สมัยก่อนใครไปเรียนที่ตักสิลา (Taxilla) เป็นสำนักเรียนใหญ่ ปัจจุบันอยู่ในปากีสถาน อาจารย์ที่ตักสิลาจะถามก่อนว่า ใครไปเรียนที่ไหนมาก่อนหรือไม่
-
ผู้เขียนมีโอกาสเข้าปฏิบัติธรรม ณ วัดท่ามะโอในระหว่างวันที่ 23-29 สิงหาคม 2549 อาคารฝึกอบรมในวัดดูหรูหรามาก ชั้นบนเป็นห้องโถงกว้าง พื้นไม้ปาเก้อย่างดี
เวลาอากาศร้อน เช่น ตอนบ่าย ฯลฯ มีการปิดหน้าต่างกระจก เปิดแอร์ เวลาอากาศเย็นหน่อย เช่น ตอนเช้า ฯลฯ จะเปิดหน้าต่างบานใหญ่จากพื้นจรดเพดานรับลม
-
ใครจะสมาทานศีลห้า หรือศีลแปดก็ได้ มีอาหาร น้ำเย็น น้ำอุ่นพร้อม แถมยังมีตู้เย็นทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ภายในมีน้ำผลไม้ นมถั่วเหลือง นมไขมันต่ำหรือนมไม่มีไขมัน โอวัลติน บรรจุกล่องพร้อมดื่ม (UHT)
ชั้นล่างมีห้องพัก 12 ห้อง ภายในห้องมีพัดลม เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำร้อน กาต้มน้ำพร้อม หน้าห้องมีป้ายจารึกชื่อผู้บริจาคห้องละ 100,000 บาท
-
ห้องอื่นจำไม่ได้ว่า ชื่ออะไร ทว่า... ห้องหมายเลข 1 เป็นห้องคุณธงไชย แมคอินไตยและครอบครัว คนดังเสียด้วย
ห้องโถงด้านหน้าอาคารเป็นห้องรับประทานอาหาร มีป้ายจารึกชื่อผู้บริจาครายละหลายแสนบาท
-
ท่านที่จำได้ทันทีคือ ท่านอาจารย์นายแพทย์เฉลิม เย็นจิตร และท่านอาจารย์แพทย์หญิงวัฒนีย์ เย็นจิตร เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณมาแต่ครั้งผู้เขียนทำงานที่โรงพยาบาลลำปาง
ก่อนเรียน... ครูบาอาจารย์ท่านให้ตอบแบบสอบถามก่อนว่า ไปเรียนอะไรที่ไหนมาบ้าง
-
ผู้เขียนตอบคร่าวๆ ว่า ไปเรียนมาหลายที่ ที่ไม่ได้ตอบคือ สอบได้ที่สุดท้าย(ที่โหล่)มาหลายที่ และสอบตกมาหลายครั้งทีเดียว
ตัวอย่างประวัติสอบได้ที่โหล่ เช่น สอบศิลปะสมัยประถมศึกษาได้ที่โหล่ 3 ครั้ง สอบภาษาฝรั่งเศสได้ที่โหล่ 1 ครั้ง ฯลฯ เร็วๆ นี้ก็เพิ่งสอบได้ที่โหล่ที่วัดท่ามะโอนี่เอง
-
ส่วนประวัติสอบตกที่พบหลายครั้งได้แก่ เรียนต่อ มสธ.(มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช)นี่ตกหลายครั้ง สอบซ่อมหลายครั้ง เรียนไม่จบมาหลายคณะ
เรื่องสอบนี่... บางครั้งผู้เขียนปลอบใจตัวเอง โดยใช้คตินิยมของนักเรียนเกษตรหลายท่านที่ว่า “สอบได้เป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมดา”
-
วิธีคิดแบบนี้ดูจะเป็นวิธีคิดแบบที่ฝรั่งเรียกว่า “องุ่นเปรี้ยว มะนาวหวาน (sour grape, sweet lime)” คือ มองความดีของคนอื่นเป็นของไม่ดี มองความด้อยของตัวเองเป็นของดี นับเป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่
ท่านพระคันธสาราภิวงศ์(สมลักษณ์)ให้โอวาทว่า สมัยก่อนใครไปเรียนที่ตักสิลา (Taxilla) เป็นสำนักเรียนใหญ่ ปัจจุบันอยู่ในปากีสถาน อาจารย์ที่ตักสิลาจะถามก่อนว่า ใครไปเรียนที่ไหนมาก่อนหรือไม่
-
ใครตอบว่า ไม่ได้เรียนที่ไหนมาก่อน อาจารย์จะเก็บค่าเล่าเรียนถูกหน่อย ใครตอบว่า ไปเรียนที่อื่นมาก่อน อาจารย์จะเก็บค่าเล่าเรียนแพงหน่อย
สมัยก่อนการเรียนใช้ความชำนาญ (skill) เป็นหลัก เช่น การยิงธนู ฯลฯ ใครไปเรียนมาหลายสำนักจะต้องเสียค่าเล่าเรียนแพง เพราะต้องฝึกของใหม่ด้วย ฝึกเลิกนิสัย หรือท่าทางไม่ดีแบบเดิมด้วย
-
ตัวอย่าง เช่น ต้องเลิกท่ายิงธนูที่ผิด และฝึกท่ายิงธนูที่ถูกเสียใหม่ ฯลฯ คนที่เรียนมาหลายสำนักจึงต้องเสียค่าเล่าเรียนแพง
ส่วนคนที่ไม่เคยไปเรียนที่อื่น... อาจารย์ตักสิลาจะคิดค่าเล่าเรียนถูกหน่อย เพราะฝึกชั้นเดียวคือ ฝึกของใหม่ ไม่ต้องไปแก้ไข หรือยกเลิกท่าทางยิงธนูแบบเก่า
-
ท่านอาจารย์สมลักษณ์บอกว่า ผู้เขียนมีอะไรที่ต้อง “delete (ลบทิ้ง ละเลิกของเก่า)” เยอะ นับเป็นนักเรียนประเภทค่าเล่าเรียนแพง
เรื่องตักสิลาทำให้ผู้เขียนคิดถึงมูซาชิได้ มูซาชิเป็นซามูไรที่มีชื่อเสียง กล่าวกันว่า ประดาบมาแล้วประมาณ 100 ครั้ง
-
การประดาบของซามูไรมักจะมีชีวิตเป็นเดิมพัน ถ้ามองในสายตาของคนญี่ปุ่น... มูซาชิคงจะเป็นซามูไรที่เก่งมาก เป็นวีรบุรุษ
ถ้ามองผ่านการพิจารณาเรื่องกรรมและผลของกรรม... มูซาชิน่าสงสารมาก เพราะทำบาปมามาก ไม่รู้จะถูกตัดหัว ตัดลำตัว ตัดแขน ตัดขาไปอีกกี่ชาติ
-
มูซาชิเขียนหนังสือเรื่อง “คัมภีร์แห่งห่วงทั้งห้า (circles of the five rings)” ว่าด้วยการประดาบ มีเรื่องหนึ่งที่ให้มุมมองต่างออกไปจากอาจารย์ตักสิลา
มูซาชิบอกว่า “ไม่ควรอยู่ในสำนักใดสำนักหนึ่งนานเกินไป” ควรหาทางไปเรียนในสำนักอื่นบ้าง...
-
แนวคิดนี้น่าจะใช้ได้กับการศึกษา และการผลิตสมัยใหม่ ซึ่งใช้ความชำนาญ (skill) น้อยลง ทว่า... อาศัยความรู้ (knowledge) ข้อมูลข่าวสาร (data & information) มากขึ้น
การอยู่ในสำนักใดสำนักหนึ่งนานเกินไปอาจทำให้ความคิดอ่านวนเวียนอยู่ในรูปแบบเดิม สำนวนไทยท่านว่า “พายเรือในอ่าง” หรือ “กบในกะลา” อะไรทำนองนั้น
-
การไปเรียนต่างสำนักมีส่วนทำให้มุมมองเปลี่ยนไป วิสัยทัศน์เปลี่ยนไป (paradigm shift) เป็นโอกาสให้คิดค้นอะไรใหม่ๆ ได้
ถ้าเปรียบจะคล้ายการพายเรือออกนอกอ่าง กบออกนอกกะลาอะไรทำนองนี้
-
เรื่องตักสิลากับมูซาชินี้... ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราจะต้องมาตัดสินว่า ใครถูกใครผิด ทว่า... ขึ้นกับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อม
สถานการณ์บางอย่างควรใช้วิธีแบบตักสิลา สถานการณ์บางอย่างควรใช้วิธีแบบมูซาชิ
<p style="text-justify: inter-cluster; margin: 12pt 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoBodyTextIndent">เพราะนั่นอาจจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ประเภทกบหลายกะลา พายเรือหลายอ่าง หรือจับปลาสองมือ ที่อาจจะไม่ได้ดีเลยสักอย่าง…</p><p>แหล่งข้อมูล: </p><ul>
กราบขอบพระคุณ > ท่านพระคันธสาราภิวงศ์(สมลักษณ์) วัดท่ามะโอ. ให้โอวาทนักเรียนวัดท่ามะโอ. ๒๓-๒๙ สิงหาคม ๔๙.
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ศูนย์มะเร็งลำปาง จัดทำ > ๕ กันยายน ๒๕๔๙
ยินดีให้ท่านผู้อ่านนำไปใช้โดยไม่เกี่ยวข้องกับการค้าได้ครับ...
</ul><p>เชิญอ่าน & ดาวน์โหลดที่นี่: </p><ul>
อ่านบ้านสุขภาพ >>> http://gotoknow.org/blog/health2you
อ่านบ้านสาระ >>> http://gotoknow.org/blog/talk2u
Download แฟ้ม PDF >>> www.lampangcancer.com
</ul>