ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอาชีพทางด้านการเกษตรมาเป็นเวลาช้านาน ในการเป็นประเทศผู้ผลิตนั้นรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อเศรษฐกิจในเรื่องของการส่งออกสินค้าทางด้านการเกษตรเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ส่งผลดีต่อเกษตรกรในการสร้างรายได้ในการทำการเกษตร ทำให้ประเทศมีความเจริญในด้านเศรษฐกิจในเรื่องของการเกษตร ตลอดจนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระบบอื่นๆอีกด้วย แต่เมื่อการค้าขายได้มีการขยายตัวมากขึ้น จากขนาดเล็กไปสู่ขนาดใหญ่ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในการทำการเกษตรของเกษตรกร จึงทำให้มีผู้คิดที่จะกอบโกยผลประโยชน์ที่มาจากการเกษตรในรูปแบบพ่อค้าคนกลาง ทำให้ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเกษตรกรประสบปัญหาถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกกดขี่ทางด้านของราคาสินค้าทางการเกษตร ผลที่ตามมาก็คือ ชาวบ้านที่ทำอาชีพเกษตรกรมีรายได้ที่ลดลงแต่ต้นทุกในการทำการเกษตรกลับสูงขึ้นซึ่งไม่คุ้มค่ากับการประกอบอาชีพ ดังนั้นชาวบ้านส่วนหนึ่งจึงหันไปประกอบอาชีพอื่นที่ไม่ใช่การเกษตร เช่น รับจ้าง โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น แต่ก็ยังมีชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ยังมีความคิดที่จะทำการเกษตรต่อเพราะครอบครัวประกอบอาชีพการเกษตรมาเป็นเวลาช้านานจึงไม่อยากที่จะเปลี่ยนอาชีพ จึงรวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรขึ้นเพื่อเป็นการรวมกำลังในการต่อรองการค้ากับพ่อค้าคนกลาง ให้กลุ่มคนที่มีอาชีพเกษตรกรมีอำนาจการต่อรองมากยิ่งขึ้นในการค้าขายสินค้า ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ ตำบลแหลม อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
หลังจากที่ชุมชนได้จัดตั้งกลุ่มกองทุนต่างๆในชุมชนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นกองทุนออมทรัพย์เพื่อการผลิต กองทุนรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร กลุ่มกองทุนน้ำหมกและป๋ยชีวะภาพเป็นต้น ทำให้ชาวบ้านมีทุนจากกลุ่มต่างๆที่ได้กล่าวมานั้น เป็นทุนทางชุมชนในการสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจและความสามัคคี ให้กับครอบครัวจากการร่วมมือ เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับกลุ่มกองทุนต่างๆและทำให้เป็นตัวอย่างของกลุ่มอาชีพอื่นๆได้นำไปปฏิบัติตามเพื่อเป็นแนวทางในการจัดตั้งและสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มอาชีพของตนเอง ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับครอบครัวให้เพิ่มขึ้นเท่านั้นแต่ยังทำให้ชุมชนมีความสามัคคี เนื่องจากชาวบ้านมีเวลาอยู่ด้วยกัน มีกิจกรรมทำร่วมกันมากยิ่งขึ้นสร้างความสัมพันธ์กัน ซึ่งในปัจจุบันตำบลแหลมมีกลุ่มองค์กรและทุนชุมชนในทุกหมู่บ้านทั้ง 10 หมู่ หลายกลุ่มด้วยกันจึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวบ้านมีความตื่นตัวอย่างมากในการมีส่วนร่วมของชุมชน ส่งผลดีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของชุมชน และหลังจากชุนชนตำบลแหลมจัดตั้งกลุ่มมาเป็นเวลานาน ทำให้กลุ่มต่างๆมีประสบการณ์ในการจัดการกลุ่มให้มีระบบที่สามารถเข้ากับวิถีชีวิตของชุมชนได้อย่างลงตัว ตำบลแหลมจึงเป็นตำบลที่มีความพร้อมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การจัดการ และความร่วมมือจนมาถึงทุกวันนี้
จะเห็นได้ว่าชุมชนที่มีกลุ่มหรือทุนชุมชนจะเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง เพราะชาวบ้านมีความสามัคคีมีการร่วมมือกันทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการประชุมกลุ่มก็จะมีการทำประชาสังคมเพื่อให้ชาวบ้านที่มีความคิดเห็นที่ต่างออกไปได้เสนอแนะข้อคิดเห็นและแนวคิดในการพัฒนากลุ่มได้ ซึ่งในชุมชนตำบลแหลมหลังจากที่กลุ่มต่างๆในชุมชนมีความเข้มแข็งทำให้ลูกหลานที่ได้ออกจากหมู่บ้านไป กลับมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมกับครอบครัว ไม่ต้องออกไปทำงานนอกหมู่บ้านของตัวเอง เกิดการพัฒนาในด้านของครอบครัวในมิติทางสังคม ทุกวันนี้ชุมชนตำบลแหลมมีความเข้มแข็ง อยู่ด้วยวิถีชีวิตที่พอเพียง ลูกหลานก็มีงานทำภายในชุมชน เพราะเกิดกลุ่มองค์กรทุนชุมชนขื้นในอดีตเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านในการต่อรองคาราสินค้าจนปัจจุบันกลุ่มองค์กรกองทุนต่างได้เป็นทุนที่หล่อหลอม วิถีชีวิตและชุมชนให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวของคนในชุมชนจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิง
สำนักพัฒนาทุนและองค์กรการเงินชุมชน.แนวทางการส่งเสริมการพัฒนาทุนชุมชนตามแนวพระราชดำริ:2555.สำนักพิมพ์ตะวัน.กรุงเทพ ฯ
ประกาศแผนสามปี (พ.ศ.2555-2557).ตำบลแหลม อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช
รายงานการวิจัยการฝึกงาน.ตำบลแหลม อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช.2554
เป็นความคิดเห็นที่ดีมากครับ คุณชลธิศ
เนื้อ หา ดี สามารถ นำมาปรับใช้ ในงานพัฒนาชุมชน ได้คร๊าบบ
อืมใช้ๆๆๆแล้ว ใช้การจัดการทุนชุมชนเพื่อให้ชาวบ้านได้มีส่วนรวมในการทำกิจกรรมในชุมชน การพัฒนาก็จะประสมผสำเร็จได้แล้วยังยืนอีกด้วย
เนื้อหาดีน่ะ เป็นแนวทางในการจัดการทุนชุมชน และชุมชนก็สามารถจัดตั้งกลุ่มขึ้นทำให้ชาวบ้านมีทุนทางชุมชนในการสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวและทำให้เป็นตัวอย่างของกลุ่มอาชีพอื่นๆได้เป็นแนวทางในการจัดตั้งและสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มอาชีพของตนเอง
ดีค่ะ เพราะทุนชุมชนเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญกับชุมชน หากมีการจัดการทุนที่ดีก็ทำให้ชุมชนมีการพัฒนาที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ชุมชนแหลมสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชุมชนอื่นได้เลย
สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานพัฒนาชุมชนได้
เป็นบทความที่ดี เป็นบทความที่สะท้อนแนวทางการพัฒนาชุมชน รวมถึงการดำเนินชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งชุมชนอื่นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ถือเป็นชุมชนตัวอย่างที่สมควรแก่การนำเป็นแบบอย่าง
เป็นบทความที่ดีมากค่ะ
เนื้อหาสามารถนำไปใช้ในงานด้านการพัฒนาชุมชนได้ สามรถสร้าความเข้มแข็งให้คนในชุมชนได้ ส่งผลให้ชุมชนเกิดศักยภาพและเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป็นบทความที่ดีครับที่นำเอาชุมชนมาเป็นแบบให้รู้ว่ากระบวนการที่จะทำให้เข้มแข็งทำยังไง
ขอบคุณ ทุกคอมเม้นมากครับ ที่ให้ชมและคำแนะนำ ขอบคุณครับ
ความสามัคคัของคนในชุมชนถือว่าเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคง ทำให้ชุมชนนั้นเกิดการพัฒนาที่ดีค่ะ
เป็นแนวคิดของการเริ่มต้นในการพัฒนา ที่ดีมากค่ะ
บทความที่กล่าวมา เป็นบทความที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันนี้ที่ทุกหน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ และชาวบ้านมีความตื่นตัวกันมากขึ้น ในการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในการพัฒนาชุมชนของตนเอง ให้เป็นทั้งผู้คิด วางแผน ดำเนินการงาน ประเมินผลในการพัฒนาโครงการต่างๆที่เข้ามาในชุมชน(bottom-up) เพราะชาวบ้านจะรู้ปัญหา ความต้องการที่แท้จริงนั้นดีกว่าคนภายนอก ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาในชุมชนนั้นๆๆ ส่งผลทำให้ชุมชนนั้นเข้มแข็งงและยั่งยืน
เนื้อหาดี สามารถนำมาปรับใช้ในงานพัฒนาชุมชนได้ ทำให้เห็นความสามัคคีของคนในชุมชนอันเป็นสิ่งที่จะทำให้งานพัฒนาชุมชนเกิดการขับเคลื่อน
การพัฒนาบนฐานทุนชุมชน นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เห็นด้วยกับผู้เขียนที่ว่า............กลุ่ม และ ทุนชุมชน เป็นรากฐานของการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หากการพัฒนาชุมชนปราศจากกลุ่ม การพัฒนาก็เปลี่ยนเสมือนขาด แขน ขา ในการดำรงตน
เป็นแนวคิดที่ดีในการจัดทุนชุมชน ทำให้กลุ่มได้เรียนรู้อุปสรรคและสามารถผ่านวิกฤต นำไปสู้การเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรมและสามารถต่อยอดไปพัฒนาด้านต่างๆ ในชุมชนตัวเองและชุมชนรอบข้างได้
เป็นแนวคิดในการพัฒนาชุมชนที่ดี จะเห็นว่าถ้าหากรากฐานชุมชนแข็งแรงก็จะผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้และนำอุปสรรคเหล่านนั้นมาเป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป
สนับสนุนกับผู้เขียนครับ....ทุนกับกลุ่มมีความสัมพันธ์กันมาก ถ้าหากว่าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปอาจจะทำให้เกิดงานพัฒนาได้ไม่สมบรูณ์
กลุ่ม คือ พลังขับเคลื่อนที่ดีมากในการพัฒนา