นักศึษาสมัยใหม่ห่างไกลวัฒนธรรม


นักศึกษาสมัยใหม่ห่างไกลวัฒนธรรม

 

 

 

http://www.nature-dhrama.com

 

ปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากสภาพการดำเนินชีวิตตามระบบ "วัตถุนิยม"
หากเราเปลี่ยนแนวคิดใหม่ที่ทรงด้วยคุณค่ายิ่ง โดยการดำเนินชีวิตตามระบบ "พอเพียงนิยม"
ปัญหาต่าง ๆ จักลดลง หรือแทบไม่มี
ด้วยความปรารถนาดีจาก "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"

นักศึกษาสมัยใหม่ห่างไกลวัฒนธรรม

          ดูหัวเรื่องแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นการกล่าวหาที่รุนแรง  แต่หากเราวางใจเป็นกลาง วางใจเป็นธรรม และติดตามศึกษาหาข้อมูล หาข้อเท็จจริง เราคงยอมรับหัวเรื่องนี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน และเพื่อให้มั่นใจขึ้นก็ควรศึกษาข้อมูลจากสถานศึกษาในระดับมหวิทยาลัยอย่างน้อยสัก 2 แห่ง

          ใครที่เคยเป็นนักศึกษา และได้อยู่ประจำในวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยสมัยที่ผ่านมาประมาณ 30-40 ปี ก่อน จะรู้เรื่อระบบระเบียบของมหาวิทยาลัยสมัยนั้นเป็นอย่างดี  มีสองเรื่องใหญ่ ๆ ที่เป็นหลัก คือเรื่องการแต่งกาย และเรื่องพฤติกรรมทางชู้สาว ถ้าพิจารณาดูให้ลึกซึ้งจะพบว่าหากควบคุมสองเรื่องนี้ได้ก็สามารถควบคุมพฤติกรรมอื่น ๆ ได้แทบหมดสิ้น ฉะนั้นควบคุมในสองเรื่องนี้ก็เท่ากับเสริมสร้างวัฒนธรรมอันดีงามให้นักศึกษาไว้แล้ว

           เมื่อวางกฎระเบียบ แล้วควบคุมเข้มให้อยู่ในระเบียบได้ถือเป็นความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง  คล้ายกับเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ใครไม่เชื่อถือไม่ปฎิบัติก็เกิดความไม่สบายใจ   จึงต้องปฎิบัติด้วยความเชื่อ  เมื่อเกิดการคุมเข้มในกฎและระเบียบอย่างได้ผล ผู้ปฏิบัติ หรือนักศึกษาก็อยู่ในระเบียบวินัย  คนที่อยู่ในระเบียบวินัย ย่อมเป็นบุคคลที่มีเหตุผล มีความคิดในเชิงสร้างสรรค์ คนที่มีเหตุผลมีความคิดสร้างสรรค์มีแต่จะต่อยอดด้านคุณธรรมต่าง ๆ ให้กับตนเองอยู่เสมอ  นักศึกษาที่มีคุณลักษณะดังที่กล่าวมานี้ เมื่อเขาสำเร็จการศึกษา ก็จัดเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ ออกมาทำงานเพื่อพัฒนาสังคมได้ด้วยดีสืบไป การคุมเข้มเรื่องการแต่งกาย และเรื่องชู้สาวของมหาวิทยาลัยอย่างแบบฉบับเก่าก่อนนับเป็นเรื่องดีเยี่ยม

          การแต่งกายที่เหมาะสม สุภาพเรียบร้อย ถูกต้องตามกาลเทศะ ล้วนเป็นการสร้างคุณธรรม จริยธรรมได้เป็นอย่างดี ประเพณีวัฒนธรรมการแต่งกายของคนไทยโดยเฉพาะของสุภาพสตรีนับเป็นแบบอย่างที่ดี ที่เหมาะสมกับประเพณีวัฒนธรรมของชาติ  การอนุรักษ์ การส่งเสริมจึงมีความจำเป็น

          นักศึกษาสมัยเมื่อ 30- 40 ปีที่ล่วงมาแล้วอยู่ในกฎระเบียบของการแต่งกายอย่างเคร่งครัด ใครออกนอกลู่นอกทางอาจถูกไล่ออกทันที นักศึกษาทุกคนจึงมีความเป็นบรรทัดฐานในการแต่งกาย ตั้งแต่ทรงผม  เสื้อผ้า และรองเท้า

          ทรงผมของผู้ชายเป็นแบบรองทรงดูสะอาดสะอ้านน่ารัก  ห้ามนักศึกษาไว้ทรงผมยาว หรือที่เรียกว่าทรงรากไทรเป็นอันขาด  นักศึกษาหญิงไว้ให้ดูพองาม ไม่เป็นทรงผมที่อยู่ในแฟชั่น ทั้งนักศึกษาชายและหญิงดูน่ารักมากในเรื่องนี้ ใครเห็นก็นิยมชมชอบ สรรเสริญเยินยอ เดินไปไหนมาไหนบอกได้ทันทีว่านี่ "เขาเป็นนิสิตนักศึกษา "

          ด้านเสื้อผ้ามีแบบที่วิทยาลัยกำหนด เช่นนักศึกษาชาย กางเกงต้องมีจีบ กระเป๋าสีใบ  ความกว้างของปลายขากำหนดชัดเจน หรือทรงของกางเกงก็กำหนด และมีแบบให้ดูได้อย่างชัดเจน เสื้อไม่รัดรูป ไม่ใหญ่จนเกินไป  แม้แต่ขนาดของเข้มขัดก็ยังกำหนด สำหรับนักศึกษาหญิง  ห้ามนุ่งกระโปร่งสั้นเลยเข่าเด็ดขาด มีจีบจำนวนเท่านั้นเท่านี้  ขอบสะเอวอยู่ระดับสะดือ สรุปว่าระเบียบที่วางไว้จะไม่มีช่องโหว่ให้เป็นไปตามกระแสนิยมแฟชั่นได้เลย และเป็นทรงที่สุภาพเรียบร้อย เหมาะกับนักศึกษา

          รองเท้าถูกแบบตามที่กำหนด เช่น ใช้รองเท้าหนังสีดำ หรือสีน้ำตาล ร้องเท้าที่มีเชือกผูก จำนวนรูร้อยเชือกผูก มี 5 หรือ 6 รู  ห้ามใช้รองเท้าผ้าใบ  ของนักศึกษาหญิงก็กำหนดไว้อย่างดี  อย่างละเอียด   สรุปว่าการกำหนดแบบมีความประณีตรัดกุมมาก

         การวางระเบียบการแต่งกาย เรื่องทรงผม เสื้อผ้า ร้องเท้า  ชี้ให้เห็นว่านักศึกษาสมัยนั้น ต้องอยู่ในกรอบ ในระเบียบที่วางไว้  การที่ทุกคนมีความตั้งใจปฏิบัติตามตั้งใจอยู่ในโอวาทของครูอาจารย์  เมื่อเขาให้สิทธิเสรีอย่้างนี้ ก็อยู่ในกรอบในสิทธิ์ที่พึงกระทำ เหล่านี้เป็นการสร้างคุณธรรม จริยธรรมควบคู่ไปโดยไม่รู้ตัว

          ส่วนการแต่งกายของนักศึกษาสมัยใหม่ที่เห็นอยู่ทั่ว ๆ ไป กลับตรงข้ามกับนักศึกษาสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง  เป็นเพราะให้สิทธิ์เสรีมากเกินไป มากจนเกินขอบเขต อย่างนี้ไม่สามารถสร้างคุณธรรม จริยธรรมได้เลย   และที่สำคุญยิ่งไกลห่างประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทยไปทุกที

         ทรงผมของนักศึกษาสมัยใหม่ไม่ว่านักศึกษาหญิง หรือนักศึกษาชาย ปล่อยไปตามสมัยนิยม เป็นอิสระ ใครจะไว้ทรงผมอย่างไรก็ได้  สภาพทรงผมอย่างนี้ดูแล้วเสีย บุคลิกภาพของการเป็นศึกษา  ถ้าจะพูดให้เพื่อเตือนสติก็จะพูดว่า เหมือนมีคราบอะไรแฝงไว้ในตัวนักศึกษา ซึ่งแล้้วแต่ผู้พบเห็นแต่ละคนมองว่ามีอะไรแฝงอยู่

          เสื้อผ้าของนักศึกษาสมัยใหม่ ผู้ชายนุ่งกางเกงยีนส์ก็มี ทรงกางเกงปล่อยไปตามแฟชั่น ถ้าดูนักศึกษาผู้หญิงยิ่งดูน่าเกลียดมาก ส่วนใหญ่จะนุ่งสั้น สะเอวต่ำ เสื้อจะรัดรูปอะไรทำนองนี้ ทั้ง ๆ ที่แบบฟอ์ืมของมหาวิทยาลัยก็มี แต่การไม่เข้มงวดก็เท่ากับไม่มี

         รองเท้าผ้าใบสำหรับนักศึกษาชายคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันเป็นแฟชั่น บางยี่ห้อราคาแพงลิ่ว ทำให้นักศึกษาซื้อมาสวมใส่อวดกัน กลายเป็นรสนิยมที่มองว่าดีว่าควรโดยไม่รู้ตัว

          สำหรับเรื่องชู้สาวกฎระเบียบของนักศึกษาสมัยเก่าก่อนวางระเบียบไว้อย่างแน่นหนา ห้ามไม่ให้นักศึกษาชายเข้าหอพักนักศึกษาหญิง  ห้ามนักศึกษาหญิงเข้าหอพักนักศึกษาชาย ห้ามนักศึกษาทั้งชายหญิงออกนอกหอพักยามราตรี กฎที่วางไว้ถือเป็นกฎเหล็ก ใครฝ่าฝืนถึงกับไล่ออก แม้แต่หอพักเอกชนซึ่งอยู่นอกมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยใช้กฎเช่นเดียวกันกับนักศึกษาภายใน โดยขอความร่วมมือจากเจ้าของหอพัก

          ปัจจุบันเรื่องนี้ถูกปล่อยเป็นอิสระมากขึ้น นักศึกษาหญิงไปเยี่ยมนักศึกษาชายถึงห้องถึงหอ นักศึกษาชายก็ทำได้เช่นกัน กลางคืนสามารถเดินนอกออกในได้กันอย่างสบาย   ยิ่งหอพักภายนอกไม่ต้องกล่าวถึง  ขอถามสักข้อว่า "นี่คืออะไร"

          เรื่องระเบียบอื่น ๆ ในหอพักสมัยก่อนมีเรื่องปลีกย่อยอีกมากมาย เช่น ผ้าปูที่นอนต้องตึง ไม่ยับไม่ย่น ผ้าห่มพับอย่างเรียบร้อย ตื่นนอนตามเวลาที่กำหนด ทำงานที่มอบหมายให้เสร็จตามกำหนด รับประทานอาหารพร้อมกัน และยึดกฎระเบียบในการรับประทาน เช่นใข้ช้อนส้อม ไม่มีเสียงดังของภาชนะ ไม่หกเรี่ยราด ฯลฯ ถามว่าระเบียบเช่นนี้ยังมีเหลืออยู่ในมหาวิทยาลัยหรือไม่  อย่างไร

          ถึงตอนนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงระเบียบ และกฎกติกา ของนักศึกษารุ่นเก่า กับรุ่นใหม่ ว่าแต่ละยุค แต่ละสมัยมีความเข้มข้น หย่อนยานกันอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้หลายคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นญาติของนักศึกษาเอง จะรู้ดี แม้แต่บุคคลทั่ว ๆ ไปก็ทราบกันเต็มอก ข้อมูลที่กล่าวมาทุกคนน่าจะยอมรับโดนดุษฎี และจากนี้ไปขอแจกแจงผลที่ได้รับ  ผลที่เกิด กับผลิตผลคือนักศึกษาที่จบออกมา ทั้งนักศึกษารุ่นเก่า และนักศึกษารุ่นใหม่

         " บุคลิกการเดินอย่างนี้คือผู้ที่จบนักเรียนนายร้อยทหาร  หรือไม่ก็ผู้กำลังเรียนนายร้อยทหาร" เป็นคำพูดเสียงเดียวกันของผู้พบเห็น นี่คือผลผลิตที่ออกมาจากการฝึกปฏิบัติที่ทำอยู่เป็นประจำ และทำอย่างเข้มข้น  จนผู้ปฏิบัติ  ผู้ทำตามกลายเป็นพฤติกรรม เป็นนิสัย จะพูดว่าถาวรก็น่าจะได้  ทั้งนี้เนื่องจากความเคยชิน ความจำเจ ที่ถูกป้อนให้อย่างมีระบบและต่อเนื่อง จนซึมซับเข้าไม่รู้ตัว

          นักศึกษาชายที่จบจากวิทยาลัยครูนครศร๊ธรรมราช รุ่นแรก จนถึงรุ่นที่ ประมาณ ปี 2514 ถูกฝึกให้สวมเสื้อใน (เสี้อกล้าม) นานเป็นเวลาถึง 2 ปี หรือ 4 ปี ก็จะติดการสวมเสื้อในติดต่ออีกนานหลายปี หลายคนยังติดมาถึงปัจจุบัน  เสื้อประเภทที่ปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกงไม่ได้ เขาก็ไม่กล้าปล่อยไว้นอก รู้สึกมันขัดเขิน น่าเหนียมอาย หรือดูแล้วไม่สวยงาม ไม่สุภาพเรียบร้อย เมื่อใส่ไว้ในกางเกง รู้สึกว่ามีความสบายใจ ที่กล่าวมานี้ชี้ให้เห็นถึงความเคยชิน มันถูกปลูกฝังไว้จนเป็นนิสัย  จนเป็นระเบียบนิสัย และระเบียบเหล่านี้คือตัวฝึก ตัวส่งเสริมด้านคุณธรรม และจริยธรรม และเชื่อมโยงไปถึงความรัก และหวงแหนประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยอีกด้วย

          แม้นักศึกษาระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่มีอายุเริ่มจาก 20 ปี ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นวัยบรรลุนิติภาวะ แต่การที่จะให้สิทธิ์เสรีมากเกินไป โดยไม่มีการควบคุมให้อยู่ในกฎในกรอบระเบียบอันดีงาม ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เป็นการปล่อยปละละเลย  เข้าทำนองไม่สร้างคนให้สมบูรณ์อย่างที่พระพุทธทาสพูดไว้ว่า "การศึกษาแบบหมาหางด้วน"คือสร้างแต่องค์ความรู้ วิชาความรู้อย่างเดียว แต่ขาดการสร้างศีลธรรม เมื่อเป็นเช่นนี้ตามหลักของพุทธศาสนาก็คือนักศึกษาที่ยังเป็นคน ไม่ถึงขั้นเป็นมนุษย์ถ้าอธิบายก็คือคนหมายถึงสัตว์ทั่วไป ซึ่งยังไม่ได้ยกระดับวิญญาณ ส่วนมนุษย์คือผู้ที่มีจิตใจสูง   นั่นหมายถึงได้ยกระดับวิญญาณนั่นเอง  ฉะนั้นนักศึกษาที่สมบูรณ์ จะต้องมีทั้งความรู้ และศีลธรรมควบคู่กับไป  การให้สิทธิเสรีมากไปก็เท่ากับไม่ได้สอนศีลธรรม  ทางที่ถูกที่ควรมหาวิทยาลัยผู้ผลิตคนออกมารับใช้สังคมต้องตระหนักในเรื่องนี้เป็นสำคัญ

          จากที่ได้รับทราบข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าของรัฐ หรือเอกชน ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ปฎิบัติหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ ผลที่ออกมาคือ คนรุ่นใหม่ปฏิบัติหน้าที่หย่อนสมรรถภาพกว่าคนรุ่นก่อน  และถ้าเจาะลึกลงไปอีกจะพบว่า ความรู้ความสามารถดี แต่ขาดด้านคุณธรรม  ด้านจริยธรรม พูดให้เห็นชัด และเข้าใจง่าย ๆ คือยังขาดซึ่งน้ำใจ

          การจะให้คนมีคุณภาพ เป็นคนที่สมบูรณ์ ต้องมีทั้งความรู้ควบคู่ศีลธรรม เมื่อเขาได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ จะได้คุณภาพของผลงานที่ดี มีประสิทธิภาพประเทศจะได้พัฒนารุ่งเรื่องต่อไป  ด้วยเหตุนี้  "นักศึกษาสมัยใหม่ห่างไกลวัฒนธรรม"  ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง  และรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ


          หมายเหตุ : มหาวิทยาลัยใด นักศึกษามหาวิทยาลัยใดไม่เข้าในประเด็นที่กล่าวไว้ ขอได้ยึดมั่นปฏิบัตืเป็นของตนต่อไป

 

ปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากสภาพการดำเนินชีวิตตามระบบ "วัตถุนิยม"
หากเราเปลี่ยนแนวคิดใหม่ที่ทรงด้วยคุณค่ายิ่ง โดยการดำเนินชีวิตตามระบบ "พอเพียงนิยม"
ปัญหาต่าง ๆ จักลดลง หรือแทบไม่มี
ด้วยความปรารถนาดีจาก "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"

 

หมายเลขบันทึก: 479713เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2012 10:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 14:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท