัฒนาในแนวคิดปัจจุบัน

 

เรือนำเที่ยวและค้างคืนในอ่าวฮาลอง มีเอกลักษณ์เฉพาะเรียกกันว่า Junk  เป็นคำที่ใช้เรียกเรือที่ใช้ในการเดินทาง รอนแรมค้าขายในทะเลแถบจีน ฮ่องกง เวียดนาม และอินเดีย  เป็นเรือสำเภาขนาดใหญ่ที่ใช้ใบเรือในการกำหนดทิศทาง ขณะแล่นเรือ การออกแบบทั้งตัวเรือและใบเรือเหมาะสมต่อการเคลื่อนที่ได้ง่าย ฝ่าคลื่นลมจากทะเลสู่ทะเล  เรือนำเที่ยวที่ดูแลพวกเราชื่อ Asia Cruise Junk มีเสากระโดงเรือ (mast) 2 เสา  มี 3 ชั้น ระบบความปลอดภัยในเรือได้รับการสนใจน้อยมาก ผู้โดยสารต้องดูเอาเอง ไม่มีการชี้แจง เข้าไปในห้องก็พบ “ฆ้อน” วางไว้บนโต๊ะหัวเตียง  เอ๊ะ!! เอาไว้ทำอะไร ถามดูแล้วมีทุกห้องเลย หยิบๆ ขึ้นมาลองดู เลยบอกพี่ที่นอนด้วยกันว่า สงสัยเอาไว้เคาะกระจกในห้องให้แตก ??   ชูชีพก็ไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน แต่ได้มองหาไว้ และบอกทุกคนให้สำรวจดูว่าอยู่ที่ไหน?? แถมระบบการป้องกันไฟไหม้ ฉุกเฉินก็เขียนเป็นภาษาเวียดนาม...ก็ภาวนาว่า ทริบนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งรายงานการเกิดอุบัติเหตุในอ่าวฮาลองก็มีให้เห็นในข่าวอยู่เป็นระยะๆ

 

สังเกตว่า เรือ Junk ที่แล่นไปมาในอ่าวฮาลอง มองแล้วอ่านได้มีชื่อเรือที่ดูหวานๆ เป็นมงคล (บางภาษาที่มีเพศกำกับ...เรือจะเป็นเพศหญิง) เช่น Aphrodite, Sapphire, Golden Lotus, Paradise Cruise ถามไกด์ดูเห็นว่ามีเป็น 50 บริษัทที่มีเรือท่องเที่ยวในอ่าวฮาลอง คงเป็นธุรกิจที่ทำเงิน และสร้างมลภาวะทิ้งไว้ในอ่าวฮาลองไม่น้อย !!

 

ย่ำค่ำก่อนจะถึงเวลานอน เรือ Junk หลายลำที่ล่องมา ก็จะจอดทอดสมอในอ่าวที่รายล้อมด้วยเกาะและภูเขาบังคลื่นลม ให้รู้สึกว่านอนสบาย ไม่โคลงในเรือ จวบจนกระทั่งตื่นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า   ทีแห่งนี้หลายคนเรียกว่า กุ้ยหลินเมืองเวียดนาม เมืองไทยเราก็จะมีลักษณะคล้ายกันที่ เขาสก จ. สุราษฏร์ธานี ได้รับการเปรียบเทียบว่ากุ้ยหลินเมืองไทย สวยไม่น้อยกว่ากัน น่าฉงนว่า อะไรคือลักษณะร่วมกันในทั้งสามที่แห่งนี้??..เห็นจะเป็นลักษณะภูมิประเทศของ พื้นที่ มีทั้งผืนน้ำกว้างใหญ่และภูเขาหินปูนรปสวยแปลกตา  บริเวณอ่าวฮาลองเต็มไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่ที่เกิดจากสภาพของหินปูน  มีเกาะทั้งหมด 1900 เกาะ จินตนาการดูว่าไม่ว่ามองไปทิศใด สามารถเห็นเขารูปร่างต่าง ๆ สวยงาม ในมุม 360 องศา เป็นภาพที่น่าประทับใจ ขณะล่องเรือไปก็อดใจไม่ได้ที่นึกเปรียบเทียบกับชายทะเลฝั่งตะวันตกปักษ์ใต้บ้านเราที่มี กำเนิดเช่นเดียวกัน ได้แก่เขาหินปูนใน อ่าวพังงา ภูเก็ต กระบึ่ เช่น เขาตะปู (เจมส์บอนด์) เกาะพีพีดอน พีพีเล เกาะมาหยา ไร่เลย์ ไปจนหมู่เกาะตะรุเตา เกาะหินงาม เกาะไข่ หลีเป๊ะ ในสตูล ยอมรับได้ว่าทุกที่ที่ได้ไปเยี่ยมเยือนแล้ว บางเกาะก็มากกว่าหนึ่งครั้ง แม้กระทั่งเกาะลังกาวีของมาเลย์ที่อยู่ติดกัน..ก็ล้วนแล้วแต่สวยงามไม่น้อยไปกว่าอ่าวฮาลอง สิ่งที่ต่างเห็นได้ชัดเจนคือ น้ำทะเลในฝั่งอันดามันของไทยใสมาก (นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ร่วมทริบต่างก็ชมเป็นเสียงเดียวกัน..ไม่ใช่เพราะเลือดรักชาติแรงไป :-)).. น้ำใสน่าลงไปว่ายน้ำดูปะการัง หรือชื่นชมโลกใ้ต้น้ำ ในขณะที่อ่าวฮาลองสภาพน้ำต่างไป..ไม่เป็นไร คราวนี้ไม่ได้มาดูปะการัง..

 

ยามเช้าตื่นมา เตรียมตัวพร้อมปีนขึ้นดาดฟ้าไปรับแสงแรกแห่งวัน ต่าง เก็บภาพแห่งความทรงจำไว้ เพิ่มพลังชีวิต ขอบคุณที่ได้มีโอกาสชื่นชมธรรมชาติของโลกส่วนนี้  การเดินทางครั้งนี้ก็ได้อรรถรสทุกรูปแบบ เก็บพลังเต็มเปี่ยม เพื่อกลับไปยังฮานอยและเดินทางกลับบ้าน ก่อนออกจากฮานอยหลายคนบอกว่าจะกลับมาอีก ส่วนตัวก็เช่นกันมีคำตอบด้วยหัวใจชุ่มชื่น ก่อนเดินทางกลับไปถิ่นพำนักต่อไป รอการกลับไปเที่ยวเวียดนามตอนใต้ต่อไป

(อ่านบันทึกเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://burongtani.oas.psu.ac.th/blog/646 )


.. ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕...

..pax vobiscum, (๘)



หมายเลขบันทึก: 486845เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2012 19:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 กรกฎาคม 2012 09:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
  • เคยไปมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
  • ตอนนั้นก็พอจะเดาออกว่าความบริสุทธิ์ของอ่าวนี้กำลังได้รับผลกระทบ
  • คนเวียตนามเอาแต่จะทำมาค้าขาย ไม่ค่อยละเอียดอ่อนกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
  • ขอบคุณครับที่นำข้อมูลมาแบ่งปัน

เห็นเมื่อไหร่ก็อยากไปอีกครั้งนะคะ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ แต่กำลังถูกคุกคามจากฝีมือคนอีกแหละนะ อิอิ

ขอบคุณค่ะคุณสันติสุข ที่แวะเข้ามาทักทาย .ถึงแม้ว่า จะสนุกในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิด ทั้งๆที่เตือนตนว่าทุกอย่างไม่จีรัง เปลีียนแปลงไปตามสภาวะ แต่นี่มันเปลี่ยนเร็วมาก..โดยเฉพาะที่ซึ่งได้รับการตีตราว่าเป็นมรดกโลก...เสียดายกับสิ่งที่แลกมา...ประชาชนชาวโลกควรจะได้ชื่นชม ความเป็นธรรมชาติไปนานๆ...แต่นั่นหล่ะค่ะ ที่ไหนก็จะคล้ายๆกันหากธุรกิจเบ่งบานจนอำนาจเงินปิดหู ปิดตาก็สร้างความเสียหายมากมายต่อธรรมชาติ ตัวอย่างบ้านเราก็มีให้เห็น ทางใต้ของเราไม่ว่าจะเป็นสมุย หรือเกาะพีพี หรือที่อื่นๆ ไปเที่ยวหลายครั้งก็ต้องทำใจเปรียบเทียบกับครั้งก่อนๆ ..ต้้องช่วยกัน เร่งสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการถึงผลระยะยาวหากไม่การบริหารจัดการให้เหมาะสม ..ประเดี่ยวอาทิตย์นี้ช่วงหยุดหลายวันจะไปเวียดนามตอนใต้สัก 5 วัน ดูว่าเปลียนไปมากมายอย่างไร แล้วจะมาแบ่งปันค่ะ:-))

ขอบคุณ คุณรินดาค่ะ อารมณ์เดียวกันเลย อิอิ..ถามว่าจะไปอีกไหม๊ ก็ยังจะตอบว่าไป เพราะส่วนอื่นๆที่ดีๆก็ยังมีให้เห็นมากมาย แต่อดจะไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วง เพราะไม่อยากจะให้เปลีี่ยนไปเร็วนักนะค่ะ :-))

  • ทะเลแถวบ้านคุณมะเดื่อก็สวยนะ
  • หาดสามพระยาจ้ะ

สวัสดีค่ะคุณมะเดื่อ..ขอบคุณสำหรับภาพ หาดสามพระยา..วันก่อนได้ดูบันทึก..ที่สมาชิกน้อยๆไปเที่ยวกัน สนุกสนานนะค่ะ...

สวยงามค่ะ เพื่อนร่วมงานชวนไปหลายครั้งแล้วยังไม่ได้ฤกษ์เสียที วันนี้ความอยากเพิ่มขึ้นมาตะหงิดๆ ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

คุณปริมค่ะ ถ้ามีโอกาสความสวยงามตามธรรมชาติรออวดสายตาพลเมืองชาวโลกอยู่ค่ะ ก่อนที่อ่าวฮาลองจะถูกทำร้ายไปมากกว่านี้ อืม...ขอแนะนำว่าเลือประเภทที่ล่องเรือด้วยนะค่ะ สงบ สดชื่นดี บังเอิญว่าช่วงที่พี่ไป ขอไปล่องเรือด้วยเพราะชอบ สมาชิกในเรื่อทั้งหมดมีเพียง 13 คน บนเรือลำใหญ่ เลยเป็นอะไรที่ง่ายๆ บรรยากาศพูดคุยกันสบายๆ บนเรือ แต่ถ้าคุณปริมชอบทะเล (ไม่กลัวผิวเสีย ;-)) อิอิ) และเดินทางไม่ไกลจากสิงค์โปร์ แถบปักษ์ใต้ฝั่งอันดามันของบ้านเราก็สวยงามไม่น้อยกว่ากันเลยค่ะ :-))

สวัสดีครับ คุณข - ชา. แวะมาชมภาพที่เวียตนามบ้าง ที่จริงเคยชมแต่ในทีวี..ถ้ามีโอกายอยากไปกันเองทางบกและเที่ยวอย่างสบายๆโดยไม่ต้องไปตามตารางของทัวร์ต่างๆ ถ้าไปเมื่อไรจะลองเขียนที่ซึ่งไม่ซ้ำกันมาให้ได้อ่านโดยทั่วกัน.. สวัสดีอีกครั้งครับ. โตนี่ - ฟาง. ๑๕ พ.ค.๕๕

สวัสดีค่ะคุณ "โตนี ฟาง"..ขอบคุณที่แวะมาทักทาย จริงๆถ้ามีโอกาสขับรถเข้าไปก็จะสนุกมากนะค่ะ หลายคนก็ใช้วิธีนั้นโดยส่วนตัวแล้วชอบเช่นกัน ไปเจอกับกลุ่มคนไทยที่ขับรถขึ้นไปจากเวียดกลาง/ใต้ เห็นว่า เข้าทางมุกดาหาร?? ข้ามมา แต่ระบบการจราจรบ้านเค้า ใช้รถพวงมาลัยซ้ายค่ะ ตามฝรั่งเศษ ซึ่งต่างจากบ้านเรา ช่วงที่ไปก็ออกจากสุวรรณภูมิไปยังสนามบินนอยไป..จากนั้นก็เที่ยวกันเอง จะได้อรรถรสมากกว่า เฉพาะตอนไปอ่าวฮาลองหล่ะค่ะ ก็จะบุ๊คทัวร์เพราะการเดินทางจับรถประจำทาง/แท๊กซี่ไป ไม่สะดวกนัก เลยก็ปรับไปตามสถานการณ์ หวังว่าคุณโตนี คงมีโอกาสไปเที่ยวชื่นชมด้วยตนเองนะค่ะ จริงๆบ้านเราก็มีที่เที่ยวน่าสนใจมากมาย แต่ก็เพราะกลุ่มอยากไปก็เลยไม่ขัดกัน ตามใจกันไปเที่ยวที่ต่างๆไปบ้าง ประสบการณ์จากฮาลอง เบย์ก็ได้ใช้เป็นตัวอย่าง ที่เล่าให้ศิษย์ิฟัง คิด ถึงการพัฒนาที่ส่งผลต่อระบบนิเวศทั้งระยะสั้น/ยาว ไม่ว่าที่ไหน สุดท้ายมีผลกระทบต่อโลกใบน้อยของเรา...ทั้งนั้นค่ะ

อ่านเพลินได้ความรู้และได้มุมมองที่น่าสนใจมากค่ะ ตัวเองก็เป็นคนชอบเที่ยวแบบอิสระอย่างนี้เหมือนกัน ยังไม่เคยไปเวียดนามเลยค่ะ ได้ชมแต่สารคดี

ชมสารคดีอ่าวฮาลอง ที่ไม่ใช่สารคดีท่องเที่ยว เห็นถึงความยากลำบากของคนเวียดนามที่อาศัยอยู่ในเรือค่ะ น้ำจืดหายากมาก ลำพังแค่คนของเขาก็คงสร้างของเสียให้ท้องน้ำมากมายอยู่เป็นประจำแล้วยังบวกกับการต้อนรับนักท่องเที่ยวอีก อีกไม่นานสภาพน้ำคงถึงขั้นวิกฤต แต่อย่างไรก็ตามชื่นชมสปิริตของคนเวียดนามที่อดทนมาก ตอนนี้ได้ข่าวว่าเขาสามารถผลิตผลไม้เมืองร้อนแบบเราได้มากมาย ภาพชาวสวนพายเรือขนผลไม้ออกจากสวนเหมือนบ้านเราสมัยก่อนเลย

คุณนุชคะ ..ขอบคุณค่ะ ความรู้สึกเช่นเดียวกันเลย เมื่อได้อ่านบันทึกของคุณนุชที่นำมาแบ่งปัน อย่างเช่นล่าสุดที่ไปญี่ปุ่นค่ะ .เวียดนามมีอะไรที่น่าเรียนรุ้มากมาย ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีความเป็นอยู่ สัตว์ พืชฝัก ผลไม้ หรืออาหารการกิน เพราะในประวัติศาสตร์ที่เรียนตั้งแต่เด็กๆ กล่าวไว้มาก และเราก็ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมไหลไป/มา.. ครั้นเมื่อสบโอกาสก็ไปเยี่ยมเยือน เหมือนเยี่ยมเพื่อนบ้านใกล้เคียง ล่าสุดได้มีโอกาสไปเียี่ยมเวียดนามตอนใต้ค่ะโดยเฉพาะ Mekong Delta ที่คิดอยากจะไปอยู่นานแล้วหล่ะค่ะ ..เอาไว้เมื่อเวลาเหมาะๆจะเล่าสู่กันฟังนะค่ะ ..คุณนุช. เอ..อยากร้องเพลงอะไรประกอบดีนะ เมื่้อเจอคุณนุช:-)) เอาเพลง "ยวนยาเหล"..เคยฟังไหม๊ค่ะ?? ที่มี ประโยคว่า "...จะซื้อเปลยวน ที่ด้ายหย่อนๆ ไว้ให้น้องนอน ไกวเช้าไกวเย็น" นึกถึงเพลงนี้ เพราะไปที่ไหนในเีวียดนาม ก็จะเห็น"เปลยวน" ผูกเรียงราย เอาไว้พักผ่อน เรียกได้ว่า วัฒนธรรมเปลยวนจริงๆค่ะ เลยถึงบางอ้อ... ว่าทำไมเค้าถึงเรียกเปลยวน เพราะสาเหตุนี้กระมัง :-)) .

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท