เมื่อสาวไทยมาเป็นสะใภ้จีน ตอนที่ 3


        หลังจากแต่งงานแล้วโชคดีที่อาม่า ให้ลูกชายท่านมาอยู่บ้านเรา แต่เพื่อให้ทางบ้านแฟนเราไมรู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก  จึงจะมาแวะที่บ้านอาม่าทุกวันหลังเลิกงาน และ จะมานอนบ้านอาม่า ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์  และแล้ววันแรกที่มานอนบ้านอาม่า ก็มาถึงรู้สึกหวั่นๆ  เพราะชื่อเสียงความโหดของครอบครัวคนจีนที่มีต่อลูกสะใภ้ นั่นมันฝังหัวเรา อยู่ โดยเฉพาะ เรื่องของสะใภ้อีกคนของอาม่านั้น มีคนเล่าให้ฟังว่า เยี่ยงทาสในบ้าน ต้องดูแลทุกคนในบ้านหมด   สะใภ้อีกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน  เป็นภรรยาลูกคนที่ 6 ของอาม่า ซึ่งเรา จะเรียกว่า หลักแป๊ะ  และเรียกพี่สะใภ้ว่า หลักอึ้ม   หลักอึ้ม ชื่อเล่นว่า ชิน  แต่คนขางนอกจะเรียก โอชิน  เขาคงเปรียบกับวรรณกรมญี่ปุ่นที่มาฉายบ้านเราที่คนติดกันทั้งเมือง เรื่อง “โอชิน” 

        วันแรกที่ ไปนอนบ้านอาม่านั้นก็ได้ไปเห็นชีวิตของหลักอึ้ม เป็นคนขยันมาก ทำโน่นนี่นั่นให้ทุกคนไม่หยุด  ทำกับข้าวล้างจาน กวาดบ้านถูบ้านทุกอย่าง  แต่ไม่ได้มีใครบังคับ แต่หลักอึ้มชอบทำ  ชลัญจะช่วยล้างจานก็ไม่ให้บอกทำไม่ถูกใจ  จะทำเอง  เพราะขั้นตอนการล้างจานของเธอจะพิถีพิถัน มาก เป็น ขั้นเป็นตอน  ถ้าทำผอดขั้นตอนหลักอึ้มจะเอามาทำใหม่  เขาจะบอกเราว่า โช้ยซิ้มไม่ต้องทำอะไร  เดี๋ยวหลักอึ้มทำเอง   แม้แต่อาหารการกินนี่หลักอึ้มจะรู้หมดว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไร แทบจะบอกว่า ทุกอย่างในบ้านหลักอึ้มเป็นคนดูแล  เวลารับประทานอาหาร ถ้ามีปลาหลักอึ้มจะแกะเอา แต่เนื้อไว้  เคยถามว่า ทำไมต้องแกะ หลักอึ้มบอก ถ้าไม่แกะไม่มีคนกิน เราอยากให้เขากินก็ต้องแกะ แต่โซ้ยซิ้มไม่ต้องทำถ้าแกะมีก้างปนเดี๋ยวจะถูกบ่น  โดยเฉพาะโซ้ยเจ็ค(หมายถึงสามีเรา )  ตานี่เรื่องมากลูกชายเล็กก็งี้ มาถึงเวลารับประทานอาหาร  ทุกคนนั่งรวมที่โต๊ะ  ขณะที่กินอาหารก็ได้เรียนรู้มารยาทหนึ่งที่ดี  คือการเลื่อนอาหารให้กัน  เวลาที่จะขยับอาหารให้กันต้องยกห้ามเลื่อนอาหารไป เป็นมายาทที่ไม่ดี  เหมือนไม่ตั้งใจ  เมื่อถึงเวลานอนเราก็จะนอนกับอาม่า เพราะก้อนแต่งงานสามีนอนกับอาม่า แต่หลั่งแต่งงาน ยี่โก ( พี่สาวคนที่สองของสามี) มานอนกับอาม่าแทน  อาม่าตื่นเช้ามาก ประมาณตี 3 ครึ่งจะลุกออกมาข้างนอก  สักตี 4 ได้ยินเสียงอาม่า โวกเหวก    เรียกหลักอึ้มตื่น  ชลัญก็ร้อนตัวรีบออกมาช่วย  อ่าม่าถาม “อาโจ้รื้อออกมาทำมาย” ม่าเรียกอาชิง” รื้อไปนอนต่อยังไม่เช้า  ด้วยความเกรงใจก็บอกอาม่าว่าตื่นแล้ว  สักพักหนึ่งหลักอึ้มลงมา เห็นชลัญจึงถามโซ้ยซิ้มรีบตื่นทำไม ไปนอนต่อยังเช้าอยู่เลย  เราบอกจะมาช่วย  หลักอึ้มบอกไม่ต้องช่วยมันเป็นหน้าที่เขา  ที่บ้านคนที่ทำงานนอกบ้านก็รับผิดชอบหาเงินในบ้านไป  หลักอึ้มเป็นแม่บ้าน ก็ต้องดูแลบ้าน   โซ้ยซิ้มมาก็ช่วยไม่ถูกหรอกเพราะการทำอาหารที่นี่มีหลายอย่างที่เหมาะกับแต่ละคน  มาก็มานั่งดูหลักอึ้มเปล่าๆ  ชลัญก็เลยขอนั่งดู  ก็รู้ว่าหลักอึ้มทำงานอย่างมีความสุข ร้องเพลงลูกทุ่งที่ชอบไป  ดูไม่กดดันสักนิด  ไม่เหมือนคนภายนอกว่าเลย  พอได้เวลาที่คนอื่นๆตื่นหลักอึ้มก็จะมีเครื่องดื่มที่เหมาะกับทุกคน  ตื่นขึ้นมาก็คุยหัวเราะสนุกสนาน ไม่มีความเครียดสักนิด     

       สรุปว่าที่คนอื่นเห็นว่าหลักอึ้มถูกทารุนนั้นผิด  เพราะสิ่งที่หลักอึ้มทำเกิดจากความพึงพอใจที่จะทำ มีความสุขที่ได้ทำให้ทุกคนในครอบครัว ชลัญก็ได้รับส่วนนี้ด้วย โดยไม่คิดว่านี่เป็นสะใภ้จะต้องมาทำเหมือนกัน

คำสำคัญ (Tags): #อาม่า
หมายเลขบันทึก: 485761เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2012 12:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

แวะมาให้กำลังใจสะใภ้ครอบครัวชาวจีนนะคะ

สิ่งหนึ่งที่ควรศึกษาไว้ ความรัก.. หากมากเกินไป ก็ห่างไกลเหตุผล  ... เหมือนการกอด กอดเบาๆ อบอุ่น สบายๆ แต่หากกอดแน่นเกินไป ก็อึดอัด หายใจไม่ออก ที่สุดก็ต้องผละจากกันให้เป็นอิสระ  เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของคนที่เคยเป็นสะใภ้คนจีนค่ะ

คนชอบทำอาหารเนี่ยโรคจิตเหมือนกันหมด ห้ามใครมาช่วย เดี๋ยวจะมาแย่งเครดิทความอร่อย ผมเองก็เป็นอย่างนั้น

เราก็เป็นคยไทยที่แต่งไปเป็นสะใภ้จีนเหมือนกันแต่ชีวิตช่างต่างกันเยอะ แฟนเราเป็นลูกคนที่7 ของครอบครัว มีพี่สาว 5 คน พี่ชาย 1คนและน้องชาย1คน ทุกคนแต่งงานไปหมดแล้วเราแต่งเป็นคู่สุดท้ายของตระกูล พีสาวแต่งออก ส่วนลูกชายทุกคนต้องแต่งเข้า ดังนั้น ทั้งครอบครัวพี่ชาย ครอบครัวน้องชาย ครอบครัวเรา พ่อแม่เค้าต้องอยู่ด้วยกันในบ้านอาคารพาณิชย์หนึ่งห้องเล็กๆ ตัวบ้านมีทั้งหมด 4 ชั้น หน้าที่เราต้องทำความสะอาด 3ชั้น ครึ่ง ทุกเช้าสิ่งที่ต้องทำคือ ไหว้เจ้าซักผ้าถูบ้านเตรียมข้าวให้แม่สามี ก่อนออกไปทำงานเป็นอย่างนี้ทุกวัน กลับมาบ้านทุ่มก่าๆทานข้าวเสร็จก็ต้องรีดผ้าไม่ก็ทำความสะอาดบ้านหรือล้างห้องน้ำ ก่าจะทำงานเสร็จก่าจะได้นอนก็เที่ยงคืน ตีหนึ่ง แล้วก็ต้องตื่นตี5

แต่ที่น่าน้อยใจไม่ใช่การที่ต้องทำงานหนัก แต่เป็นยึดถือประเพณีอย่างเคร่งครัดของครอบครัว บ้านเรามีกิจการของตัวเองอยู่แล้วซึ่งเราเป็นคนสร้างขึ้น

เเละเราก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ก่อนแต่งเราได้คุยกับแฟนเราว่าเราจะทำธุรกิจของเราต่อเพราะเราเป็นเสาหลักก็ตกลงกันได้ด้วยดี แต่พอแต่งมาพี่สาวและแม่แฟนไม่พอใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องไปทำกิจการเรา พวกเค้ากดดันให้เราถอยออกมาจากกิจการครอบครัว โดยบอกเราว่าเราเป็นคนของทางนี้หน้าที่เราคือต่อไปต้องมาสร้างความรุ่งเรืองให้ตระกูลสามี ไม่ใช่ตระกูลตัวเองแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าทางเค้าจะไม่มีกิจการให้เราออกมาทำ เราก็ควรสร้างกิจการใหม่เพื่อลูกชายเค้า เค้าบอกว่าไม่ได้แช่งนะแต่แม่เราไม่สามารถอยู่กับเราไปได้ตลอด แต่เป็นสามีที่จะอยู่กับเราดังนั้นอาจจะดูใจร้ายแต่เราก็ควรเลือกสามี


แต่ตัวสามีดิฉันนอกจากจะไม่เคยทำหน้าที่ลูกเขยแล้ว ยังยื่นขอเสนอว่าหากดิชั้นไม่สามารถสร้างกิจการใหม่ร่วมกันๆได้ ซึ่งมันจะสามารถแสดงถึงการมีอนาคตร่วมกัน หากชั้นทำไม่ได้ก็ต้องเลิกกัน  นอกจากนี้การตัดสินใจทุกอย่างในครอบครัวไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ขึ้นอยู่กับพี่สาวและแม่ทั้งสิ้น   


เค้าชอบพูดเสมอว่าถึงแม้บ้านดิฉันจะไม่มีเงินแต่มีที่ดิน แบ่งที่ดินให้นิดๆหน่อยๆจะไม่ได้ เลยเหรอ รู้รึป่าวว่าก่อนแต่งงานมีผญเข้ามาให้เลือกเยอะแต่ไม่ได้เลือก แต่ถ้ารู้ว่าไม่มีอย่างนี้เค้าจะไม่แต่งกับดิฉันแต่จะไปแต่งกับคนอื่นที่เหมาะสมกว่า

ขอบคุณ คุณ นา นะค่ะที่มาแสดงความคิดเห็นในบันทึกนี้  ดิฉัน อาจโชคดีกว่าใครหลายคนที่ เป็นสะใภจีน ยอมรับค่ะว่า ครอบครัวคนจีนเป็นอย่างที่คุณเล่ามา  แต่ด้วยสามีดิฉันเขาเป็นคนแข็ง มีเหตุผล  เราก็เลยช่วยเป็นทัศนคติ ของคนในครอบครัวได้  ขอให้กำลังใจนะค่ะ เข้มแข็งและเผชิญหน้ากับหน้าที่ของเราด้วยสติ ที่สำคัญคนข้างกายคุยกันให้เข้าใจ ไม่ใครบ่งการชีวิตของเราได้ หากกเราและคู่ชีวิต ก้าวเดินไปพร้อมกัน  ให้กำลังใจค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท