นอกจากเรื่องพลังงานแล้วประเทศมหาอำนาจทั่วโลกยังให้ความสำคัญกับเรื่องเพาะปลูกพืชไร่ไม้ผลเพื่อผลิตเป็นอาหารใว้ป้อนประชากรภายในประเทศตนเองเพื่อใช้ในการบริโภค ไม่พอแถมยังมีการเพาะปลูกพืชพลังงานไว้สำหรับผลิตพลังงานทางเลือกอย่างเช่นแก๊สโซฮอล์, ไบโอดีเซล เพื่อป้อนเครื่องจักรเครื่องยนต์อีกด้วย
โลกปัจจุบันนับวันยิ่งหมุนเร็ว
ส่ิงต่างๆก็หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงฉับไวไปในหนทางที่แตกต่างตามสายทางของละบุคคล
แต่ละหน่วยงานองค์กรหรือแต่ละประเทศ
บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกขาดทุนมหาศาลหลายหมื่นหลายแสนล้านดอลลาร์อย่างที่ไม่เคยปรากฏทั้งของญี่ปุ่น
ยุโรปและอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น โนเกีย โซนี่ พานาโซนิค
ชาร์ปและยังมีอีกหลายบริษัทเท่าที่ได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์รายวันทั้งหัวสีและขาวดำ
ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อิ่มตัวจากผลงานความสำเร็จอย่างสูงในอดีตจึงอาจทำให้ขาดแรงกระตุ้นจูงใจในการขับเคลื่อนไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
เหมือนอย่างในประเทศเกาหลี ใต้หวัน และจีน... แอปเปิ้ล
ย้ายฐานการผลิตมาสู่จีนนอกจากต้องการลดต้นทุนเรื่องค่าแรงแล้ว
ยังต้องการหลีกหนีภาษีมหาโหด แรงงานไร้ฝีมือแต่่เรื่องมาก
ต่อรองเก่งมากกว่าทำงาน
แต่อรงงานในจีนสามารถตื่นขึ้นมาทำงานได้เกือบ 24 ชั่วโมง
ทำให้แอปเปิ้ลมีศักยภาพด้านการแข่งขันเหนือบริษัทในกลุ่มสื่อสารขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นี่คือตัวอย่างที่เป็นน้้ำจิ้มในการปรับตัวให้ทันและสอดคล้องกับสถานการณ์โลก
ใครสนใจเรื่องราวฉบับเต็มก็สามารถหาซื้ออ่านได้ในหนังสือชีวประวัติของ
สตีฟ จ๊อบ มีทั้งแบบออนไลน์และไม่ใช่อีบุ๊กให้เลือกอ่านตามใจชอบ
ประเทศจีนมีการตื่นตนปรับตัวในเรื่องทรัพยากรและพลังงานอย่างมาก
มีการจัดตั้งบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ขึ้นมาทีเดียวพร้อมกันถึง 3
บริษัททำหน้าที่แตกต่างกัน มีทั้งทำหน้าที่ดูด หน้าที่กลั่น
หน้าที่สำรวจขุดเจาะค้นหาและลงทุนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
เท่านี้ยังไม่พอยังมีโครงการที่จะสร้างเขื่อนขังน้ำเอาไว้ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเดิมเพื่อรองรับความต้องการของประชาชนภายในประเทศมากยิ่งขึ้น1,350
ล้านคน ขนาดจีนมีทั้งถ่านหิน
ทั้งน้ำมันและแร่ธาตุทรัพยากรมหาศาลยังมีการวางแผนเตรียมตัวมากมายถึงเพียงนี้
ลองคิดเล่นๆกันดูนะครับว่าประเทศเราทำอะไรคืบหน้าไปบ้างนอกจากเรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง...
นอกจากเรื่องพลังงานแล้วประเทศมหาอำนาจทั่วโลกยังให้ความสำคัญกับเรื่องเพาะปลูกพืชไร่ไม้ผลเพื่อผลิตเป็นอาหารใว้ป้อนประชากรภายในประเทศตนเองเพื่อใช้ในการบริโภค
ไม่พอแถมยังมีการเพาะปลูกพืชพลังงานไว้สำหรับผลิตพลังงานทางเลือกอย่างเช่นแก๊สโซฮอล์,
ไบโอดีเซล เพื่อป้อนเครื่องจักรเครื่องยนต์อีกด้วย
จึงมีการใช้ทรัพยากรแร่ธาตุทางภาคเกษตรค่อนข้างมากโดยเฉพาะจีนและอเมริกา
จึงส่งผลให้ราคาปุ๋ยเคมีทั่วโลกขยับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากตัวเลขราคาในห้วงสองสามปีที่ผ่านมา
เกษตรกรพี่น้องชาวนาไ่ทยควรหันมาใส่ใจกับความเปลี่ยงแปลงผันไปของโลกบ้างไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะปี 2558
เราจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์แบบ
(ความจริงการรวมกันมีวัตถุประสงค์เพื่อพึ่งพิง
พึ่งพาสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในอาเซียนมิใช่หรือ
แต่ทำไมเราจึงกลัวและมีความรู้สึกว่าจะต้องมีการแก่งแย่งแข่งขันแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองเพียงอย่างเดียว...สงสัยจะคิดมากไปเอง)
วิธีการนำปุ๋ยที่มีราคาแพงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดในภาคการผลิตจึงเป็นเรื่องที่ดี
เพราะเรายังไม่สามารถผลิตปุ๋ยเคมีเองได้
จึงยังต้องนำเข้ามาเพื่อใช้ในการเพาะปลูกปีหนึ่งก็เป็นหมื่นล้าน
เพราะฉะนั้นจะต้องใช้ปุ๋ยที่นำเข้าเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยการทำปุ๋ยที่ละลายเร็วให้อยู่ในรูปที่ละลายช้า
ด้วยวิธีการนำมาผสมกับหินแร่ภูเขาไฟ (พูมิช, สเม็คโตไทต์,
ไคลน๊อพติโลไลท์). ในอัตราปุ๋ยเคมี 100 กิโลกรัม ต่อหินแร่ภูเขาไฟ
10-20 กิโลกรัม นำปุ๋ยมาเทกองกับผ้าใบหรือพื้นซิเมนต์
ฉีดพ่นหรือสเปรย์น้ำพอชื้นโกยกลับไปกลับมาให้ทั่วแล้วจึงโปรยหินแร่ภูเขาไฟใส่ลงไปไปพร้อมกับการโกยกลับไปกลับมาให้คลุกเคล้าผสมกันอย่างทั่วถึง
หินแร่ภูเขาไฟจะกลมกลืนเคล้าเคลือบไปกับเม็ดปุ๋ยจนความชื้นหมดลดลงจึงนำไปใส่กระสอบเก็บไว้ใช้ได้ตามต้องการ
หรือใครจะใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วยหรือฮอร์โมนไข่แทนน้ำในการฉีดพ่นก็ได้
ใครสนใจทางเลือกนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อปุ๋ยละลายช้าจากต่างประเทศที่ยี่ห้อลงท้ายด้วยนั่นโค้ท
นี่โค้ทก้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
www.thaigreenagro.com.
โทรศัพท์
0-2986-1680-2
มนตรี บุญจรัส