หมออนามัย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์


                          โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

                       หมออนามัย นายอานนท์ ภาคมาลี

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmuted disease; STD) อาจเรียกว่ากามโรค (Venereal disease) เกิดขึ้นจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศ ทางช่องคลอด ทางปากหรือทวารหนัก กับผู้กำลังมีเชื้อ ปัจจุบันใช้คำว่าติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อให้ความหมายกว้างขึ้นผู้ที่เป็นอาจจะไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรค เพราะโดยปกติแล้วจะไม่มีการแสดงอาการ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผลต่อสุขภาพของคุณ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจก่อให้เกิดความรุนแรงต่อร่างกาย หรืออาจถึงกับชีวิต ถึงแม้ว่าจะไม่แสดงอาการใดๆ คนที่เป็นแล้วสามารถที่จะแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่นโดยการสัมผัสทางผิวหนัง อวัยวะสืบพันธ์ ปาก ทวารหนัก หรือสารคัดหลั่งจากร่างกาย อาการแสดงสามารถแบ่งได้ตั้งระคายเคือง เล็กน้อย ไปสู่อาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาการแสดงที่เกิดขึ้นนั้นมาจากโรคที่รุนแรงขึ้น เชื้อสาเหตุโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย หรือ ไวรัส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสามารถรักษาได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่สำหรับเชื้อไวรัสนั้นไม่สามารถรักษาให้หายได้ ได้แต่เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์สามารถที่จะแพร่กระจายเชื้อได้ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการเกิดขึ้น แต่ก็มี การตรวจหลายวิธีที่สามารถกระทำได้ เพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อ

สาเหตุของการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 1. เกิดจากเชื้อไวรัส บางชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ บางชนิดไม่มียารักษา และบางชนิดสามารถฝังตัวอยู่ และกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ได้แก่ เริมที่อวัยวะเพศ หูด หงอนไก่ ไวรัสตับอักเสบบี 2. เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สามารถรักษาให้หายขาดได้ ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ได้แก่ ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม ท่อปัสสาวะอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ 3. เกิดจากเชื้ออื่นๆ เช่นพยาธิ เชื้อรา หิด เหา กลาก เกลื้อน โลน สังคัง

อาการสงสัย เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ - ในผู้ชาย จะมีอาการปัสสาวะแสบขัด ขาหนีบบวม หรือเป็นฝี เจ็บปวดอวัยวะเพศ มีผื่น ตุ่มแผล บริเวณอวัยวะเพศ มีเมือกใส หรือหนองไหลออกมา - ในผู้หญิง จะรู้สึกเจ็บ เสียวท้องน้อย ขาหนีบบวม หรือเป็นฝี เจ็บปวด คันอวัยวะเพศ มีผื่น มีตุ่ม เป็นแผลอวัยวะเพศ มีตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นเหม็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญ ได้แก่ 1. โรคเอดส์ (AIDS) หรือกลุ่มภูมิคุ้มกันเสื่อม เกิดจากการได้รับเชื้อ Human immunodeficiency virus (HIV) เข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ที่เป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้มีภูมิคุ้มกันโรคลดน้อยลงจึงทำให้เชื้อโรคฉวยโอกาสแทรกซ้อนเข้สู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เช่น มะเร็ง วัณโรค และสาเหตุการเสียชีวิตก็มักเกิดจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆเหล่านี้ ที่จะให้อาการรุนแรงและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว 2. หนองใน (Gonorrhoea) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeaeทำให้เกิดอาการระคายเคืองในท่อปัสสาวะ แสบขัดเวลาปัสสาวะและมีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือเป็นหมันหากไม่ได้รับการรักษา 3. แผลริมอ่อน (Chancroid) เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi ทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ บางคนมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียกไข่ต้นบวมหากไม่รีบรักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลือง มักมีหลายแผล ขอบแผลนุ่มและไม่เรียบ ก้นแผลสกปรกมีหนอง มีเลือดออกง่าย เวลาสัมผัสเจ็บ บางรายต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวม และเป็นฝีเมื่อฝีแตกจะเป็นแผล 4. ซิฟิลิส (Syphillis) เกิดจากการติดเชื้อ Treponema pallidum เป็นโรคที่มีอันตรายและมีอาการเรื้อรังสามารถติดต่อยาวนาน 2 ปี ลักษณะการติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็ง แต่ไม่เจ็บที่บริเวณอวัยวะเพศ หากไม่รักษาจะเป็นระยะสองที่เรียกว่าเข้าข้อหรืออกดอกถ้าทิ้งไว้นานจะทำให้เกิดโรค ระบบต่างๆของร่างกายหลายระบบทั้งซิฟิลิส ระบบหัวใจ และหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท นอกจากนี้ มารดาที่เป็นโรคซิฟิลิสจะถ่ายทอดโรคสู่ทารกในครรภ์ได้เรียกว่าซิฟิลิสแต่กำเนิด จึงถือซิฟิลิสเป็นโรคที่มีอันตรายและมีอาการเรื้อรังสามารถติดต่อได้ยาวนานกว่า 2 ปี 5. หนองในเทียม (Non-gonococcal Urethrltis/Non gonococcal Cervictis) เป็นโรคที่ทำให้มีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัดและมีหนองไหล และมีมูกออกเล็กน้อยโดยเฉพาะในช่วงเช้า ส่วนผู้หญิงมีอาการตกขาวผิดปกติ 6. แผลกามโรคเรื้อรังที่ขาหนีบ (Granuloma inguinale) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Donovania granulomatis โดยจะมีแผลที่อวัยวะเพศ ขาหนีบ ซอกขา หรือบริเวณหน้า และไม่พบในประเทศไทย มักพบในคนผิวดำ 7. เริมที่อวัยวะเพศ (Genita Herpes Simplex Infection) ที่เกิดจากเชื้อไวรัส herper simplex virus ทำให้ปวดแสบบริเวณขา ก้นหรืออวัยวะเพศและตามด้วยผื่นเป็นตุ่มน้ำใส แผลหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์ แต่เชื้อยังอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อจะกลับเป็นใหม่ 8. หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagioum virus (MCV) ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนบนผิวหนัง ผิวเรียบขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร จะพบมากขึ้นในรายที่ติดเชื้อ HIV จำนวนตุ่มที่เกิดขึ้นอาจมีมากหรือน้อยขึ้นกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยขณะนั้นว่าร่างกายมีความแข็งแรงเพียงใด ถ้าใช้เข็มสะกิดตรงกลางแล้วบีบดูจะได้เห็นเนื้อหูดขาวๆคล้ายข้าวสุก มักเป็นที่หัวเหน่า อวัยวะเพศโคนขาด้านใน 9. หูดหงอนไก่ (Condyloma Acuminata) เกิดจากเชื้อไวรัส Human papilloma virus ลักษณะเป็นติ่งเนื้ออ่อนๆ สีชมพูคล้ายหงอนไก่ ชอบขึ้นที่อุ่นและอับชื้น ในผู้ชายมักพบที่อวัยวะเพศบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตลอดทั้งบริเวณรอบรอยเปิดขอบ ท่อปัสสาวะ และอัณฑะ ส่วนผู้หญิงจะพบที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูก ปากทวารหนักและฝีเย็บ หูดมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆการตั้งครรภ์จะทำให้หูดโตเร็วกว่าปกติ ถ้าไม่รีบรักษาจะเป็นมากขึ้นและยากต่อการรักษา และทารกอาจติดเชื้อได้ขณะคลอด 10. หิด (Scabies) เกิดจากตัวไร Sarcoptes scabei ลักษณะจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนองคันขึ้นกระจายทั้ง 2 ข้างของร่างกาย มักพบตามง่ามนิ้วมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอยสะดือ อวัยวะสืบพันธ์ ข้อเท้า หลังเท้า ก้น ผู้ป่วยมักมีอาการคันมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิด สัมผัสทางเพศหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย 11. โลน (Pediculosis Pubis) เกิดจากแมลงตัวเล็กที่เรียกว่า pediculosis pubis อาศัยอยู่ที่ขนหัวเหน่า ชอบไซตามรากขนอ่อนและดูดเลือดคนเป็นอาหารผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการคัน เมื่อเกาจะทำให้เจ้าตัวเชื้อแพร่ไปยังบริเวณอื่นได้ การวินิจฉัยทำด้วยตาเปล่า จะพบไข่สีขาวเกาะตรงโคนขน ไข่จะมีลักษณะวงรี ส่วนตัวที่กินเลือดเต็มที่จะออกสีน้ำตาล ติดต่อได้จากการสัมผัสทางเพศกับผู้ป่วย หรือใช้กางเกงในด้วยกัน 12. พยาธิช่องคลอด (Trichomonas) เกิดจากเชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis ผู้ป่วยจะมีอาการตกขาวผิดปกติ มีสีเหลืองขุ่นหรือสีเหลืองเข้ม มีฟองอาการมีกลิ่นเหม็น เกิดการะคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ คันและปากช่องคลอด 13. เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis) เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Cannida albcans ทำให้เกิดระคายเคืองบริเวณช่องคลอด มีอาการตกขาวขุ่นจับเป็นก้อน อาจมีปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะร่วมเพศ 14. อื่นๆนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีโอกาสติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ โรคเหา กลาก เกลื้อนและโรคผิวหนังอื่นๆเช่น สังคัง ที่ไม่ทราบสาเหตุ

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วิธีการป้องกัน 1. ใส่ถุงยางอนามัย หากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่แน่ใจว่ามีเชื้อหรือไม่ 2. รักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ 3. ไม่เปลี่ยนคู่นอน ให้มีสามี หรือภรรยาคนเดียว 4. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้มีเพศสัมพันธ์อายุยังน้อยจะมีโอกาสติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง 5. ตรวจโรคประจำทุกปี เพื่อหาเชื้อโรค แม้จะไม่มีอาการใดๆ โดยเฉพาะผู้กำลังจะแต่งงาน 6. เรียนรู้ ศึกษาอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 7. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดโรคได้ง่าย 8. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หากจำเป็นให้สวมถุงยางอนามัย 9. ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย

วิธีปฏิบัติตัวของผู้ที่เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 1. ต้องรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค 2. แจ้งคู่นอนให้ทราบว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพื่อที่จะได้ป้องกัน ไม่ให้เชื้อแพร่ไปสู่คนอื่น 3. รักษาอาการและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด 4. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ หรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้การอักเสบลุกลาม 5. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ของมีนเมาทุกชนิด 6. ไม่ควรซื้อยามารักษาเอง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้การรักษาที่ถูกต้อง

แนวความคิด ทุกๆวันนี้ ศูนย์กามโรคต่างๆที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดถูกยุบลงหรือไม่มีอยู่เนื่องจาก รัฐบาลไหนๆจำไม่ได้ ได้ดำเนินการเปลี่ยนถ่ายอำนาจและแต่งตั้งให้มีสำนักงานควบคุมโรคติดต่อเขตต่างๆในประเทศไทย โดยให้มาควบคุมกำกับ ศูนย์กามโรค ศูนย์โรคเรื้อน ศูนย์วัณโรค ศูนย์มาลาเรีย ศูนย์โรคติดต่อทั่วไป (หนอนพยาธิ) ศูนย์ต่างๆเหล่านี้บทบาทในการทำงานลดลง ทั้งด้านบุคลากร งบประมาณ สถานที่ พาหนะ ทุกวันนี้โอนงานไปให้โรงพยาบาลชุมชน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โดยดูแลทั้งด้านงบประมาณและด้านวิชาการ การที่ผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะได้รับการดูแลและบำบัดโรค ไม่รู้จะไปรับการรักษาที่ไหนถูก ก็ต้องหันไปพึ่งร้านขายยาหรือคลินิก การควบคุมดูแลแหล่งแพร่ต่างๆหายไป ในสมัยก่อนสามารถเข้าไปให้ความรู้ด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และให้หญิง ชายที่ขายบริการทางเพศมาตรวจรวมทั้งผู้ที่เข้าไปใช้บริการและคู่รักที่จะแต่งงานในการเจาะเลือดและตรวจสุขภาพ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นโรคที่ทำลายสุขภาพ ทำให้สมรรถภาพในการทำงานลดลงและมีความกังวลในเรื่องที่เป็น ทำให้สุขภาพจิตเสียระหว่างอยู่ในครอบครัว และการหย่าร้างที่ตามมา โรคติดต่อทางเพสสัมพันธ์มีความจำเป็นต้องสอนให้เด็กๆได้เรียนและศึกษาและได้ความรู้ เพราะจะได้ป้องกันตนเองและบุคคลในครอบครัวในโอกาสต่อๆไป

หมายเลขบันทึก: 479697เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2012 07:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม 2012 19:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผมเคยมีอะไรกับผู้หญิงตอนนี้เลิกกันแล้ว8เดือนได้ ครับ เค้าโทรมาบอกผมว่า อวัยวะเพศเป็นอะไรไม่รู้ ตอนที่ผมมีเพศสัมพันธ์กับผู้หยิงคนนี้ ผมใส่ถุงทุกครั้งและผมก็ไม่ได้เป็น เหา กลาก เกลื้อน สังคัง ด้วย มันมีโอกาสเป็นโรคไหมครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท