มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ : อบายมุข ๑-๔


ความคิดในเรี่องสิ่งเสพติดถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องของสังคม มันต้องมีอย่างนี้ แสดงว่าเราเห็นดีเห็นงามเห็นชอบ ถ้าเราคิดอย่างนี้มันใช่เรื่องธรรมดานะ เป็นเรื่องทำลายเผ่าพันธุ์ของความเป็นมนุษย์

          เราจะพัฒนาตนเองเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ขยัน พระพุทธเจ้าท่านให้รู้จักอบายมุข

Large_tonkla044



          อบายมุขข้อที่ ๑ คือการเป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน
          คนเราจะเจริญหรือจะตกต่ำก็เพราะความขี้เกียจขี้คร้าน มันชอบติดสุขติดสบาย ไม่อยากเสียสละ ทานข้าวทานอาหารแล้วก็ไม่อยากล้างภาชนะ ที่อยู่ที่หลับที่นอนก็ไม่อยากเก็บไม่อยากกวาด

 

 

          ห้องน้ำห้องสุขาก็ปล่อยให้มันสกปรก ปล่อยให้มันเหม็น เสื้อผ้าอาหารก็ไม่อยากซัก ใส่แล้วก็เอาหมักไว้ก่อน กองไว้ก่อน แช่ไว้ก่อน จนมันเน่ามันเหม็น

 

          ที่อยู่ที่อาศัยก็เต็มไปด้วยขยะ เป็นคนไม่รู้จักโต อาศัยเงินอาศัยทรัพย์สมบัติจากพ่อจากแม่ ชอบมักง่าย เอาเปรียบคนอื่น ชอบเถียงพ่อเถียงแม่ จะเอาผลประโยชน์จากพ่อจากแม่

 

          พ่อแม่มีอะไรให้ก็ไม่เห็นคุณค่าของพ่อของแม่ ชอบดูถูกดูแคลนว่าพ่อแม่ไม่มีความสามารถ พ่อแม่ไม่เก่ง พ่อแม่ไม่ฉลาด ว่าพ่อแม่เป็นคนยากคนจน

 

          เป็นคนยกตนข่มท่าน เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น มองเห็นแต่โทษของคนอื่น ชอบแต่งตัวแต่งกาย แต่งหน้าแต่งตา แต่ไม่แต่งปฏิปทา ไม่ยอมแก้ไขปฏิปทาของตนเอง

 

          วันหนึ่ง ๆ ก็ชอบแต่กดโทรศัพท์ ฟังเพลง เล่นโน๊ตบุ๊ค เล่นคอมพิวเตอร์ ไปในทางบันเทิงต่าง ๆ ไม่ช่วยเหลือการงานพ่อแม่
      หมกมุ่นอยู่กับการเล่นโทรศัพท์ เล่นคอมพิวเตอร์ ไม่รู้จักแก้ไขตัวเอง เพื่อให้ตนเองได้ได้พัฒนาความรู้ความสามารถ นี้คืออบายมุขข้อที่ ๑

 

Large_td041

 


 

 

          อบายมุขข้อที่ 2 ชอบเล่นการพนันทุกชนิด

          เริ่มจากการเล่นเกมส เล่นฟุตบอล เล่นหวยรัฐบาล เล่นหวยเถื่อน เล่นหุ้น เล่นแชร์ เล่นตู้เกมส์ เล่นสลอตต่าง ๆ เล่นมวย เล่นไพ่ เล่นไฮโล เล่นน้ำเต้าปูปลา บิงโก ทอยเหรียญ หมากฮอส หมากรุก เล่นแข่งรถ เล่นแข่งม้า เล่นปลากัด ชนไก่ สิ่งเหล่านี้เป็นต้น

          

          เราเกิดขึ้นมาได้เห็นสิ่งเหล่านี้ ได้ยินสิ่งเหล่านี้ เราไปคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดากัน

          พระพุทธเจ้าท่านเมตตาเรา ท่านบอกสอนเรามันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ มันจะทำให้เราตกต่ำ ไฟไหม้บ้านมันก็ยังเหลือที่ดิน ถ้าเราไปติดการพนัน ที่ดินเราก็จะไม่เหลือ

 

          พระพุทธเจ้าให้เราเฉย ๆ กับพวกนี้ เห็นเขาทำเห็นเขาเล่นก็อย่าไปทำอย่าไปเล่นเหมือนกับเขา ใหม่ ๆ ก็เฉย ๆ ต่อไปก็ยินดี ต่อไปก็ไปเล่นกับเขาเลย


          เราจะสังเกตเห็นประชาชนส่วนใหญ่ตกอยู่ในอบายมุข ตกอยู่ในการเล่นการพนัน คิดตั้งแต่เรื่องที่จะถูกหวย คิดตั้งแต่เรื่องที่จะเล่นหุ้น ไม่ตั้งอกตั้งใจทำการทำงานด้วยลำแข้งของตัวเอง ด้วยการเสียสละ ทั้งที่เป็นเจ้ามือลูกมือก็พากันคิดอย่างนั้น พากันทำผิดให้เป็นถูก ออกกฎหมายรองรับสิ่งที่ผิดให้มันถูก คนที่ฉลาดที่มีปัญญาก็มอมเมาคนที่เขาโง่กว่า ทำให้สังคมนี้ตกต่ำด้วยการเล่นพนันต่าง ๆ นี่ก็จัดเป็นอบายมุขข้อที่ ๓

 

Large_td037


 

          อบายมุขข้อที่ 3 ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด จำพวกเหล้า เบียร์ ไวน์ เหล้าแดง เหล้าแดง ไวน์ขาวไวน์แดง ดีกรีขนาดไหนก็จัดว่าเป็นอบายมุข เป็นแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งมึนเมา สาโท ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี ผงขาว เหล้าแห้ง ยากระตุ้นปราสาท สเตียรอยด์ ไวอากร้า ยาปลุกเซ็กส์ ชา กระท่อม

 

          อย่างเหล้าอย่างเบียร์ ในกลุ่มของผู้ใหญ่ กลุ่มของผู้ทรงเกียรติที่เขาพากันทำ พากันดื่มเหล้า ส่วนใหญ่ก็อยู่ในหมู่ของผู้ใหญ่ผู้ทรงเกียรติต่าง ๆ ในงานสังคมต่าง ๆ นี่ก็จัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่ดี ลูกหลานเขาเห็นก็คิดว่ามันถูก เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ให้ทุกคนรู้ไว้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่พ่อเราแม่เราสูบบุหรี่ กินเหล้ากินเบียร์ สังสรรค์ปาร์ตี้เฮฮา ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง สิ่งอันนี้มันเป็นสิ่งเสพติด ถ้าใครเสพไปแล้วมันติด ทำให้เสียระบบสมอง เสียเงินเสียทอง เสียการเสียงาน มันเป็นการดับทุกข์ เป็นการบรรเทาด้วยสิ่งเสพติด

          

          ตั้งแต่หลายปีก่อน ประเทศไทยเราย้อนกลับไปซักร้อยปีหมู่บ้านหมู่หนึ่งอยู่กันหลายร้อยหลังคา จะมีคนกินเหล้าอยู่สี่ถึงห้าหลังคาเรือน แต่เราดูทุกวันนี้มันกินเหล้ากันเป็นทุก ๆ คนเลย ตั้งแต่อายุสิบขวบขึ้นไปก็กินเป็นกันแล้ว คนที่ผลิตเหล้าผลิตเบียร์ขายจึงเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศไทย เพราะดู ๆ เพราะดู ๆ ภาพรวม ๆ แล้ว เขากำลังตกอยู่ในอบายมุขกันเป็นส่วนใหญ่

 

          พระพุทธเจ้าท่านถึงให้เรารู้จักว่าอันไหนผิดอันไหนถูก เพราะสิ่งเหล่านี้อยู่ใกล้ตัวเรา

Large_td034


        พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราประมาท ไม่ให้เราทดลองในสิ่งที่ไม่ดี เพราะเราจะเป็นคนพัฒนาตนเอง เราจะให้สิ่งเหล่านี้หมดไปจากโลกนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เราต้องมาแก้ที่ตัวเรา เราอย่าไปพอใจ เราอย่าไปเห็นดีเห็นงามด้วย สิ่งเสพติดนี้มันแย่เหลือเกิน

 

          แม้แต่พระของเราที่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ให้สูบบุหรี่ ก็ยังมีผู้ที่ตั้งอกตั้งใจจะไปพระนิพพานลักสูบบุหรี่อยู่ มันเป็นสิ่งที่น่าเกลียด เป็นสิ่งที่น่าละอายอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เป็นสิ่งที่ไม่น่ากระทำ

          เรื่องสิ่งเสพติด ยาเสพติด ทุกคนต้องตั้งใจไว้ดี ๆ เราอย่าไปว่าคนโน้นก็ทำคนนี้ก็ทำ อาจารย์วัดโน้น อาจารย์วัดนี้ ท่านน่าจะเป็นอริยเจ้าแล้ว ท่านก็ยังสูบอยู่ เราอย่าไปคิดอย่างนั้น เราอย่าไปพูดอย่างนั้น

 

          เราเป็นญาติเป็นโยม เราอยู่กับอบายมุขต่าง ๆ เหล่านี้ อย่างพวกเหล้าพวกเบียร์ ประชาชนเขาเห็นเงินหาตังค์ด้วยการมัวเมา ถ้าขายของอย่างอื่น เช่นถ้าขายอาหารถ้าไม่ขายเหล้าขายเบียร์ด้วย ก็กลัวขายของไม่ได้ ก็กลัวขายอาหารไม่ได้ จิตใจของเรามันไม่แน่วแน่ต่อคุณพระรัตนตรัย ไม่แน่วแน่ต่อสิ่งที่ดี ๆ ถ้าเราไม่ละอายต่อบาป ถ้าเราไม่เกรงกลัวต่อบาปแล้ว กรรมนั้นต้องมาถึงตัวเราแน่นอน ถึงลูกถึงหลานของเราแน่นอน

 

          ทุกวันนี้เราเบียร์บุหรี่ยาบ้ายิ่งทวีคูณขึ้นมา ราคาแพงเท่าไหร่ก็ไปหาซื้อหาบริโภค เนื่องมาจากความประมาท

          ความคิดในเรี่องสิ่งเสพติดถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องของสังคม มันต้องมีอย่างนี้ แสดงว่าเราเห็นดีเห็นงามเห็นชอบ ถ้าเราคิดอย่างนี้มันใช่เรื่องธรรมดานะ เป็นเรื่องทำลายเผ่าพันธุ์ของความเป็นมนุษย์

          พระพุทธเจ้าท่านให้เราพัฒนามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ที่มันดี ไม่ใช่สายพันธุ์ที่มันแย่ลงทุกที ๆ

          


 

Large_tt508 

 

          อบายมุขข้อที่สี่คือการติดเที่ยว ไม่ว่าเที่ยวกลางวันเที่ยวการคืน การเที่ยวนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ ไม่ว่าเราจะเที่ยวกลางวันเที่ยวกลางคืน เที่ยวที่ไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น

          

          ที่ว่าจะเป็นเที่ยวนั่นเที่ยวนี่มันเป็นสิ่งที่ไม่ดี มันเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

          ชอบเที่ยวดูหนังฟังเพลง ดูคอนเสิร์ต เที่ยวมหรสพต่าง ๆ พระพุทธเจ้าจัดว่าเป็นอบายมุข เป็นความตกต่ำเสื่อมเสีย

          

          ชาวบ้านเราคิดว่าหาเงินหาทองมา มันต้องใช้จ่าย มันต้องไปเที่ยวนั้นเที่ยวนี่ เที่ยวที่โน่นเที่ยวที่นี่ทั้งในและต่างประเทศ หาเงินมาเพื่อให้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เที่ยวชายทะเล เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวภูเขา เที่ยวน้ำตก...

Large_p6220224 

 

          การเที่ยวนี้มันมีโทษมีภัย การเที่ยวนี้ทำให้เสียการเสียงาน เสียเงินเสียทรัพย์

 

          การที่เราคลายเครียดหรือผ่อนคลาย เราไม่จำเป็นต้องไปท่องเที่ยวที่ไหนนะ...!

 

          เพราะเราเกิดมาเพื่อพัฒนาตัวเอง พัฒนาสายพันธุ์ตัวเองให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่มอมเมาตัวเองด้วยการท่องเที่ยว

Large_tt513

 

          การเที่ยวนี้มันมีโทษมากกว่าประโยชน์ เมื่อมันเที่ยวมันก็ติดเที่ยว ติดสรวลเสเฮฮา ติดโลกภายนอก มันก็เสียการเสียงาน มันก็เสียทรัพย์ บางครั้งก็ถึงกับเสียอวัยวะ ถึงกับเสียชีวิตได้

          

 

          ที่พระพุทธเจ้าท่านให้เรากลับมาดูแลตนเอง ที่ตัวเองอยากไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่แสดงว่าตนเองไม่มีความสุขพอ สติปัญญาของตัวเองนี้มันไม่พอ มันมองไปข้างนอก มันไม่ได้มองดูตัวเอง เราไม่ได้มาปรับปรุงใจตัวเอง มันเลยไปหาความสุขจากสิ่งภายนอก

 

          มันต้องเริ่มต้นจากความสุขในการหายใจเข้า เริ่มต้นจากความสุขในการหายใจออก หายใจเข้าหายใจออก ให้มีความสุข

 

          ให้มีความสุขในการทำงาน ความสุขจากการทำความดี ใจของเราก็จะได้สงบ ใจของเราก็จะได้อยู่กับเนื้อกับตัว เรามาทำความดี เรามาสร้างความดีให้ใจของเรานี้มันดี ใจของเรานี้มันจะได้ไม่อยากเที่ยว ไม่อยากท่องเที่ยว “แสดงว่าเราเป็นโรคทางใจนะที่เราอยากเที่ยวนี้ เรายังเป็นโรคจิตใจไม่หนักแน่น เป็นคนสมาธิสั้น สมาธิไม่แข็งแรง...” เราต้องกลับมาแก้ไขตัวเองมาก ๆ แก้ไขตัวเองเยอะ ๆ

 

          สรุปแล้วผู้ที่อยากไปเที่ยวแสดงว่าต้องปรับปรุงใจของตัวเอง ปรับปรุงปฏิปทาของตัวเอง ให้มันดียิ่ง ๆ ขึ้นไปมันถึงจะแก้ไขตัวเองได้...

Large_td067 

 


 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันพุธที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

หมายเลขบันทึก: 482870เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2012 16:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 14:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท