รักน่ะเด็กโง่

12 คำที่ทำร้าย สังคมไทยและเยาวชน ก็คือ

    1. อะไรมากมาย ปุถุชนก็อย่างนี้หล่ะ
    2. ใครๆ เขาก็ทำกัน
    3. อย่าคิดมากน่า
    4. ไม่เป็นไรแค่ครั้งเดียว
    5. เชื่อเหอะ..ไม่มีใครว่า
    6. รักนะเด็กโง่
    7. เกิดเป็นลูกผู้ชายถึงไหนถึงกัน
    8. เพื่อศักดิ์ศรีของสถาบัน
    9. ช่างพวกหัวโบราณ
   10. สิทธิส่วนบุคคล
   11. อินเทรนด์ 
   12. อยากทำอะไรก็ทำเดี๋ยวตายแล้วไม่ได้ทำ

ถ้าเรามามองกันดีๆ ประโยคเหล่านี้มันจะมีทั้งยั่วยุ ท้าทาย สามารถทำให้คนที่มีสติน้อยๆ เสียได้  เราจะมีวิธีป้องกันประโยคเหล่านี้กันอย่างไร???

 

[nutim]

• ต่างๆเหล่านี้ทั้งหมดทั้งมวลนั้นส่วนหนึ่งที่สำคัญคือสิ่งแวดล้อมในสังคมที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน(มาก) ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร การปลูกฝังจิตสำนึก ค่านิยม ฯลฯ
• ต้องย้อนกลับมองดูที่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ และรัฐบาล ว่ามีความตั้งใจ จริงใจแค่ไหนในการที่จะหล่อหลอมพวกเขาเหล่านั้น ในทางที่ถูกที่ควร.......ประโยคเหล่านี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
• เพราะเขายังอ่อนเยาว์นัก และด้อยประสบการณ์ วุฒิภาวะยังน้อย มีใครคอยช่วยชี้แนะแล้วหรือยังทุกคนที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ของตนได้ดีแล้วหรือ?
• ต่างๆเหล่านี้ที่บ่มเพาะไว้ตลอดเวลา เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกหน่อยก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไปโดยปริยาย แล้วก็จะมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไป..อนิจจาอนาคตของชาติ

[kead]

•  อยากเห็นรัฐบาลเอาจริงกับสื่อและเทคโนโลยีจริงๆซักที่
• อยากให้ผู้ใหญ่ / ผู้ที่กำลังมีชื่อเสียงตามสื่อต่างๆ ได้เป็นต้นแบบดีๆให้พวกเขาเหล่านี้เห็น
• ถ้าเราต้องการให้พวกเขาเหล่านั้นละอายและเกรงกลัวต่อบาปที่พวกจะทำก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีอีกทาง เช่นจัดค่ายธรรมะติดปีก จัดค่ายรักษ์ป่ารักษ์ธรมชาติ

[ปภังกร]

• อื่ม เป็นคำที่น่าคิดมาก ๆ เลยครับ
• มีผลทั้งสองทาง ทางแรกน้อยหน่อยก็คือ รู้แล้วไม่ทำ แต่ทางที่ร้ายมากก็คือต้องทำ ไม่ทำแล้วจะไม่โก้ หรือเสียชาติเกิด อันนี้ร้ายแรงมาก ๆ เลยครับ
• น่าจะมีการต่อยอดประเด็นนี้มาก ๆ ครับ
• ขอพลังแห่งความรู้นี้จงสถิตกับท่านตลอดไปครับ

[kead]

• ขอโทษอาจารย์ด้วยน่ะ....ที่ตอบขอบคุณช้าไป

 

• อยากฝากให้อาจารย์นำไปเผยแพร่ให้ลูกศิษย์ที่กำลังจะเป็นอนาคตของชาติด้วย...เราเชื่อในคำว่า"ต้นแบบที่ดี"

 

• สำหรับประเด็นต่อยอดนั้นก็ได้มีการพูดคุยกับอาจารย์ถาวร ม.ราชภัฎพิบูลสงคราม พิษณุโลก อาจารย์เอื้ออารีย์ และท่านดร.ภาณุวัฒน์ ภักดีวงศ์ ม.นเรศวรหัวหน้าทีมวิจัยการเฝ้าระวังสถานการณ์เด็กและเยาวชน รวมทั้งตัวแทนเครือข่ายเด็กและเยาวชนภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัดไปบ้างแล้วก็คาดว่าน่าจะได้ผลบวกเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย(ช่วยคิดเป็นบัญชีตัวเลขให้ด้วยน่ะ.....)

 

ขอพลังแห่งความดีนี้จงสถิตกับท่านตลอดไป