ปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากสภาพการดำเนินชีวิตตามระบบ "วัตถุนิยม"
หากเราเปลี่ยนแนวคิดใหม่ที่ทรงด้วยคุณค่ายิ่ง โดยการดำเนินชีวิตตามระบบ "พอเพียงนิยม"
ปัญหาต่าง ๆ จักลดลง หรือแทบไม่มี
ด้วยความปรารถนาดีจาก "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"
นักศึกษาสมัยใหม่ห่างไกลวัฒนธรรม
ดูหัวเรื่องแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นการกล่าวหาที่รุนแรง แต่หากเราวางใจเป็นกลาง วางใจเป็นธรรม และติดตามศึกษาหาข้อมูล หาข้อเท็จจริง เราคงยอมรับหัวเรื่องนี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน และเพื่อให้มั่นใจขึ้นก็ควรศึกษาข้อมูลจากสถานศึกษาในระดับมหวิทยาลัยอย่างน้อยสัก 2 แห่ง
ใครที่เคยเป็นนักศึกษา และได้อยู่ประจำในวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยสมัยที่ผ่านมาประมาณ 30-40 ปี ก่อน จะรู้เรื่อระบบระเบียบของมหาวิทยาลัยสมัยนั้นเป็นอย่างดี มีสองเรื่องใหญ่ ๆ ที่เป็นหลัก คือเรื่องการแต่งกาย และเรื่องพฤติกรรมทางชู้สาว ถ้าพิจารณาดูให้ลึกซึ้งจะพบว่าหากควบคุมสองเรื่องนี้ได้ก็สามารถควบคุมพฤติกรรมอื่น ๆ ได้แทบหมดสิ้น ฉะนั้นควบคุมในสองเรื่องนี้ก็เท่ากับเสริมสร้างวัฒนธรรมอันดีงามให้นักศึกษาไว้แล้ว
เมื่อวางกฎระเบียบ แล้วควบคุมเข้มให้อยู่ในระเบียบได้ถือเป็นความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง คล้ายกับเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ใครไม่เชื่อถือไม่ปฎิบัติก็เกิดความไม่สบายใจ จึงต้องปฎิบัติด้วยความเชื่อ เมื่อเกิดการคุมเข้มในกฎและระเบียบอย่างได้ผล ผู้ปฏิบัติ หรือนักศึกษาก็อยู่ในระเบียบวินัย คนที่อยู่ในระเบียบวินัย ย่อมเป็นบุคคลที่มีเหตุผล มีความคิดในเชิงสร้างสรรค์ คนที่มีเหตุผลมีความคิดสร้างสรรค์มีแต่จะต่อยอดด้านคุณธรรมต่าง ๆ ให้กับตนเองอยู่เสมอ นักศึกษาที่มีคุณลักษณะดังที่กล่าวมานี้ เมื่อเขาสำเร็จการศึกษา ก็จัดเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ ออกมาทำงานเพื่อพัฒนาสังคมได้ด้วยดีสืบไป การคุมเข้มเรื่องการแต่งกาย และเรื่องชู้สาวของมหาวิทยาลัยอย่างแบบฉบับเก่าก่อนนับเป็นเรื่องดีเยี่ยม
การแต่งกายที่เหมาะสม สุภาพเรียบร้อย ถูกต้องตามกาลเทศะ ล้วนเป็นการสร้างคุณธรรม จริยธรรมได้เป็นอย่างดี ประเพณีวัฒนธรรมการแต่งกายของคนไทยโดยเฉพาะของสุภาพสตรีนับเป็นแบบอย่างที่ดี ที่เหมาะสมกับประเพณีวัฒนธรรมของชาติ การอนุรักษ์ การส่งเสริมจึงมีความจำเป็น
นักศึกษาสมัยเมื่อ 30- 40 ปีที่ล่วงมาแล้วอยู่ในกฎระเบียบของการแต่งกายอย่างเคร่งครัด ใครออกนอกลู่นอกทางอาจถูกไล่ออกทันที นักศึกษาทุกคนจึงมีความเป็นบรรทัดฐานในการแต่งกาย ตั้งแต่ทรงผม เสื้อผ้า และรองเท้า
ทรงผมของผู้ชายเป็นแบบรองทรงดูสะอาดสะอ้านน่ารัก ห้ามนักศึกษาไว้ทรงผมยาว หรือที่เรียกว่าทรงรากไทรเป็นอันขาด นักศึกษาหญิงไว้ให้ดูพองาม ไม่เป็นทรงผมที่อยู่ในแฟชั่น ทั้งนักศึกษาชายและหญิงดูน่ารักมากในเรื่องนี้ ใครเห็นก็นิยมชมชอบ สรรเสริญเยินยอ เดินไปไหนมาไหนบอกได้ทันทีว่านี่ "เขาเป็นนิสิตนักศึกษา "
ด้านเสื้อผ้ามีแบบที่วิทยาลัยกำหนด เช่นนักศึกษาชาย กางเกงต้องมีจีบ กระเป๋าสีใบ ความกว้างของปลายขากำหนดชัดเจน หรือทรงของกางเกงก็กำหนด และมีแบบให้ดูได้อย่างชัดเจน เสื้อไม่รัดรูป ไม่ใหญ่จนเกินไป แม้แต่ขนาดของเข้มขัดก็ยังกำหนด สำหรับนักศึกษาหญิง ห้ามนุ่งกระโปร่งสั้นเลยเข่าเด็ดขาด มีจีบจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ขอบสะเอวอยู่ระดับสะดือ สรุปว่าระเบียบที่วางไว้จะไม่มีช่องโหว่ให้เป็นไปตามกระแสนิยมแฟชั่นได้เลย และเป็นทรงที่สุภาพเรียบร้อย เหมาะกับนักศึกษา
รองเท้าถูกแบบตามที่กำหนด เช่น ใช้รองเท้าหนังสีดำ หรือสีน้ำตาล ร้องเท้าที่มีเชือกผูก จำนวนรูร้อยเชือกผูก มี 5 หรือ 6 รู ห้ามใช้รองเท้าผ้าใบ ของนักศึกษาหญิงก็กำหนดไว้อย่างดี อย่างละเอียด สรุปว่าการกำหนดแบบมีความประณีตรัดกุมมาก
การวางระเบียบการแต่งกาย เรื่องทรงผม เสื้อผ้า ร้องเท้า ชี้ให้เห็นว่านักศึกษาสมัยนั้น ต้องอยู่ในกรอบ ในระเบียบที่วางไว้ การที่ทุกคนมีความตั้งใจปฏิบัติตามตั้งใจอยู่ในโอวาทของครูอาจารย์ เมื่อเขาให้สิทธิเสรีอย่้างนี้ ก็อยู่ในกรอบในสิทธิ์ที่พึงกระทำ เหล่านี้เป็นการสร้างคุณธรรม จริยธรรมควบคู่ไปโดยไม่รู้ตัว
ส่วนการแต่งกายของนักศึกษาสมัยใหม่ที่เห็นอยู่ทั่ว ๆ ไป กลับตรงข้ามกับนักศึกษาสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง เป็นเพราะให้สิทธิ์เสรีมากเกินไป มากจนเกินขอบเขต อย่างนี้ไม่สามารถสร้างคุณธรรม จริยธรรมได้เลย และที่สำคุญยิ่งไกลห่างประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทยไปทุกที
ทรงผมของนักศึกษาสมัยใหม่ไม่ว่านักศึกษาหญิง หรือนักศึกษาชาย ปล่อยไปตามสมัยนิยม เป็นอิสระ ใครจะไว้ทรงผมอย่างไรก็ได้ สภาพทรงผมอย่างนี้ดูแล้วเสีย บุคลิกภาพของการเป็นศึกษา ถ้าจะพูดให้เพื่อเตือนสติก็จะพูดว่า เหมือนมีคราบอะไรแฝงไว้ในตัวนักศึกษา ซึ่งแล้้วแต่ผู้พบเห็นแต่ละคนมองว่ามีอะไรแฝงอยู่
เสื้อผ้าของนักศึกษาสมัยใหม่ ผู้ชายนุ่งกางเกงยีนส์ก็มี ทรงกางเกงปล่อยไปตามแฟชั่น ถ้าดูนักศึกษาผู้หญิงยิ่งดูน่าเกลียดมาก ส่วนใหญ่จะนุ่งสั้น สะเอวต่ำ เสื้อจะรัดรูปอะไรทำนองนี้ ทั้ง ๆ ที่แบบฟอ์ืมของมหาวิทยาลัยก็มี แต่การไม่เข้มงวดก็เท่ากับไม่มี
รองเท้าผ้าใบสำหรับนักศึกษาชายคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันเป็นแฟชั่น บางยี่ห้อราคาแพงลิ่ว ทำให้นักศึกษาซื้อมาสวมใส่อวดกัน กลายเป็นรสนิยมที่มองว่าดีว่าควรโดยไม่รู้ตัว
สำหรับเรื่องชู้สาวกฎระเบียบของนักศึกษาสมัยเก่าก่อนวางระเบียบไว้อย่างแน่นหนา ห้ามไม่ให้นักศึกษาชายเข้าหอพักนักศึกษาหญิง ห้ามนักศึกษาหญิงเข้าหอพักนักศึกษาชาย ห้ามนักศึกษาทั้งชายหญิงออกนอกหอพักยามราตรี กฎที่วางไว้ถือเป็นกฎเหล็ก ใครฝ่าฝืนถึงกับไล่ออก แม้แต่หอพักเอกชนซึ่งอยู่นอกมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยใช้กฎเช่นเดียวกันกับนักศึกษาภายใน โดยขอความร่วมมือจากเจ้าของหอพัก
ปัจจุบันเรื่องนี้ถูกปล่อยเป็นอิสระมากขึ้น นักศึกษาหญิงไปเยี่ยมนักศึกษาชายถึงห้องถึงหอ นักศึกษาชายก็ทำได้เช่นกัน กลางคืนสามารถเดินนอกออกในได้กันอย่างสบาย ยิ่งหอพักภายนอกไม่ต้องกล่าวถึง ขอถามสักข้อว่า "นี่คืออะไร"
เรื่องระเบียบอื่น ๆ ในหอพักสมัยก่อนมีเรื่องปลีกย่อยอีกมากมาย เช่น ผ้าปูที่นอนต้องตึง ไม่ยับไม่ย่น ผ้าห่มพับอย่างเรียบร้อย ตื่นนอนตามเวลาที่กำหนด ทำงานที่มอบหมายให้เสร็จตามกำหนด รับประทานอาหารพร้อมกัน และยึดกฎระเบียบในการรับประทาน เช่นใข้ช้อนส้อม ไม่มีเสียงดังของภาชนะ ไม่หกเรี่ยราด ฯลฯ ถามว่าระเบียบเช่นนี้ยังมีเหลืออยู่ในมหาวิทยาลัยหรือไม่ อย่างไร
ถึงตอนนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงระเบียบ และกฎกติกา ของนักศึกษารุ่นเก่า กับรุ่นใหม่ ว่าแต่ละยุค แต่ละสมัยมีความเข้มข้น หย่อนยานกันอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้หลายคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นญาติของนักศึกษาเอง จะรู้ดี แม้แต่บุคคลทั่ว ๆ ไปก็ทราบกันเต็มอก ข้อมูลที่กล่าวมาทุกคนน่าจะยอมรับโดนดุษฎี และจากนี้ไปขอแจกแจงผลที่ได้รับ ผลที่เกิด กับผลิตผลคือนักศึกษาที่จบออกมา ทั้งนักศึกษารุ่นเก่า และนักศึกษารุ่นใหม่
" บุคลิกการเดินอย่างนี้คือผู้ที่จบนักเรียนนายร้อยทหาร หรือไม่ก็ผู้กำลังเรียนนายร้อยทหาร" เป็นคำพูดเสียงเดียวกันของผู้พบเห็น นี่คือผลผลิตที่ออกมาจากการฝึกปฏิบัติที่ทำอยู่เป็นประจำ และทำอย่างเข้มข้น จนผู้ปฏิบัติ ผู้ทำตามกลายเป็นพฤติกรรม เป็นนิสัย จะพูดว่าถาวรก็น่าจะได้ ทั้งนี้เนื่องจากความเคยชิน ความจำเจ ที่ถูกป้อนให้อย่างมีระบบและต่อเนื่อง จนซึมซับเข้าไม่รู้ตัว
นักศึกษาชายที่จบจากวิทยาลัยครูนครศร๊ธรรมราช รุ่นแรก จนถึงรุ่นที่ ประมาณ ปี 2514 ถูกฝึกให้สวมเสื้อใน (เสี้อกล้าม) นานเป็นเวลาถึง 2 ปี หรือ 4 ปี ก็จะติดการสวมเสื้อในติดต่ออีกนานหลายปี หลายคนยังติดมาถึงปัจจุบัน เสื้อประเภทที่ปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกงไม่ได้ เขาก็ไม่กล้าปล่อยไว้นอก รู้สึกมันขัดเขิน น่าเหนียมอาย หรือดูแล้วไม่สวยงาม ไม่สุภาพเรียบร้อย เมื่อใส่ไว้ในกางเกง รู้สึกว่ามีความสบายใจ ที่กล่าวมานี้ชี้ให้เห็นถึงความเคยชิน มันถูกปลูกฝังไว้จนเป็นนิสัย จนเป็นระเบียบนิสัย และระเบียบเหล่านี้คือตัวฝึก ตัวส่งเสริมด้านคุณธรรม และจริยธรรม และเชื่อมโยงไปถึงความรัก และหวงแหนประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยอีกด้วย
แม้นักศึกษาระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่มีอายุเริ่มจาก 20 ปี ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นวัยบรรลุนิติภาวะ แต่การที่จะให้สิทธิ์เสรีมากเกินไป โดยไม่มีการควบคุมให้อยู่ในกฎในกรอบระเบียบอันดีงาม ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เป็นการปล่อยปละละเลย เข้าทำนองไม่สร้างคนให้สมบูรณ์อย่างที่พระพุทธทาสพูดไว้ว่า "การศึกษาแบบหมาหางด้วน"คือสร้างแต่องค์ความรู้ วิชาความรู้อย่างเดียว แต่ขาดการสร้างศีลธรรม เมื่อเป็นเช่นนี้ตามหลักของพุทธศาสนาก็คือนักศึกษาที่ยังเป็นคน ไม่ถึงขั้นเป็นมนุษย์ถ้าอธิบายก็คือคนหมายถึงสัตว์ทั่วไป ซึ่งยังไม่ได้ยกระดับวิญญาณ ส่วนมนุษย์คือผู้ที่มีจิตใจสูง นั่นหมายถึงได้ยกระดับวิญญาณนั่นเอง ฉะนั้นนักศึกษาที่สมบูรณ์ จะต้องมีทั้งความรู้ และศีลธรรมควบคู่กับไป การให้สิทธิเสรีมากไปก็เท่ากับไม่ได้สอนศีลธรรม ทางที่ถูกที่ควรมหาวิทยาลัยผู้ผลิตคนออกมารับใช้สังคมต้องตระหนักในเรื่องนี้เป็นสำคัญ
จากที่ได้รับทราบข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าของรัฐ หรือเอกชน ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ปฎิบัติหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ ผลที่ออกมาคือ คนรุ่นใหม่ปฏิบัติหน้าที่หย่อนสมรรถภาพกว่าคนรุ่นก่อน และถ้าเจาะลึกลงไปอีกจะพบว่า ความรู้ความสามารถดี แต่ขาดด้านคุณธรรม ด้านจริยธรรม พูดให้เห็นชัด และเข้าใจง่าย ๆ คือยังขาดซึ่งน้ำใจ
การจะให้คนมีคุณภาพ เป็นคนที่สมบูรณ์ ต้องมีทั้งความรู้ควบคู่ศีลธรรม เมื่อเขาได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ จะได้คุณภาพของผลงานที่ดี มีประสิทธิภาพประเทศจะได้พัฒนารุ่งเรื่องต่อไป ด้วยเหตุนี้ "นักศึกษาสมัยใหม่ห่างไกลวัฒนธรรม" ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
หมายเหตุ : มหาวิทยาลัยใด นักศึกษามหาวิทยาลัยใดไม่เข้าในประเด็นที่กล่าวไว้ ขอได้ยึดมั่นปฏิบัตืเป็นของตนต่อไป
ปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากสภาพการดำเนินชีวิตตามระบบ "วัตถุนิยม"
หากเราเปลี่ยนแนวคิดใหม่ที่ทรงด้วยคุณค่ายิ่ง โดยการดำเนินชีวิตตามระบบ "พอเพียงนิยม"
ปัญหาต่าง ๆ จักลดลง หรือแทบไม่มี
ด้วยความปรารถนาดีจาก "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"
ภาพลายเส้นเพื่อสังคม
เป็นพระคุณยิ่งสำหรับกำลังใจ