ปัญหาและอุปสรรคของผู้เพาะเห็ดเมื่อทำการเพาะไปได้ระยะหนึ่งก็จะพบปัญหาความไม่แน่นอนในคุณภาพของก้อนเชื้อ ที่บางครั้งอายุการเก็บเกี่ยวของก้อนสั้นอาหารน้อย ก้อนหลวมจากการเร่งรีบผลิตให้ทันตามออเดอร์
ความนิยมในการรับประทานเห็ดมีเพิ่มมากขึ้นทุกทีในขณะนี้
เนื่องด้วยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีความหลากหลายสายพันธุ์
มีประโยชน์ในเชิงสมุนไพรเป็นยาอายุวัฒนะมีโปรตีนสูงพอหรือเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์
อีกทั้งเพาะปลูกและผลิตได้ง่ายอายุการเก็บเกี่ยวสั้น
และข้อมูลการสังเกตุจากจำนวนผู้สนใจที่ติดต่อสอบถามเทคนิคและวิธีการเพาะ
การดูแลบำรุงรักษา การติดต่อซื้อหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ
ในการเพาะเห็ดเข้ามาที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษค่อนข้างหนาตามากกว่าทุกๆปี
อาจเนื่องด้วยวิกฤติการณ์ต่างๆทางด้านเศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปลายปี
2554 สืบเนื่องมาจนถึงปีปัจจุบัน 2555
ที่โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆที่ถูกน้ำท่วมเสียหายและเตรียมอพยพไปตั้งถิ่นฐานการผลิตในประเทศอื่นที่มีนโยบายและชัยภูมิที่ชัดเจนในเรื่อง"น้ำ"
คนงานถูกลอยแพส่งผลให้
ทำให้รายได้ไม่พอกับรายจ่ายจึงต้องหาอาชีพที่ช่วยให้มีรายได้เสริมเข้ามาหนุนจุนเจือ
ปัญหาและอุปสรรคของผู้เพาะเห็ดเมื่อทำการเพาะไปได้ระยะหนึ่งก็จะพบปัญหาความไม่แน่นอนในคุณภาพของก้อนเชื้อ
ที่บางครั้งอายุการเก็บเกี่ยวของก้อนสั้นอาหารน้อย
ก้อนหลวมจากการเร่งรีบผลิตให้ทันตามออเดอร์
การขนส่งล่าช้าไม่ทันต่อการเปลี่ยนถ่ายก้อนในโรงเรือน
และที่สำคัญมีการปนเปื้อนของเชื้อราศัตรูเห็ดทำให้เมื่อเพาะไปได้ระยะหนึ่งผลผลิตต้องเสียหาจากการถูกทำลายของราดำ
ราเขียว ราเมือก ราส้มฯลฯ
จึงทำให้ผู้เพาะเห็ดส่วนหนึ่งคิดที่จะผลิตก้อนเชื้อขึ้นมาเอง
เพื่อให้ทันต่อความต้องการและได้คุณภาพตามที่ตนเองพึงพอใจ
วันนี้จึงขอนำเสนอสูตรการทำก้อนเชื้อเห็ดอย่างง่ายไร้ราเขียวเพื่อให้เกษตรกรผู้เพาะเห็ดนำไปเป็นทางเลือกในการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตเห็ดให้ดีมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น
โดยใช้สูตรที่มีขี้เลื่อย 100 กิโลกรัม รำละเอียดประมาณ 10 กิโลกรัม
ถ้าจะเพิ่มแป้งข้าวเหนียวหรือกระถินป่นก็อาจจะลดรำลงเหลือเพียง 7 –
8 กิโลกรัมตามสัดส่วน ใช้พูมิชซัลเฟอร์ 3 กิโลกรัม
ใช้น้ำตาลทราย1 กิโลกรัม เมื่อเตรียมวัสดุจนพร้อมเพรียงแล้ว
ให้ทำการหมักเชื้อบีเอสพลายแก้วในอัตรา 1 ช้อนชา (5 กรัม)
กับมะพร้าวอ่อนหนึ่งผลหรือจะเป็นนมยูเฮชทียี่ห้ออะไรก็ได้ 1 กล่อง
(ประมาณ 250 ซี.ซี.). โดยเฉาะมะพร้าวเปิดฝาแง้มแล้วหยอดเชื้อลงไป 1
ช้อนชาแล้วปิดฝาไว้อย่างเดิม
ส่วนนมให้เปิดกล่องแล้วรีบเทใส่ถุงพลาสติก (ถุงก๋วยเตี๋ยว, กาแฟ,
โอเลี้ยง)
หยอดเชื้ิอเท่ากับสูตรมะพร้าวแล้วนำหนังยางผูกหูห้อยไว้ข้างหนึ่งแขวนไว้ในที่ร่ม
อากาศถ่ายเทหมักทิ้งไว้ให้ได้ 24-48 ชั่วโมง
นำบีเอสพลายแก้วที่หมักจนได้ที่แล้วนำมาผสมน้ำ 10
ลิตรราดรดลงบนกองขี้เลื่อย 100
กิโลกรัมแล้วเติมรำละเอียดและกระถินป่นกับแป้ง
(กรณีที่ใช้เพิ่มเติมเข้ามาด้วย)คลุกเคล้าให้เข้ากัน
ต่อด้วยการนำน้ำตาลทราย 1
กิโลกรัมละลายในน้ำที่ใส่ในภาชนะถังหรือกะละมังปริมาณ 60
ลิตรรินใส่บัวราดรดให้ชุ่มโชกคลุกเคล้าให้เข้ากันอย่างทั่วถึงอีกครั้งจึงค่อยนำพูมิชซัลเฟอร์
(ฟอสฟอรัส,แคลเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน, ซิลิก้า
และจุลธาตุต่างๆจากหินแร่ภูเขาไฟ) จำนวน 3 กิโลกรัมมาผสมคลุกในตอนท้าย
แล้วทำการตรวจสอบความชื้นโดยใช้มือกำขี้เลื่อยที่ผสมคลุกเคล้าแล้ว
เมื่อค่อยๆคลายออกแล้วยังเป็นผงป่นไม่รวมตัวเป็นก้อนและยังไม่มีรอยบิแยะออกเป็นสามส่วนก็ให้เพิ่มน้ำเปล่าโดยค่อยๆเติมลงไปจนได้ตามที่ต้องการคือมีความชื้นประมาณ
80-90%
สังเกตุได้อีกวิธีหนึ่งเมื่อค่อยกำขี้เลื่อยแล้วจะมีน้ำซึมออกมาระหว่างง่ามมือเล็กน้อยถือว่าใช้ได้เมื่อทำบ่อยๆก็จะมีความชำนาญไปเองเป็นลำดับ
เมื่อผสมวัสดุเพาะเสร็จเรียบร้อยแล้วนำมากรอกบรรจุใส่ถุง
ทำให้ก้อนแน่นโดยใช้ขวดน้ำอัดลมกระทุ้งกดอัดหรือกระแทกก้นถุงลงกับพื้นหรือจะใช้เครื่องอัดก้อนก็ตามสะดวกให้ได้น้ำหนักโดยประมาณ
800-900 กรัม
ใส่คอขวดอุดสำลีปิดหมวกด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ใช้หนังยางรัดหมักบ่มทิ้งไว้สักสองสามคืนแล้วจึงค่อยนำไปนึ่งหรือเครปเพื่อฆ่าเชื้อปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นลงแล้วนำไปหยอดใส่เชื้อได้ตามปรกติ
วิธีการนี้ช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อราเขียวได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
มนตรี บุญจรัส