ตำนานบ้านเกิด


บ้านชายสิงห์ ต.อุทัย อ.อุทัย พระนครศรีอยุธยา

เส้นทางเดินทัพของพระเจ้าตากสินใน พ.ศ.๒๓๐๙

(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)

     ผมเกิดที่บ้านชายสิงห์ ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ครับ..อ.อุทัย นั้นแม้จะอยู่ห่างตัวจังหวัดประมาณ ๑๑ ก.ม.แต่เมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้วถือว่าเป็นแดนสนธยา  จริง ๆ เพราะการคมนาคมลำบากมาก มีเพียงทางเรือตามลำคลองข้าวเม่าเท่านั้น มีเรือยนต์โดยสารแล่นรับส่งเพียงวันละหนึ่งเที่ยว  บ้านเราสมัยนั้นหน้าแล้งก็เดินตามคันนา ถ้าหน้าน้ำ น้ำท่วมทุ่งก็ใช้เรือพาย  ผูกเรือไว้ที่บันใดบ้านนั่นแหละครับ  ผมชอบวิถีชีวิตในช่วงหน้าน้ำ ก็ประมาณเดือน ตุลาคมถึงประมาณเดือนธันวาคม น้ำจะเอ่อจากริมคลองเข้ามาใต้ถุนบ้าน แต่ไม่ท่วมพื้นบ้านเพราะเป็นบ้านไทยใต้ถุนสูงครับ  จะเห็นว่าพวกเราไม่เรียกว่า "น้ำท่วม" แต่เราจะเรียกว่า "หน้าน้ำ" เพราะน้ำจะมาเข้าทุ่งนาที่เราปลูกข้าวไว้ พอน้ำลดก็เกี่ยวข้าว แถมได้ กุ้ง หอย ปู ปลา ในช่วงเวลานี้ ทำน้ำปลา กะปิ ปลาร้า ไว้กินตลอดทั้งปีอีกด้วย  ใกล้ ๆ บ้านผมมีจะมีลำคลองอีกลำคลองหนึ่ง เราเรียก "คลองชนะ" จะอยู่กลางทุ่งนาไหลจากทางทิศเหนือ ลงมาทางใต้ มารวมกับคลองข้าวเม่า ที่บ้านชายสิงห์นี่แหละครับ...

        ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าเดิมทุ่งนาแถวบ้านผมเรียกว่า ทุ่งชายเคือง...มีตำนานเล่าว่า..



 ทุ่งชายเคือง

พ.ศ.๒๑๒๙

พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง เสด็จกรีฑทัพใหญ่ลงมาถึงกรุงศรีอยุธยา เมื่อเดือนยี่ ขึ้น ๒ ค่ำ ขณะนั้นข้าวในนาทุ่งหันตราทิศตะวันออกยังเกี่ยวไม่เสร็จข้าศึกเข้ามาใกล้ จึงโปรดให้พระยากำแพงเพชร ว่าที่สมุหกลาโหมคุมกองทัพออกไปป้องกันผู้คนที่เกี่ยวข้าว พระมหาอุปราชยกกองมาถึงให้กองทหารม้ามาตีกองทัพพรยากำแพงเพชรแตกพ่ายเข้าพระนคร  สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรจ รับสั่งให้จัดกองทัพแล้วสมเด็จพระนเรศวรกับสมเด็จพระเอกาทศรถ เสด็จลงเรือพระที่นั่งลำเดียวกันยกทัพออกไปทันที ได้รบพุ่งกับข้าศึก ณ ทุ่งชายเคือง เป็นสามารถสมเด็จพระเอกาทศรถถูกกระสุนปืนฉลองพระองค์ขาดตลอดพระกร แต่หาต้องพระองค์ไม่ รบกันอยู่จนเวลาพลบค่ำ ข้าศึกถอยออกไปจากค่ายพระยากำแพงเพชรที่ตีได้นั้น เมื่อการปะทะยุติลงแล้วจึงเสด็จกลับพระนคร

ทุ่งชายเคืองวันนี้มีแต่รถเกี่ยวข้าว ..ชาวบ้านไปเข้าโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ

พ.ศ.๒๓๐๙

ณ วันเสาร์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ อัฐศก จุลศักราช ๑๑๒๘ ตรงกับวันที่ ๓ มกราคม ๒๓๐๙ พระเจ้าตากสิน(พระยาวชิรปราการ)ทรงเล็งเห็นความแตกแยกขาดความสามัคคีของคนไทย คงต้องเสียกรุงแก่พม่าแน่นอน จึงพร้อมด้วยทหารเอก ๔ นาย ประกอบด้วย หลวงพิชัยอาสา หลวงพรมเสนา ขุนอภัยภักดี หมื่นราชเสน่หา และทหารอีกราว ๕๐๐ นาย ตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าจากค่ายวัดพิชัยสงครามมุ่งไปทางทิศตะวันออกปะทะสู้รบกับทหารพม่าเรื่อยมา จนถึงคูค่ายทิศตะวันออกทุ่งชายเคือง มีชายฉกรรณ์จากหมู่บ้านมาช่วยรบ จนกองกำลังของพระองค์ได้ชัยชนะ หมู่บ้านที่ชายฉกรรณ์ออกมาสู้รบนั้นภายหลังชื่อว่าบ้านชายสิงห์  และคูค่ายภายหลังเรียกว่า คลองชนะกองกำลังของพระเจ้าตากสินเดินทางต่อมาได้เวลารุ่งอรุณที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านนั้นภายหลังเรียกว่าบ้านอุทัย คือ อำเภออุทัย ในปัจจุบัน...

 

 

                         คลองชนะในปัจจุบัน


ปากคลองชนะที่ใหลมารวมกับคลองข้าวเม่าที่บ้านชายสิงห์


 

  คลองข้าวเม่าที่ไหลผ่านบ้านชายสิงห์

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

หมายเลขบันทึก: 485580เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2012 23:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2012 21:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

คลองสวยดีครับ อยู่ใกล้เขตน้ำท่วมอย่างนี้ อาจถูกทางการผนวกเข้าไปทำแก้มลิงหรือทางด่วนน้ำก็ได้นะครับ

หน้าน้ำเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว.....บ้านริมคลองข้าวเม่า...บ้านชายสิงห์หมู่ ๑๓

สวัสดีครับอาจารย์Ico48 ..ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ..ที่อยุธยาแต่ก่อนเราคุ้นกันแต่คำว่า"หน้าน้ำ"..เพราะเป็นช่วงที่น้ำหลากเข้าทุ่งที่เราทำนา ต้นข้าวก็จะลอยขึ้นตามน้ำไม่เสียหาย แถมได้ปลา ได้กุ้ง มาทำกะปิ น้ำปลาด้วย ..ที่ว่า"ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" นั่นแหละครับ..ความเจริญของโลกทำให้เขาเอา นิคมอุตสาหกรรมไปตั้งที่กลางทุ่งนา..จากนั้นถนนหนทาง หมู่บ้านจัดสรร ก็เกิดกลางทุ่งนามากมาย ...น้ำเลยไม่ไปตามธรรมชาติ..บ้านผมใต้ถุนสูงไม่เคยมีปีใหนที่"หน้าน้ำ"แล้ว น้ำท่วมพื้นบ้าน ปีที่ผ่านมาระดับน้ำสูงกว่าพื้นบ้านประมาณ ๕๐ ซม.อยู่ไม่ได้เลย...ขอบคุณอีกครั้งครับ :)

..หน้าน้ำ ก็ต้องเอาผูกไว้ที่บันไดบ้าน.....

ทุ่งชายเคือง มีประวัติ เหมือน นิยายไม้เมืองเดิม "บึงขุนสร้าง"

สวัสดีครับท่าน Ico48 ขอบพระคุณที่มอบดอกไม้ให้ คงต้องหา บึงขุนสร้าง มาอ่านแล้วล่ะครับ.....

..หน้าแล้ง ที่บ้านชายสิงห์...

..ตำนาน..ที่เล่าต่อกันมา..อีกส่วนหนึ่ง..
เส้นทางพระเจ้าตากหนี วันเสาร์ ตอนเที่ยงคืน ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีจออัฐศก จุลศักราช ๑๑๒๘ หรือ พ.ศ. ๒๓๐๙ เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในพระนคร ไหม้ตั้งแต่ท่าทรายติดลามมาถึงสะพานช้างวงคลองข้าวเปลือก แล้วข้ามมาติดป่ามะพร้าว ป่าโทน ป่าถ่าน ป่าทอง ป่ายา วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดฉัททันต์ ติดกุฎีวิหารและบ้านเรือนมากกว่าหมื่นหลังไฟไหม้ในพระนครยังไม่ดับ พระยาตากก็ยกสมัครพรรคพวกไพร่พลไทยจีนออกจากค่ายวัดพิชัย เดินทัพไปทางบ้านหันตราพม่ายกพลติดตามทัน ได้ต่อรบกันเป็นสามารถ พม่าต่อต้านมิได้ก็ถอยกลับไปพระยาตากเดินทัพต่อไปทางบ้านข้าวเม่า จนถึงบ้านสามบัณฑิต เวลาสองยามเศษ เมื่อมองกลับไปเห็นแสงไฟรุ่งโรจน์โชตนาการยังไหม้กรุงอยู่ ก็ให้หยุดพักทัพ วันอาทิตย์ รุ่งเช้า พระยาตากเดินทัพไปถึงบ้านโพสามหาว หรือโพสาวหาญ หรือโพสังหาร พม่ายกพลติดตามไปอีก ได้ต่อรบกันเป็นสามารถ ทัพพม่าแตกกระจัดกระจายพ่ายแพ้ไปพระยาตากให้เดินทัพต่อไป ตอนเย็นถึงบ้านพรานนก หยุดพักแรม ให้ทแกล้วทหารออกไปลาดเลี้ยวเที่ยวหาอาหาร พบกองทัพพม่ายกมาจากบางคาง (ปราจีนเก่า) พม่าไล่ติดตามมา พระยาตากจึงขึ้นม้าพร้อมพระยาตากจึงขึ้นม้าพร้อมไพร่พลออกรบพม่าก่อน กองทัพพม่าแตกพ่ายกระจายไป...(ตรงกับ วันที่ ๔ มกราคม ...ถือว่าเป็นวันทหารม้า)

วันทหารม้า กำเนิดจากวีรกรรมที่ บ้านพรานนก ปัจจุบันตั้งอยู่ในอำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การกู้ชาติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระยาตากในขณะนั้นยังทรงเป็นพระยาวชิรปราการ ได้นำกองทหารผ่านมาทางบ้านธนู บ้านข้าวเม่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2309

ตลอดทางของการรบ ชาวบ้านได้จัดส่งข้าวเม่า ให้เป็นเสบียงและส่งธนูให้แก่ทหารใช้เป็นอาวุธ กองทหารได้ปะทะกับพม่าที่คลองแห่งหนึ่ง พระยาตากตีทหารพม่าแตกพ่าย จึงตั้งชื่อคลองว่า "คลองชนะ" ฝ่ายทหารพม่าได้ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดตลอดระยะทางที่หนีออกจากกรุงศรีอยุธยา พระยาตากต้องต่อสู้กับพม่าถึง 4 ครั้ง แต่กองทหารพม่าก็ไม่ยอมลดละ และไล่ตามไปทันที่บ้านโพธิ์สังหาร มีหญิงสาวชาวบ้านชื่อนางโพ ได้ช่วยรบกับพม่าจนเสียชีวิต และภายหลังจากพระยาตากกู้ชาติได้แล้ว จึงได้ระลึกถึงกลับมาตั้งชื่อหมู่บ้านโพธิ์สังหาร เป็นหมู่บ้านโพสาวหาญ และยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน และมีบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งคือ พรานนก หรือเฒ่าคำ ซึ่งเป็นผู้ช่วยจัดเสบียงอาหารให้กับกองทหารพระยาตากในระหว่างสงคราม ในปัจจุบันมีรูปปั้นให้ประชาชนเคารพที่หมู่บ้านพรานนก อำเภออุทัย กองทัพบกไทยจึงตั้งวันที่ 4 มกราคม ของทุกปี เป็นวันทหารม้า

ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

สวัสดีค่ะ ทำให้ซาบซึ้งในประวัติศาสตร์ชาติไทย พระเจ้าตากที่ยิ่งใหญ่

...ศาลเจ้าแม่โพธิ์สาวหาญ ที่วัดโพธิ์สาวหาญ อ.อุทัย

 

...อนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดพรานนก อ.อุทัย..

ขอบพระคุณครับ คุณครู Ico48 .....

"เฒ่าคำ" หรือ พรานล่านก...ที่ วัดพรานนก อ.อุทัย..

รถเกี่ยวข้าว...ที่บ้านพรานนก..

สวัสดีค่ะพี่หนุ่ กร

  • เห็นภาพตามเลยค่ะพี่ ที่บ้านคุณยายถ้าฝนตกน้ำหลากจะเรียก " น้ำมาก" ค่ะ คุณยายก็ยังงงๆ ภาษาอีสานบางครั้งก็ออกทางภาคกลางค่ะ

ขอบคุณครับ คุณมนัสดา Ico48 ..หน้าน้ำที่ผ่านมา..ที่บ้านผมระดับน้ำสูงมากที่สุดตั้งแต่ผมจำความได้ก็น่าจะประมาณห้าสิบกว่าปีครับ...

สืบสาวราวเรื่องชื่อบ้านนามเมือง
ได้ชัดเจนถึงที่มาอันยาวไกลมาก น่าภูมิใจ
ดีที่มีบันทึกไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษา
ทุกที่ทุกแห่งมีที่เรื่องราวมีที่มาทั้งนั้น
แต่เสียดายที่หลายแห่งหลายชุมชน
หลายเรื่องราวดีดีหลุดหล่นหายไปกับกาลเวลา
จนไม่สามารถสืบประวัติชุมชนได้เลย ก็มี


 

กราบนมัสการ พระอาจารย์ Ico48  ครับ..

สนใจเรื่องนี้มากครับ แต่สอบทวนประวัติศาสตร์ในเชิงลึกทั้งทางกายภาพ เส้นทางการเดิยทัพ ความเป็นไปได้ ทายาทผู้ที่สืบทอดกันมาที่เกี่ยวกับเรื่องราวตั้งแต่วัดพิชัย ถึง พรานนก ขอเบอร์ท่านอาจารย์ได้ไหมครับ 081-4146267 ขอบคุณครับ

สวัสดีครับคุณมนตรี  วันนี้(๓ ก.พ.๕๖) หลังจากคุยกับคุณแล้วผมเข้าอยุธยา เลยทดลองขับรถไปทางทุ่งหันตรา (ฝั่งด้านเหนือของคลองข้าวเม่า) แวะไปไหว้พระที่วัดหันตรา ได้สักการะบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็น ทุ่งหันตรานี้ยังเป็นที่ประสูติของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ...มีป้ายบอกเส้นทางเดินทัพของเจ้าตากอย่างชัดเจนพร้อมข้อมูล หากมีโอกาสลองเดินทางตามเส้นนี้ไปได้ครับ...

พระอุโบสถ มหาอุด ซึ่งหาดูค่อนข้างยาก...สวยงามมาก..




 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท