การศึกษา


เรียน ศึกษา

ถึงนักเรียน นักศึกษาทุกคน

วันนี้ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเสนอ เกร็ดในการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ

...

1. การเรียนที่ถูกต้องต้องมีเป้าหมายคือวิชาความรู้ ไม่ใช่เป้าหมายอยู่ที่ "การจบการศึกษา"

นักเรียนหลายคนต้องการเรียนเพียงเพื่อจบการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้สนใจที่ตัวเนื้อหาวิชาแม้แต่น้อย การเรียนแบบนี้มีข้อดีน้อยกว่าข้อเสียหลายเท่านัก

ขอยกตัวอย่าง ให้นักเรียนเห็นตามความเป็นจริงว่า

         สมมุติว่ามีนักศึกษาวิศวกรรมเรียนวิศวะเพียงเพื่อต้องการปริญญาแล้ว จะเป็นวิศวกรที่มีความรู้ สามารถนำไปสร้างสรรได้อย่างไร การสอบวัดผลเป็นแค่กระบวนการชี้วัดอย่างหยาบเท่านั้น บางคนท่องหนังสือก็สามารถสอบได้ แต่ภายหลังก็สามารถลืมได้ หรือความรู้มีเท่าที่ไปสอบ ไม่สามารถประยุกต์ได้

         ผมเชื่อว่าการเป็นวิศวกรนั้น ไม่ได้เป็นได้เพราะอาจารย์ของเราบอก คนรอบข้างบอก คนอื่นๆบอก แต่เป็นได้เพราะเราเป็นเอง เรามีความรู้ความสามารถคู่ควรกับสาขาวิชานั้น จริงๆ

         เปรียบเสมือนน้ำเปล่าที่บรรจุอยู่ในขวด ไม่ว่าจะเอาฉลากมาติดว่าเป็น น้ำส้ม น้ำมะนาว เหล้า สุรา ไรแล้วแต่อย่างไร น้ำเปล่าก็ยังคงมีสมบัติเป็นน้ำเปล่าไม่เปลี่ยนแปลง

2. อย่าโทษสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้

         สิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ ได้แก่ เพื่อน อาจารย์ เนื้อหา ห้องเรียน โรงเรียน ชื่อเสียงโรงเรียน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นแค่องค์ประกอบ ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดในความรู้ที่เราจะได้ เพราะ ปัจจุบันนี้ เราสามารถค้นหาองค์ความรู้ได้จากทั่วโลก เราสามารถ download lecture จากมหาลัยดังๆได้ เรามีระบบค้นหาข้อมูลที่ทันสมัย

         ผมอยากให้ผู้ศึกษาคิดเสียว่า เราซึ่งเป็นผู้ศึกษา ถ้าอยากจะรู้อะไรแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาห้ามเราได้

        เพื่อนจะชวนไปเล่นเกมส์ก็ปล่อยเพื่อนไป

        อาจารย์จะมาสาย พูดไม่รู้เรื่อง ก็คิดว่ามีข้อดีอยู่ คือให้เราได้มีโอกาสไปศึกษาเอง

        ห้องเรียน จะร้อนจะหนาวไปซักหน่อย ก็เป็นความท่าทาย

        ขอให้นักศึกษาจำให้มั่นว่าอย่ากลัวที่จะเผชิญกับปัญหา หรือความลำบาก ให้คิดว่าปัญหาคือสิ่งที่เราต้องพุ่งชน และแก้ไขมัน และจะทำให้เราแกร่งขึ้น

3. การใช้หลักกาลามสูตร ในการตัดสินใจเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราจะเรียนรู้

        ในสมัยที่ผมเรียนอยู่นั้น ผมคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่อาจารบ์สอน หรือตำราบอกยังไม่จริงจนกว่าเราจะเข้าใจได้เอง

        ทีนี้มันก็อาจจะมีความรู้เชิงลึกมากที่ปัญญาเราไม่สามารถเข้าใจได้ เช่นการแก้ปัญหาอนุพันธที่ซับซ้อน แต่ก็ขอให้พยายามเข้าใจว่ามันมีที่มาอย่างไร สิ่งที่เราไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร

        บางครั้งความไม่เข้าใจ ก็มีส่วนดีอยู่เหมือนกัน มันเป็นแรงผลักดันให้เราศึกษาหาความรู้ บางครั้งผมต้องการจะศึกษาอะไรซักอย่างหนึ่ง ผมก็เริ่มด้วยคำถามมากที่ไม่รู้จะมีคำตอบหรือไม่ แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าเรามีคำถามแล้วคำตอบก็จะอยู่ไม่ไกล ครับ

4. การตั้งจุดหมายและหล่อเลี้ยงกำลังใจของตนเอง

        นี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับ บางครั้งผมคิดว่าส่วนหนึ่งของเด็กที่พ่อแม่ตามใจทุกอย่าง ไม่มีการบังคับ หรือบังคับมากเกินไปจนเด็กไม่เห็นทางที่ตนเองจะประสบควาสำเร็จ กลับเป็นการกำจัดกำลังใจของเด็ก ทำให้เกิดความท้อแท้

        ตัวอย่างกำลังใจของผมในตอนเด็ก อาจจะฟังดูเด็กมากๆจริงๆนะครับ แต่ผมจะเล่าให้ฟัง คือตอนเด็กๆผมชอบเล่มเกมส์คอมพิวเตอร์มากๆ ครับ เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปนะแหล่ะ แต่อาจจะมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย คือกลับบ้านมาเมื่อไหร่ก็เล่น เกมส์ เสาร์อาทิตย์ก็เล่นเกมส์ทั้งวัน

       และตอนเด็กๆ เกมส์ต่างๆมันมีราคาแพงมาก เกมส์ปัญญาอ่อนเนี้ย หลายร้อยนะครับ ผมเลยคิดว่า ถ้าผมตั้งใจเรียนแล้วหาเงินได้เยอะๆผมก็จะได้เล่นเกมส์ตลอดไป อืมมฉลาดไหมหล่ะ จากนั้นผมก็กลายเป็นเด็กหวังน้ำบ่อหน้า ผมแบ่งเวลาตัวเอง(พ่อแม่ไม่ได้ห้าม ไม่ได้ยุ่งเลยครับ) ผมบอกตัวเองว่าจะไม่เลานเกมส์วันธรรมดา ช่วงเอนทรานผมเอาเครื่องเกมส์ไปซ้อนไว้ในตู้เสี้ยผ้า เพื่อให้ตัวเองมีสมาธิ ตั้งใจอ่านหนังสือ และมันก็ได้ผลนะครับ ผมสามารถสอบติดคณะในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้

       แต่หลังจากที่ผมมีพฤติกรรมอันบากบั่นในการอ่านหนังสือทำให้ผม เล่นเกมส์น้อยลงๆครับ

      นี้เป็นตัวอย่างของการให้กำลังใจตัวเองนะครับ ถ้าเราหากำลังใจของตัวเองเจอ ผมเชื่อว่ามันจะเป็นแรงผลักดันให้ทำสิ่งต่างๆสำเร็จครับ

5. ผู้รู้คือผู้ไม่รู้ ผู้ไม่รู้คือผู้รู้

      อย่างงนะครับ หลักก็คือ ผู้รู้ก็เปรียบเหมือนน้ำเต็มแก้วครับ ถ้าเราเดินเข้าไปเรียนรู้อย่างผู้ที่เป็นน้ำเต็มแก้ว เราจะไม่มีทางรู้อะไรเลย เราจะไปสอนผู้อื่นเสียมากกว่า

 แต่ถ้าเราไอย่างผู้ไม่รู้เราจะมีโอกาสได้พบมุมมองใหม่ๆอย่างแน่นอน

      อีกประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวกับหัวข้อนี้คือเรื่อง อีโก้ ความถือตัวว่าเป็นผู้รู้ครับ การลดอีโก้หรืออัตตาก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราควรทำและบอกตัวเองอยู่เสมอนะครับ ผมว่ามีประโยชน์มากเลยครับ 

         สุดท้าย ขอให้นักศึกษาที่ได้อ่านข้อความข้างต้น ไม่ต้องเชื่อ แต่ให้พิจารณาดูเองว่าสิ่งที่ควรทำให้เหมาะสมกับจริต นิสัยของท่านเป็นเช่นไร สาธุ

คำสำคัญ (Tags): #เรียน
หมายเลขบันทึก: 477007เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2012 10:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 21:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท