ตอนผมเป็นประธานติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามกลยุทธ์ของเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งติดตามต่อเนื่องมาทุกปี ส่วนใหญ่จะไปทางภาคเหนือและภาคอีสาน ไปเยี่ยมโรงเรียนใดก็ดีใจที่เห็นครูเราได้เลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้นกันมากมาย บางแห่งได้เลื่อนกันทั้งโรงเรียน ที่ยังไม่ได้คือเงินเดือนยังไม่ถึง แต่พอดูผลการประเมินสัมฤทธิผลทางการเรียนของนักเรียนทั้งรายโรงเรียน และทั้งเขตพื้นที่ ก็พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนยังต่ำอยู่ ผมเลยมีประเด็นเชิญชวนให้ทุกเขตพื้นที่ที่ผมไปเยี่ยมนำไปคิดหาคำตอบ 2 ข้อคือ
1. อยากให้ทำวิจัยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวิทยฐานะที่สูงขึ้นของครูและบุคลากรทางการศึกษา(ทุกตำแหน่ง)กับการเพิ่มขึ้นของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
2. อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา จะมีส่วนส่งเสริมให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นได้อย่างไร
ดีใจที่หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินฉบับใหม่ล่าสุด ที่เรียกกันติดปากว่า ว.17 ออกในปี พ.ศ. 2552 ที่มีการปรับปรุงวิธีการประเมินใหม่ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านวินัยคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ ด้านคุณภาพการปฏิบัติงาน และด้านผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะด้านผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ ในส่วนของผลการปฏิบัติงาน ซึ่งจะประเมินจากผลการจัดการเรียนรู้ ผลการพัฒนาวิชาการ และผลที่เกิดกับผู้เรียน อีกส่วนหนึ่งก็คือ ผลงานทางวิชาการที่จะต้องสอดคล้องกัน
อย่างไรก็ตามการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะวิธีนี้ จุดชี้ขาดก็ยังอยู่ที่การเขียนผลงานทางวิชาการ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของครูและบุคลากรทางการศึกษาหลายๆคน บางคนทำงานเก่งแต่เขียนไม่เก่ง ก็พลาดโอกาสนี้ไป บางคนทำงานเก่งด้วยและเขียนเก่งด้วยก็สมควรผ่านการประเมินอย่างยิ่ง แต่ยังมีเสียงวิจารณ์กันหนาหูว่า มีคนที่ผ่านการประเมินไม่น้อยที่ทำงานก็ไม่เก่งแต่เขียนเก่ง และบางคนทำงานก็ไม่เก่ง เขียนก็ไม่เก่ง แต่ทำไมผ่านการประเมินก็ไม่รู้?
(ติดตามการให้สัมภาษณ์ของครูส่วนหนึ่งในตอนต่อไปครับ)
ไม่มีความเห็น