ความห่วงใยเติมหัวใจลงไปทุกเม็ด”


ความห่วงใยเติมหัวใจลงไปทุกเม็ด”

ความห่วงใยเติมหัวใจลงไปทุกเม็ด”

          สวัสดีปี 53  สวัสดี...ปีเสือดุ   สวัสดี...ปีเสือใหญ่....Happy New Year….และอีกหลาย ๆ ประโยคที่ใช้เป็นคำกล่าวทักทายในวันขึ้นปีใหม่ ....

                วันหยุดปีนี้ ฉันและครอบครัวได้กลับไปบานแม่ที่อำเภอรัตภูมิ จ.สงขลา ตั้งใจจะพาพ่อ- แม่ พี่ ๆ น้อง ๆ ไปเที่ยว หาอาหารอร่อย ๆ กินที่ชายทะเล แต่พอไปถึงบ้านแม่บอกว่าอยากกินข้าวพร้อมกันหลาย ๆ คน ไม่เคยได้นั่งกินข้าวกันที่ศาลาข้างบ้านนานแล้ว ฉันเลยหยุดความคิดที่จะออกนอกบ้านทันที 2 วัน วันที่ 31 ธันวาคม 52 และ วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นวันที่ใกล้กันแต่ฟังดูแล้วไกลข้ามปี ฉันทิ้งจากงานทุกอย่าง อยู่กับครอบครัวโดยเฉพาะกับพ่อและแม่ ทำกับข้าว กินข้าวด้วยกัน ( ส่วนใหญ่แม่จะเป็นคนทำ )  มีความสุขไม่ต้องสิ้นเปลืองมากมาย สุขอยู่กับบริบทดั้งเดิม สุขกับธรรมชาติรอบบ้าน ไม่ใช่เท่าแต่คน แม้กระทั่งลูกหมา 2 ตัว ที่ฉันเลี้ยงไว้ ปุยฝ้ายตัวแม่ แม็กกี้ตัวพ่อ (อยู่ที่บ้านแม่)และกาแฟตัวลูก เขาก็แสดงออกถึงความสุข ความมีอิสระ มีที่วิ่งเล่นกว้างขวาง มีเพื่อน ๆ มากมาย  เพียงแต่มันไม่สามารถบอกเป็นคำพูดเหมือนกับคนได้เท่านั้น

                วันที่ 2 มกราคม 2553 เราต้องรีบกลับปัตตานีตั้งแต่ตอนตีห้ากว่า ๆ  แม่ทำผัดเผ็ดหมูป่าไว้ให้เพื่อนำไปร่วมทำบุญกระดูกตาห้วนที่วัดใหม่ เราไปคอยครอบครัวของยายที่วัด ร่วมทำพิธีเอากระดูกตาที่ยายเก็บไว้ร่วม 3 ปี ไปใส่ไว้ที่ช่องข้างกำแพงวัดตามประเพณี คนเราก็เท่านี้นะผลสุดท้ายก็เป็นเถ้าถ่านเหลือกระดูกผง ๆ เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ลูกหลานก็ต้องเก็บไว้ที่วัด ตอนมีชีวิตคนเราจะแก่งแย่งอะไรกันหนักหนา เฮ้อ ปลง แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะ ความแก่ก็ไม่มีใครเอาไปได้สักคนทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังทั้งนั้น เสร็จจากที่วัดเรา   ก็พากันกลับบ้านด้วยความอ่อนเพลียอะไรนักหนาก็ไม่รู้ เรานอนหลับกันประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง สงสัยปีที่แล้วคงไม่ได้นอนมากนัก (น่าจะใช่) ตื่นนอนก็รีบเข้าครัวจัดการคัดเม็ดถั่ว และล้างถั่วที่เตรียมไว้5 กิโลกรัมตั้งพอสะเด็ดน้ำ นำไปอบที่ละเกือบครึ่งกิโล เพื่อให้ถั่วแห้งและเกิดความหอมและไม่ต้องใช้ความร้อนมาก แล้วนำไปทอดในน้ำมันปาล์มใหม่ๆไฟร้อน ๆ กลับไปมา 2-3 ครั้งก็รีบตักขึ้นเพื่อไม่ให้ถั่วไหม้ และที่สำคัญเพื่อไม่ให้เสียคุณค่าทางอาหารมากนักเพราะการนำถั่วไปทอดทำให้น้ำมันในถั่วออกมาข้างนอกแล้วจะดึงดูดนำมันที่เราใช้ทอดเข้าไปแทนที่หากเราใช้น้ำมันทอดซ้ำก็จะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งมากขึ้นหาก ถั่วไม่สะอาดก็จะมีราอัลฟลาท๊อกซินเข้าไปอีก แทนที่จะมีประโยชน์ต่อร่างกายกลับกลายเป็นโทษเสียอีก (ต้องมีความพอดี) ตักใส่กระชอน ตั้งพอสะเด็ดน้ำมัน แล้วนำไปใส่ในถาด แผ่ไปให้ทั่วเพื่อให้ความร้อนมันกระจายและได้ระบายออก ถั่วจะได้มีสีเสมอกัน หลังจากนั้นปอกกระเทียมแล้วหั่น พร้อมตะไคร้หั่นทอดพอหอมและกรอบ ทอดกุ้งแห้ง ทั้งหมดตั้งพออุ่น ๆ เอาเกลือป่นที่มีสารไอโอดีนโรยลงในถั่ว แล้วคลุกเคล้าให้ทั่ว หากไม่ใส่เกลือตอนอุ่น ๆ เกลือจะไม่ค่อยติดเม็ดถั่ว แล้ววางให้เย็นให้สนิท บรรจงเอากล่องพลาสติกเกรดเอ (ข้างกล่องเขียน การันตีไว้ว่า non toxin ) ที่ล้างเตรียมไว้มาใส่ถั่วลงไปจนเต็มโรยด้วยกระเทียม กุ้งแห้ง และตะไคร้ที่ทอดเตรียมไว้ วางทิ้งไว้สักครู่แน่ใจว่าเย็นจริงแล้วจึงค่อยปิดฝากระปุกเพราะถ้าปิดฝาตอนยังร้อนหรืออุ่น ๆ จะเกิดความดัน และจะเกิดละอองน้ำจับที่ฝา แล้วหยดลงไปที่เม็ดถั่วทำให้ไม่กรอบรดชาด ไม่อร่อย ไม่น่าทาน นำเทปกาวมาพันรอบ ๆ ฝาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอากาศเข้า จะได้รักษาความกรอบและนุ่มในตัว และเก็บไว้ได้นานลดกลิ่นหืนลงไปได้ (  ในกรณีเก็บไว้นานเกิน 1 สัปดาห์  ) แค่นั้นยังไม่พอ ฉันยังหาริบบิ้นเล็กมาผูกเป็นโบว์ เพื่อให้กล่องดูน่ารัก กุ๊กกิ๊ก ยัง...ยังไม่พอ พยายามเปิดตำรา เปิดnet หาความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับถั่วลิสง มาพิมพ์ใส่กระดาษติดข้างกล่อง หุ้มด้วยพลาสติกใส อีกครั้งแลดูเป็นการเพิ่มคุณค่ามากยิ่งขึ้น ฉันหยิบกล่องขึ้นมาดูก็ภูมใจที่ได้ทำ คิดถึงหน้าของพี่ ๆ เพื่อน ๆ ในที่ทำงานอยากให้กินถั่วที่มีคุณภาพ ( เหมือนชื่อกลุ่มงานพัฒนาบุคลากรและคุณภาพบริการ  ) ฝีมือสุนิสา จันทร์สดี แค่คิดก็ภูมิใจแล้วไม่รู้เขาอยากกินหรือเปล่านะ กล่องพลาสติกก็ยังได้เก็บไว้ใช้อีก ใส่กล่องได้ 9 กล่อง   ขวดแก้วอีก 8 ขวด ผูกโบว์ ติดรูปหัวใจ อวยพรปีใหม่ ไว้ทุกขวด สามีถามว่าทำให้ใคร ฉันบอกว่าทำให้เพื่อน ๆ ในสำนักงาน สามีถามต่อ เมื่อไหร่เธอจะทำให้ตัวเองบ้าง ฉันบอกว่าการทำให้คนอื่นนั่นแหละคือการทำให้ตนเอง น้องจ๊อบบอกว่านั่นแหละคือแม่หละ เพราะตัวฉันเองและทุกคนในบ้านไม่ได้กินถั่วที่อยู่ในขวดสวย ๆ แต่กินในที่เหลืออยู่        ในถาดนั่นแหละและเราก็หัวเราะกัน เท่านี้เราก็มีความสุขต้อนรับปีใหม่แล้วนะ ฉันอยากให้ถึงวันจันทร์เร็ว ๆ ฉันจะได้พาไปสวัสดีปีใหม่เพื่อนร่วมงาน พร้อมทั้งฝากไปให้ ผบ.นพค.41 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของสามี ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกท่านหนึ่งที่สามีให้ความเคารพและชื่นชม ฉันเองก็ต้องให้ความเคารพนับถือเช่นกัน ผู้รับจะเต็มใจรับหรือไม่     ไม่สำคัญเท่ากับเราเต็มใจจะมอบให้  ปีนี้งานจะเป็นอย่างไร ฉันบอกกับตัวเองว่าฉันมีใจเกินร้อยที่จะรับกับมัน ขอเพียงแต่วันนี้ฉันได้มอบสิ่งที่ฉันบรรจงทำกับมือ ใส่หัวใจลงไปในการทำ แม้เพียงเป็นเม็ดถั่วที่บางคนมองเพียงเป็นอาหารของขบเคี้ยวแสนจะธรรมดาเห็นกันอยู่กลาดเกลื่อน แต่ฉันกลับมองว่านี่คือบทเรียนชีวิตอีกบทหนึ่งที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการทำให้ผลผลิตออกมาสวยงาม เหมือนกับที่ฉันตั้งใจเขียนไว้ข้างกล่องว่า “สวัสดีปีใหม่...ด้วยความห่วงใยเติมหัวใจลงไปทุกเม็ด” แค่ฉันเห็นผู้ร่วมงานหยิบมาอ่านตัวหนังสือตัวเล็ก ๆ ที่ฉันพิมพ์ไว้ เห็นตู่ น้องเปิ้ล น้องด๊า อ่าน ฉันก็ภูมิใจแล้ว คนอื่นก็คงอ่านเพียงแต่ฉันไม่เห็นเท่านั้น เพราะนั่นคือกระบวนการถ่ายทอดความรู้ผ่านสื่ออีกรูปแบบ เพราะฉะนั้น งานสุขภาพภาคประชาชนไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนฉันขอเติมหัวใจในการทำงานเช่นกันถึงแม้ว่าการทำงานให้สำเร็จตามตัวชี้วัดหรือให้ถูกใจใคร ๆ นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยความอดทน อดกลั้น ต่อปัญหาอุปสรรครอบข้าง มากมาย มหาศาล ขอเพียงแต่เรามีความตั้งใจ      มีหัวใจของความเป็นนักสู้ แม้ใครจะมองว่าไม่เห็นจะประสบความสำเร็จเลยก็ตาม เพียงแต่เขาไม่ได้มองเห็นรายละเอียดของงานเท่านั้น ไม่ได้สัมผัสด้วยหัวใจ แม้ขยับเพียงคืบเดียวเท่ากับทากคืบคลาน แต่ก็คือร่องรอย นั่นฉันถือว่าเป็นความก้าวหน้าแล้ว เพียงแต่เรามองให้เห็น ให้ความสำคัญ และเติมหัวใจลงไปเท่านั้นก็พอ ฉันจะเติมหัวใจให้ อสม.ทุกคน  เพื่อให้เขาพาไปเติมเต็มให้กับชาวบ้านที่เขารับผิดชอบ แม้เพียงหยดเดียวก็ยังดีกว่าการท้อถอยเป็นแน่แท้

สุนิสา สสจ ปัตตานี   4 มกราคม 2553 (วันปล้นปืน)

เวลา   01.05 น.

หมายเลขบันทึก: 484835เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2012 20:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม 2014 20:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท