ขอเขียนในมุมของรุ่นน้องเภสัชกร ที่แม้ไม่ค่อยได้ใช้ความรู้ความสามารถในการจ่ายยา ที่มีโอกาสได้นั่งฟัง พี่โอเล่ เภสัช รพร.ท่าบ่อ นำเสนองานวิจัย ที่ท่านทำ แล้วทำมาแชร์ ณ เวที R2R โดยการนำของ อ.กะปุ๋ม
ท่านเล่าอยู่สองเรื่องคือ การจัดการคนไข้ที่ใช้ยา wafarin
ซึ่งจะใช้เวลาคุยกับเภสัชกรนานไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงต่อคน แถมเภสัชกรยังต้องกรอกเอกสาร กรอกข้อมูลซ้ำหลายฉบับ วัน ๆ คนไข้มาประมาณ 25-30 คน เภสัชที่ออกตรวจแทบไม่ได้กินข้าว เพราะคนไข้มาเช้ากว่าจะเสร็จกระบวนการก็บ่ายสาม
ด้วยใจที่แคร์คนไข้ และตั้งใจพัฒนางาน ท่านจึงคิดทำ R2R ลดงานที่ซ้ำซ้อน
ชวนน้องเภสัชอีกคนที่ทำงานด้วยกันช่วยกัน
พอลงมือทำผลปรากฏว่า
จากเดิมที่ไม่ได้กินข้าว ก็มีเวลาได้กินข้าว
นี่เป็นตัวชี้วัดความผาสุกง่ายเลยค่ะ
อ.กะปุ๋มจึงแนะนำเพิ่มเติมว่าเข้าหลัก LEAN R2R แล้วก็เชียร์ให้นำงานนี้ส่งเข้า มหกรรม R2R ด้วยค่ะ
อีกเรื่องเห็นว่าท่านเตรียมจะเอาไปในเสนอในงาน cardiac forum ในอาทิตย์หน้า รู้สึกจะเรื่อง “ผลการศึกษาการใช้ยารักษา ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันใน โรงพยาบาลชุมชนสู่การส่งเสริม การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล” สาเหตุมาจากคนไข้กลุ่มนี้เวลามาก็มักจะมีอาการรุนแรงแล้วท่านจึงมีคำถามกับตนเองว่า “เขามาช้าไปไหม หรือ เราดูแลเขาไม่ดีพอ” คนไข้เป็นแล้วช่วยเหลือไม่ทัน จนเกิดกระบวนการค้นหาสาเหตุของปัญหา เข้าไปแก้ทีละจุด พัฒนาไปด้วยกันทั้งสหวิชาชีพ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องทั้งทีมแพทย์ทั่วไปและอายุรกรรม พยาบาล จนคลอดงานที่เอื้อประโยคต่อคนไข้และเจ้าหน้าที่ นี่ซินะที่เขาเรียกว่า “Using Staff Talent” ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอย่างเต็มที่ ขอบพระคุณค่ะที่มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นต้นแบบ R2R งาม ๆ ให้รุ่นน้องก้าวตามเรียนรู้ต่อไป
น่าสนใจ น่าชื่นชม ทั้งเรื่องราวและตัวชี้วัดครับ
จากเดิมที่ไม่ได้กินข้าว ก็มีเวลาได้กินข้าว
นี่เป็นตัวชี้วัดความผาสุกง่ายเลยค่ะ
...
ง่ายและงาม
ความสุขของคนทำงานแบบนี้ส่งผลต่อตัวชี้วัดของผู้ป่วยได้
เพราะ ไม่หิว -> ลดความผิดพลาด -> ผู้ป่วยได้ประโยชน์
มาเชียร์ R2R ด้วยคน สุนทรียวิถี กับ AR2R