วัดดีต้องมีเสียงหมาหอน (กลับตาลปัตร ๑๓)


หากวันไหนมีกิเลสมากทำให้ฉันเพล (เสียดายอาหารอร่อยที่เหลืออยู่ในบาตร ที่ไม่ได้สาดเลี้ยงไก่ป่าเสียจนหมด) เวลาหลังเพล ก็จะเป็นเวลายืดเส้นยืดสายกวาดลานวัด หรือทำงานสาธารณะอื่นๆเป็นการแก้อาการ “หนังท้องตึงหนังตาหย่อน”

 

แต่สำหรับ”หลวงพี่ด็อกเตอร์”องค์นี้พระทุกองค์ยกให้โดยปริยายว่าไม่ต้องมาช่วยกวาดหรอก เพราะเห็นว่าตั้งใจมาบวชอย่างเอาจริง พวกหลวงน้องเขาก็เลยคอยเอาใจช่วยให้นั่งภาวนาพิจารณาอยู่ในกุฏิเพื่อจะได้สำเร็จไวๆ

 

พอได้ยินเสียงเขากวาดกันดังแกรกๆ ก็ให้รู้สึกกิ๊ลตี้อยู่ตะหงิดๆเหมือนกัน หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเขียนคำขวัญติดไว้เสียด้วยว่า ..วัดดีจะต้องมีห้าเสียง คือ เสียงกลอง เสียงระฆัง เสียงทำวัตร เสียงสวดมนต์ และเสียงไม้กวาด

 

แต่ผู้เขียนว่า น่าจะเติม “เสียงหมาหอน” เข้าไปด้วย เพราะวันไหนได้ยินเสียงระฆังแล้วไม่ได้ยินเสียงหมาหอนตามมันดูเหมือนขาดรสชาติอะไรไปสักอย่าง ยิ่งตอนกลางคืนหมาหอนขึ้นมาอย่างไม่มีกลองระฆัง ภายหลังแว่วเสียงสวดอภิธรรมศพเสร็จใหม่ๆยิ่งได้รสชาติดีแท้ ความง่วงหายหดกำหนดแต่สมาธิ

 

ในช่วงบ่ายก็ยังเป็นช่วงที่ว่าง ใช้เวลาโดยอิสระ ก็วนเวียนอยู่กับการอ่าน การจดบันทึก การทำสมาธิ การเดินจงกรม การพิจารณาธรรมชาติรอบๆ ไม่เคยรู้สึกว่าเบื่อเลย ชะรอยจะเกิดมาเพื่อเป็นพระซะแล้วสิเรา รู้สึกว่าจิตใจมันน้อมเข้าหาชีวิตสมณะอย่างกลมกลืนและแนบสนิทเสียนี่กระไร

 

หกโมงเย็นหลังได้ยินเสียงหมาหอน (บางครั้งไม่ได้ยินระฆัง ได้ยินแต่เสียงหมาหอนก็เป็นที่รู้กัน) ก็เข้าสู่ศาลาทำวัตรเย็น ซึ่งก็มีพิธีกรรมเหมือนกับตอนเช้านั่นแหละ แต่ในช่วงนี้จะทำสมาธิต่อนานสักหน่อย โดยเฉลี่ยหลังจากสวดเสร็จก็จะสมาธิ(ผสมจงกรม)ต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง

 

นับว่าเป็นเรื่องแปลกอีกประการหนึ่ง คือในสมัยเป็นฆราวาสนั้นผู้เขียนไม่เคยมีสมาธิที่จะทำ”สมาธิหมู่” เลย แต่พอมาเป็นพระเกือบจะเป็นตรงกันข้าม เพราะสมาธิหมู่เกิดสมาธิได้เร็วและดีมากจนบางครั้งไม่อยากให้เลิกเลย

 

ประมาณสามทุ่มก็เลิกทำวัตร แยกย้ายกันไปจำวัด ต้องเดินจากศาลากลับกุฏิผ่านป่า(ช้า)ระยะทางประมาณครึ่งกิโล แต่แปลกว่าไม่กลัวผีสักเท่าไรหรอก กลับกลัวแต่งู คิดกลัวไปว่า งูมันจะมาขดอยู่กลางทางแล้วเราไปเดินเหยียบมันเข้า ..ซึ่งก็ดีเหมือนกันที่ทำให้ครองสติได้ดี เดินไปก็แผ่เมตตาไปตลอดทาง ตลอดเวลาบวชสามเดือนไม่ได้เห็นงูสักตัว ทั้งที่อยู่กลางดงงูหลากหลายชนิด

กลับถึงกุฏิก็จะทำสมาธิต่ออีกประมาณ  1 ชั่วโมง จำวัดประมาณ 5ทุ่ม  ตื่นตีสามครึ่ง ทำวัตรเช้า ออกบิณฑบาต แล้ววงจรชีวิตอันซ้ำซากจำเจ (แต่ไม่น่าเบื่อ) ของพระป่าก็เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวัน

 

...คนถางทาง

 

หมายเลขบันทึก: 485860เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2012 17:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 22:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เคยได้ยินคำว่า"หมาพี ฤาษีผอม"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท