“ผู้นำ” เกิดขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ ท่านล่ะ? เป็นผู้นำหรือเป็นผู้ตาม?
เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือหรือรอคอยการช่วยเหลือ?
หากท่านอยากสบาย เชื่อว่าอยากเป็นผู้ตามและผู้รอการช่วยเหลือ
ไม่ใช่ความผิด แต่นั่นเป็นความคิดสบาย เพียงชั่วครั้งชั่วคราว
ใครเล่า? จะช่วยเหลือท่านได้ตลอดเวลา
ยามเกิดวิกฤต ทุกคนต่างเอาตัวเองให้รอดกันให้ได้ก่อน
เห็นแก่ตัวคือเรื่องแรก เรื่องส่วนรวมคือเรื่องรอง
แต่จะเห็นแก่ส่วนใดมากน้อยแค่ไหน
อยู่ที่ความพึงพอใจและความกดดันในชื่อเสียงของท่าน และสิ่งแวดล้อม!
ผู้นำไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพียงแต่ต้องเริ่มต้นรู้จัก “นำชีวิตตัวเอง” ให้แข็งแกร่งเสียก่อน
และแนะนำว่า ท่านไม่ควร แสดงเจตจำนงในการเป็น “ผู้รอความช่วยเหลือ”
แต่ท่านต้องแสดงความสามารถเพื่อแลกกับการช่วยเหลือ
และยังเป็นการแสดงถึงคุณภาพในตัวของท่าน
เช่น เล่นดนตรี ร้องเพลง นำกิจกรรม สอนวิชาชีพต่างๆ ที่ท่านสามารถทำได้
ซึ่งกิจกรรมมีประโยชน์ทั้งหลายที่มีอยู่ในตัวของท่าน
จะทำให้ช่วงเวลาวิกฤต กลายเป็นโอกาสแก่ท่านเอง
ศรัทธา ไม่มีท้อ
ความสามารถที่ท่านมีจะนำพาบุคคลดีๆ มีคุณภาพมาสู่ตัวท่านอย่างมากมาย
และท่านจะไม่ได้อยู่ในฐานะผู้อพยพ และจะถูกเลื่อนสถานะให้กลายเป็น “อาจารย์” หรือ “ผู้เชี่ยวชาญ”
ได้รับความรัก ความเคารพศรัทธาจากผู้คนจำนวนมาก
แล้วหลังจากน้ำลด ท่านอาจจะได้โอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินชีวิต
มีคำกล่าวว่า “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส” และทุกโอกาสย่อมเกิดวิกฤต
ขึ้นอยู่ที่ท่านจะขื่นขมกับอดีต หรือเดินหน้ากำหนดอนาคตและความสำเร็จของชีวิตต่อไป
ความศรัทธาในการมีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องที่มนุษย์บนพื้นโลกต้องตระหนักให้ชัดเจน
มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานหรืออยู่เฉยๆ แต่มนุษย์เกิดมาเพื่อเพิ่มความสามารถและเปลี่ยนแปลงโลก
นั่นเป็นเพราะความศรัทธาที่ยังพลุ้งพล่านในตัวตน
ทำให้ไม่ยอมที่จะเป็นผู้รับการช่วยเหลือ
แต่จะยกระดับชีวิตของตัวเองด้วยการ “ช่วยเหลือผู้อื่น”
เพราะ “ผู้ให้ย่อมได้มากขึ้น”
สิ่งที่ได้ไม่อาจตีค่าเป็นเงินทอง ทรัพย์สมบัติต่างๆ ดังที่ท่านๆ อาจจะเข้าใจกัน
แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือ
มิตรภาพ การยอมรับนับถือ ความศรัทธาของมหาประชาชน
น้ำใจที่ท่านจะได้รับจากผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก
อยู่เฉยๆ เสียเวลา
ในโอกาสดีๆ เช่นนี้ ถือเป็นโอกาสใช้พลังแห่งคานผ่อนแรง
เพื่อช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในชีวิต ทำไมผมถึงกล่าวเช่นนี้?
เพราะ การทำความดีหรือแสดงความสามารถได้เหมาะสมกับโอกาส
เป็นโอกาสที่ท่านจะแสดงความสามารถออกมาโดยที่ไม่ต้องกังวลว่า
ใครจะตำหนิหรือมองว่าท่าน “ไม่เหมือนคนอื่น”
ก็เพราะช่วงวิกฤตเช่นนี้ ความไม่เหมือนคนอื่น
สามารถสร้างความสุข ความสนุกสนาน ลดความเครียดให้กับผู้คนได้อีกมาก
ท่านได้มอบสิ่งดีๆ แก่ผู้คนนับร้อยนับพัน และผู้คนนับร้อยนับพันนั้นรู้จักท่านทั้งหมด
แม้ว่าท่านจะไม่รู้จักทุกคนก็ตาม
เป็นธรรมดาของ “ผู้นำ” “ผู้สอน” หรือ “ผู้แนะนำ”
ที่ไม่สามารถจดจำผู้เรียนหรือผู้รับความรู้ได้ทั้งหมด
ผมจึงอยากจะเรียนให้ท่านได้ทราบว่า “เมื่อท่านมีความสามารถ ท่านต้องกล้าเป็นผู้นำ”
หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่า ไม่อยากเด่น ตามที่ได้รับการปลูกฝังกันมา
แต่ผมจะให้ท่านทราบว่า “การอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย...เสียเวลาครับ”
เพราะเวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านไป ท่านเคยทำอะไรบ้าง?
แต่เดี๋ยวนี้ ท่านกลับไม่ทำอย่างที่ท่านทำ
เช่น เดินทางไปทำงาน แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤต
กลับเป็นข้ออ้างที่ท่านไม่ไปทำงาน
แรกๆ ท่านอาจจะชอบใจ เพราะได้พักผ่อน
หลังจากที่ไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลานาน
แต่เมื่อผ่านไปสัก 1 สัปดาห์
ท่านจะเริ่มเกิดความเครียด เพราะอยู่บรรยากาศเดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ต้องการเงินแต่ไม่ต้องการเงิน
“ท่านต้องการเงินไหม?”
แน่นอน ร้อยทั้งร้อยต้องการเงิน ท่านต้องการเงิน
แต่ท่านไม่ต้องการเงิน งงไหม...?
แน่นอน! เป็นใครก็งง หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่า ท่านต้องการเงิน เพื่อมาใช้ในการดำเนินชีวิต
แต่ในช่วงวิกฤต ท่านกลับอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์
ก็แสดงว่า “ท่านไม่ต้องการเงิน”
“ท่านทำงานเพื่ออะไร?” ทำงานก็เพื่อให้ได้เงินมาใช่หรือไม่?
แล้วเมื่อท่านไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง ท่านหวังหรือว่าจะได้อย่างที่ท่านต้องการ?
เมื่อกองกำลังน้ำมหากาฬ บุกกระชับพื้นที่บ้านของท่าน
จนเป็นสาเหตุให้ไม่สามารถทำงานและปฏิบัติภารกิจประจำวันได้ตามปกติ
ไม่ว่าท่านจะประกอบอาชีพอะไร พ่อค้า แม่ค้า พนักงานบริษัท ข้าราชการ หรือธุรกิจส่วนตัว
และอีกมากมายหลากหลายอาชีพ
จึงเป็นข้ออ้างอย่างดียิ่งในการ “อู้งาน” หรือ “ขี้เกียจ”
เมื่อท่านไม่ทำงาน แต่ ท่านปรารถนาจะได้เงิน
และเมื่อท่านต้องการเงิน แต่ท่านไม่ปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับเงินที่จะไหลมาหาท่าน
การกระทำที่สวนทางกับความคิดในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้
ย่อมทำให้ท่านไม่ได้อะไรเลย!
วิกฤตด้วยน้ำหรือไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน
อย่าได้มีข้ออ้าง ท่านทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น
แต่เวลานี้ ท่านอาจจะแลกเปลี่ยน
แม้ไม่ใช่เพื่อ “เงิน” แต่ก็เพื่อความอยู่รอด
และต้องเป็นการอยู่รอดแบบสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ นั่นคือ
“ช่วยเหลือตามความสามารถที่มี”
เกิดเป็นมนุษย์ไม่น่าหยุดเพียงแค่นี้!
ได้ชมข่าวเด็ดจากสื่อกระแสหลักช่องหนึ่ง!
ข่าวว่า หมู่บ้านแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
ถูกกองกำลังน้ำมหากาฬกระชับพื้นที่จนไม่สามารถอยู่ในบ้านได้
กลุ่มคนจำนวนหนึ่งเมื่อทราบว่าในบ้านไม่เหมาะควรที่จะอยู่อาศัยอย่างสะดวกสบายอีกต่อไป
จึงย้ายที่พักพิงไปนั่งๆ นอนๆ ริมถนนใหญ่หน้าหมู่บ้าน
เพื่อรอรับการบริจาคจากผู้คนที่ผ่านไปมา
และสื่อต่างๆ ที่จะมาทำข่าว! โดยไม่ได้ทำอะไรเลย!
รอ รอ รอ wait wait wait เพียงอย่างเดียว
ในความเป็นจริงและสามัญสำนึกที่ดี
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ควรจะต้องทำอะไรที่เป็นการจรรโลงสังคมหรือชุมชนแถวนั้นบ้าง
อ๋อ! หรือ ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จะเป็นหน้าด่านคอยตรวจสอบผู้เดินทางผ่านเข้าออกหมู่บ้าน
แต่ในความเป็นจริงคงไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่ๆ
ท่านทั้งหลายเหล่านั้น สามารถปฏิบัติภารกิจ “การรอ” ได้เป็นอย่างดี
และแทบจะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการ “รอ” ให้มีผู้วิเศษอันเชิญอาหารและถุงยังชีพมาให้ทุกๆ วัน
พร้อมด้วยคำพูดที่หลุดออกมาว่า
“ไม่รู้จะไปไหนดี เข้าในบ้านก็ไม่ได้ จะไปก็ห่วงของ เลยนั่งรอคนมาบริจาคนี่แหละ”
เป็นคำตอบที่วิเศษที่สุด ของช่วงเวลาวิกฤต ของฟรีไม่มีในโลก
แต่คนไทยแสดงให้เห็นแล้วว่า “สามารถ”
หากทุกท่านในโลกใบนี้ ต้องโดนวิกฤตหนัก
คิดแบบเดียวกันหมดทั้งประเทศ ไม่สนใจใคร เอาตัวรอดได้ และรอการช่วยเหลือ
ต่างฝ่ายต่างรอคอยกัน จะเป็นเช่นไร เพราะจะไม่มีใครโผล่มาช่วยเลย
ผมอยากจะทราบเหมือนกันว่า
“ท่านทั้งหลายเหล่านั้น”
จะยังคงนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ รอการช่วยเหลืออีกหรือไม่?
แบบนี้น่าจะให้กองกำลังมหากาฬกลืนหายไปเสีย!!
เสียดายพื้นที่ที่ให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้อยู่กินฟรีๆ
ขนาดปากท้องของท่าน ท่านยังไม่รัก ไม่สนใจ ใส่ใจ
แล้วใครจะมาดูแลท่านได้ทุกวันทุกเวลาล่ะครับ
คติประจำใจว่า “รอเข้าไป สักวันคงได้ดี”
วิกฤตแบบนี้ มองเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของผู้คนมากมาย
โดยเฉพาะผู้คนทั่วไปที่ประสบปัญหาใดๆ ก็มักเริ่มมีคิดว่า
“เป็นเรื่องของเวรกรรม”
นั่นเป็นการคิดเพื่อให้สบายใจ ถามจริงๆ เถอะครับว่า
“ถ้าท่านมองเห็นโอกาสสุขสบายได้จริง ไม่ใช่ความฝัน ท่านจะลงมือทำให้เกิดความสุขสบายนั้นไหมครับ?”
ลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ “ผู้นำแห่งชีวิต” ของท่านเองได้แล้ว
มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อรอการช่วยเหลือ
แต่เกิดมาเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาโลกในเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
เพียงแต่ว่า ในสถานการณ์แต่ละอย่าง “ใคร” จะกล้าขึ้นมาเป็นผู้นำ?
บทความโดย Trainerpatt
ไม่มีความเห็น