ผมได้คิด เขียน มามากหลาย ว่า ความรัก เป็นต้นตอของความเกลียด เช่น เพราะรักขม จึงเกลียดหวาน รักมันจึงเกลียดเปรี้ยว
คนเราถ้ามี เป็น หรือ ชอบอะไรเหมือนกันก็จับเป็นกลุ่มเดียวกัน ทำให้เกิดการแบ่งกลุ่ม ประเทศ แล้วก็นำสู่การรบกันในที่สุด เช่น ในอินเตอร์เน็ททุกวันนี้ก็มีการแบ่งเป็นกลุ่มกันมากหลาย
การแบ่งกลุ่มเกิดจากความชอบ จริต ที่เหมือนกัน ...และการชอบก็คือความรักนั่นเอง
ผมจึงเสนอว่าสงครามนั้นไม่ได้เกิดจากความเกลียด แต่เกิดจากความรัก นะครับ
วันนี้เรามีวันแห่งความรัก (๑๔ กพ. ทุกปี) แต่ผมอยากเสนอให้มี “วันแห่งความเกลียด” ซึ่งผมว่าเราจะได้ประโยชน์จากวันแห่งความเกลียดมากกว่าวันแห่งความรักเสียอีก ไม่เชื่อลองดู
เช่น ภาคใต้นั้น แต่ละปีเราเปิดให้มีวันแห่งความเกลียด (เอาเป็นวันที่ ๑๑ เดือน ๙ ก็ได้ 911) ใครใคร่ปาระเบิด..ปา ใครอยากปล้นฆ่า..ฆ่า อยากดูซิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมว่ามันคงสงบมากเลยในวันนั้น
เพราะความเกลียดก็นำสู่ความรักได้
สมณโคดมจึงเสนอว่า การอยู่เหนือความรักและความเกลียด คือสิ่งประเสิรฐสูงสุด นั่นแล
...คนถางทาง (๑๘ กพ ๒๕๕๕)
หากจะกล่าวว่า
ความรักเป็นเหมือนเหยื่อ นับเป็นอีกเรื่องที่น่าคิดต่อนะครับ
วันแห่งความเกลียด ว้าว เท่ห์ นะคะอาจารย์
นึกถึง เวลามีความแค้น จากแรง สบประมาท ทำให้เรา ฮึกเหิม และอยาก เอาชนะ คำพูดนั้น
วันนี้ปูพูดว่า เกลียดผงชูรสเข้ากระดูกดำ เพราะมันทำลาย หลายๆ สิ่งอย่างในสังคม :)
55555555555 ว่าจะไม่ขำแล้วนะ เพราะพรุ่งนี้ต้องเจอ..........
คงสนุกพิลึกดีครับ....