บังเอิญนั่งพลิกหนังสือ "เรียนรู้ทุกข์ ได้สุขเป็นกำไร" ที่เขียนโดย ท่าน ว.วชิรเมธี ในหน้า ๑๓๒ - ๑๓๓ แล้วได้มีโอกาสอ่านข้อความที่เป็นเรื่องเล่า ดังนี้ครับ
"... การทำความดีมันมีมากเหลือเกิน ทำได้เยอะแยะไปหมด เมื่อเร็ว ๆ นี้ อาตมภาพได้ไปบรรยายที่โรงงานไนกี้ เจ้าของโรงงานเล่าให้อามตภาพฟังว่า ปกติเป็นคนที่ชอบทำบุญสุนทาน แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่มีวันหนึ่งเธอได้ค้นพบว่า มีความสุขที่สูงกว่าที่เธอใช้อยู่ นอกจากการกินอิ่มนอนอุ่น ใช้สินค้าแบรนด์เนม ออกงานสังคม ออกโทรทัศน์มีชื่อเสียงแล้ว
เธอเพิ่งค้นพบว่า มีความสุขอีกชนิดหนึ่ง ที่พอมีความสุขแล้วทำให้น้ำตาไหล นั่นคือ วันหนึ่งไปเป็นเจ้าภาพบริจาคขาเทียม ขาเทียม ๑ ขาต่อเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ทุกครั้งก็เป็นเจ้าภาพบริจาคแต่ไม่เคยไปมอบด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้บริจาคแล้วไปมอบด้วยตัวเอง
เด็ก ๆ ที่มารับขาเทียมเป็นจำนวนมากนั้นเป็นชาวอีสาน มีเด็กคนหนึ่งกระเผลก ๆ มารับขาเทียม เธอมอบให้ด้วยตัวเอง พอเด็กคนนี้ใส่ขาเทียมแล้ววิ่งปร๋อ กระโดดขึ้นกอดคุณแม่เลย แล้วก็บอกว่า "แม่ หนูเดินได้แล้ว" สองคนนั้นกอดกันกลมแล้วร้องไห้ เพราะเด็กได้ขาเทียมเขาวิ่งได้ เหมือนได้ชีวิตใหม่
ผู้หญิงคนนี้ยืนดูเหตุการณ์แล้วก็น้ำตาไหลพราก ทำไมน้ำตาไหล เธอบอกว่า "เงิน ๑๐,๐๐๐ บาทของฉัน ปกติไปทานข้าวมื้อหนึ่งสองสามหมื่นบาท ไปต่างประเทศบางทีหมดไม่รู้กี่แสน แต่หมื่นบาทที่เป็นเจ้าภาพขาเทียมในวันนี้ทำให้เด็กคนหนึ่งถึงกับได้ชีวิตใหม่ สองคนแม่ลูกที่เขาได้ขาเทียม แม่ดีใจ ลูกดีใจ ร้องไห้กอดกันกลม"
เธอยืนดูเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วสรุปว่า ถ้าฉันใช้เงินให้เป็นด้วยการทำบุญให้ทาน เงินจำนวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉันจะต่อชีวิต จะต่อคุณงามความดีให้กับคนอื่นได้อีกมาก สตรีผู้นี้ยืนปลาบปลื้มดีใจแล้วก็ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง เธอบอกว่าทุกวันนี้นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นก็ยังมีความสุขอยู่เสมอ
อันนี้ก็คือ การได้ทำคุณงามความดีให้คนอื่น แล้วจิตใจได้สัมผัสกับคุณงามความดี มีความสุขจนเกิด "ปีติ" น้ำตาไหล ทางการแพทย์เรียกว่า สารเอ็นดอร์ฟินมันหลั่งออกมา เป็นสารแห่งความสุข หลั่งจากจิตจากสมองสู่ร่างกาย ทำให้เกิดปีติ ขนลุกซาบซ่า แล้วเราก็มีความสุขเบิกบาน อันนี้ เรียกว่า สุขที่เกิดจากการที่เป็นผู้ให้ ..."
............................................................................................................................................
เพียงแค่เรารู้จักการให้โดยไม่หวังตอบแทน ความ "ปีติ" ที่เรียกว่า ความสุขแท้ จะอยู่ในหัวใจเรามิเสื่อมคลาย
พ่อแม่ให้ทุกสิ่งแก่ลูก
ครูบาอาจารย์สอนสั่งลูกศิษย์อย่างเต็มหัวใจ
เพื่อนให้ความรักและความเข้าใจกับเพื่อนสม่ำเสมอ
คุณหมอรักษาคนไข้เต็มความสามารถ
ฯลฯ
ยังมีหนทางอีกมากสำหรับคำว่า "ให้" ครับ
บุญรักษา ทุกท่าน ;)...
ป.ล. บันทึก เพียงคำปรารภจากท่าน ว.วชิรเมธี ในหนังสือ "เรียนรู้ทุกข์ ได้สุขเป็นกำไร" เคยเขียนถึงหนังสือเล่มนี้ครับ ;)...
............................................................................................................................................
ขอบคุณหนังสือดี ๆ
ว.วชิรเมธี. เรียนรู้ทุกข์ ได้สุขเป็นกำไร. กรุงเทพฯ : ปราณ, ๒๕๕๔.
Hi..... เอ้ย.... ให้.... ไปหมดเลยทั้งใจ หรือเปล่าคะ อาจารย์เทวดา....^^
แค่อ่านถึง...เด็กวิ่งปร๋อไปกอดคอแม่...ก็น้ำตาไหลแล้ว
อ่ะ...มีหยอดพาดพิงถึงอีกหลายบทบาท
ไม่ลืมค่ะไม่ลืม "คุณหมอรักษาคนไข้เต็มความสามารถ"
ให้...เสมอไป มากกว่าการรักษาด้วยค่ะ
กระตุ้นให้คิด...เพื่อตนเอง ครอบครัว และชุมชน
ก็แล้วแต่นางฟ้า ชาดา ว่าจะให้หมดทั้งใจหรือเปล่า่อ่ะครับ ;)...
เรื่องเล่าที่เป็นชีวิตจริงนี่ ... เรามองเห็นสัจธรรมเลยนะครับคุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา ;)...
หาเรื่องพาดพิงไปอย่างนั้นอ่ะครับ เพราะมีคุณหมอหลายท่านในที่นี่ แวะมาอ่านบ่อย ๆ อิ อิ
ขอบคุณมากครับ ;)...
มือของผู้ให้...ย่อมอยู่สูงกว่าผู้รับ....แน่นอน
นมัสการพระคุณเจ้า Phra Anuwat ครับ
เป็นจริงดั่งท่านว่าครับ
มือของผู้ให้ ย่อมอยู่สูงกว่า มือของผู้รับ
ขอบพระคุณครับท่าน ;)...
ขอบคุณนะคะอ่านแล้วพล่งนึกว่าบางครั้งสิ่งน้อยนิดจากเราอาจเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ของใครบางคน
ยินดีมากครับ คุณ AnGelNURSE ;)...
เรียนรู้เป็นผู้ให้ สุขใจเสมอครับ