ทีวีมาธรรมาหมด (กลับตาลปัตร ๑๔)


 

หลวงพ่อใหญ่เจ้าอาวาสท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยสักสามสิบปีถึงยี่สิบปีก่อน..ตามบ้านนอกคอกนาไม่มีไฟฟ้าใช้กันหรอก ทั้งหมู่บ้านอาจจะมีวิทยุเพียงเครื่องเดียวและไม่มีโทรทัศน์ดูกันเลย ในสมัยโน้นผู้คนโดยทั่วไปจะเข้าวัดเข้าวากันมาก

 

พวกเด็กก็เช่นกัน พวกเขาไม่มีสถานที่ใดที่จะไปเที่ยวให้สนุกสนานได้ วัดดูเหมือนจะเป็นศูนย์ทุกอย่างของหมู่บ้าน  ตกเย็นเด็กๆก็จะนัดกันมาเล่นที่ลานวัด เพราะมันเลี่ยนเตียนโล่งและกว้างขวางดี เหมาะแก่การวิ่งเล่นของเด็กๆ

 

วันโกนวันพระคือวันที่พวกเด็กๆรอคอยเป็นหนักหนา พวกเด็กๆจะตามผู้ใหญ่มาวัดเพื่อรอกินอาหารที่อร่อยและหลากหลายที่เหลือจากการเลี้ยงพระ ยิ่งหากเป็นวันสำคัญประจำปีทางศาสนาก็จะสนุกสนานกันเป็นการใหญ่เพราะจะมีการละเล่นสนุกสนานต่างๆประกอบด้วย

 

พวกหนุ่มสาวก็เหมือนกับพวกเด็กๆ พวกเขาจะถือเอาวัดเป็นที่พบปะและแอบมองกัน เพราะวันสำคัญทางศาสนาคือวันชุมนุมหนุ่มเหน้าสาวสวยทุกคนของหมู่บ้าน

 

สังคมของหมู่บ้านในสมัยโน้นช่างเรียบง่าย ไร้เครียด ผู้คนมีธรรมะตามควรและมีความโลภน้อย

แต่พอถนนและไฟฟ้าเข้ามาตาม ”แผนพัฒนาแห่งชาติ”  (กำหนดโดยนักเรียนนอก) อะไรๆดูมันเปลี่ยนแปลงไปหมด คนที่เคยพอมีพอกินกลับกลายเป็นหนี้ เพราะต้องเอานาไปจำนองเพื่อเอาเงินมาซื้อมอเตอร์ไซค์และทีวีให้เหมือนคนอื่นเขา ..ลูกเต้าต้องมียีนส์และรองเท้ายี่ห้อต่างๆใส่ให้ทัดเทียมเพื่อนที่โรงเรียนในตัวเมือง

 

..ที่สำคัญเด็กๆ เริ่มหายไปจากวัด ไม่มาวิ่งเล่นกันเหมือนก่อน เพราะพวกเขาติดดูทีวีมากกว่ามาเข้าวัด

  

หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง รายการธรรมะทางทีวีก็เลยปรากฏขึ้นมาอยู่พอสมควร หากทำให้ดีก็อาจเป็นช่องทางดึงคนเข้าหาธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ใครเล่าจะให้สปอนเซอร์รายการธรรมะทางทีวี ...ร้านขายสังฆภัณฑ์อย่างนั้นหรือ

 

...คนถางทาง

 

หมายเลขบันทึก: 485861เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2012 17:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 08:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ทีวีมาธรรมาหมด

โจ..ก็หมดไปเมื่อไฟฟ้าต้นแรกเข้ามาในหมู่บ้าน

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะอาจารย์ เมื่อก่อนสมัยชลัญธรเด็กๆ ยังไม่มีทีวี แถวบ้านเขาจะเปิดธรรมะจากเทปธรรมะแล้วเราก็จะไปร่วมสวดมนต์กันสวดจบก็กลับบ้าน ชลัญชอบ ไปแอบดูหนุ่มสาวที่เขาชอบกัน เขาก็จะชวนกันมาสวดมนต์เป็นโอกาสที่หนุ่มสาวได้มีโอกาสพบกัน แต่ก็เป็นไปตามเข้าตาตรอกออกตามประตู ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็จะมาเล่นสะบ้ากัน ผู้ใหญ่ก็มานั่งดูกัน เรียกว่าดูตัวทั้งฝ่ายหญิงชายไปพร้อม แต่พอมีทีวีเข้ามา หายหมดเลยค่ะ เปลี่ยนรูปแบบ การพบกันของหนุ่มสาว เรียนแบบพฤติกรรมการจีบกันตามทีวี การเปิดเทปร่วมกันสวดมนต์ก็หายไป ชลัญธรก็อดได้ออกนอนกบ้าน เพราะแม่เคี่ยว ตอนนั้นรู้สึกโกธรแม่ แต่ตอนนี้ต้องขอบคุณท่าน อาจารย์เขียนเรื่องนี้ทำให้นึกถึงอดีตเก่าๆ อีกเยอะเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่ทำให้นึกถึงเรื่องดีๆ

วัตถุเจริญ...แต่จิตใจ...ตามไม่ทัน ย่ิงละครน้ำเน่า เด็กลอกเลียนแบบพฤติกรรม ได้อย่างรวดเร็ว แต่รายการธรรมะทาง ทีวี ถ้าคาบลูกคาบดอกเกินไปก็..เหมือนจำอวด ไปครับ ตลกจะหากินไม่ได้

จะแก้ยังไงกันดีครับอาจารย์ ช่วยแนะนำวิธีหน่อยได้มั้ยครับ

ท่านชาวบ้านนาครับ ผมเห็นว่าวิธีแก้คือ พระต้องเรียนรู้มากขึ้น หาโอกาสในวิกฤต เช่น ออกอัลบั้มเพลงธรรมะ ให้ฮิตติดสื่อ ...ขนาดธรรมกาย เขายังทำได้เลย คนเข้าไปรีตกันมากมาย (ผมไม่ได้หมายว่าต้องทำแบบที่เสนอนะครับ เพียงแต่เสนอเป็นอุปมาเท่านั้น...แบบว่าหนามยอก ต้องเอาหนามบ่งน่ะครับ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท