สอนอย่างไร..ให้เด็กเป็นคนเก่ง


อุปสรรคจะช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จในการเรียน

สอนเด็กอย่างไรให้ “เก่ง”

โดยธรรมชาติเด็กทารกและเด็กเล็กจะมีแรงจูงใจจากภายในตัวเขาที่จะมีความสนใจ กระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น อยากเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ปฏิสัมพันธ์ของผู้เลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่มีต่อเด็กจะมีผลอย่างมากต่อการเรียนรู้ของเด็กในอนาคต 

พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กยังคงความกระตือรือร้น และสร้างแรงจูงใจให้เด็กอยากเรียนรู้ได้หลายวิธี โดยการจัดหาของเล่นหรือกิจกรรมที่หลากหลายที่ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ให้ได้สำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างอิสระ ซึ่งการเล่นจะช่วยเปิดโอกาสให้เด็กได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ เป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้กับตนเองอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน ไม่เครียด ซึ่งจะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กสร้างความมั่นใจในความสามารถของตนเองในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้ด้วยตนเอง

ซึ่งการที่เด็กยังคงสามารถสร้างแรงจูงใจ มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ มุ่งมั่น มั่นใจในการจัดการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคได้ จะช่วยให้เด็กประสบผลสำเร็จในการเรียน และเป็นเด็ก “เก่ง” ได้ความหวัง

การให้คำชมเชย ให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นแรงเสริมทางบวกให้เด็กอยากพยายามมากขึ้น การให้คำชม ควรทำอย่างเหมาะสมและเจาะจงกับงานที่เด็กได้พยายามทำ เช่น “วาดรูปเครื่องบินที่มีรายละเอียดมากขนาดนี้มันยากมากแต่ลูกก็พยายามวาดจนเสร็จ” จะเป็นการให้กำลังใจมากกว่าการพูดว่า “ลูกวาดรูปเก่ง” และไม่ควรชมพร่ำเพรื่อมากเกินไป

ในเด็กเล็ก ๆ นั้น ถ้าเด็กได้ลองพยายามทำในสิ่งที่ยากและท้าทายแล้ว ถึงแม้จะทำไม่เสร็จ แต่ได้พยายาม พ่อแม่ก็ควรชมเชยในความพยายามของลูกด้วย

การจัดกิจกรรมและประสบการณ์ที่หลากหลายให้ลูกได้สัมผัส และให้ได้เลือกทำในสิ่งที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือนิทานกับลูกให้ลูกได้ฝึกเล่าเรื่อง เล่นกีฬากับลูก หรือให้ลูกได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ ดนตรี หรือธรรมชาติ ท่องเที่ยวไปตามที่ต่าง ๆ จึงช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้ค้นพบว่าลูกสนใจอะไร และมีความสามารถพิเศษด้านใด และหาทางสนับสนุนให้ได้สูงสุดตามศักยภาพของเขา โดยไม่บังคับหรือคาดคั้นให้ทำให้ได้มากอย่างที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะการถูกบังคับหรือมีความเครียดจะสกัดกั้นการเรียนรู้ของเด็ก

ส่วนในวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จในการเรียน หรือเรียนเก่ง เป็นผลสะสมระยะยาวจากการเลี้ยงดูในอดีตตั้งแต่เล็ก ๆ สภาพแวดล้อมที่เอื้อให้มีการเรียนรู้ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน รวมกับระดับสติปัญญาของวัยรุ่น ความมั่นใจในความสามารถของตน ความต้องการที่จะสำเร็จ จะส่งผลให้วัยรุ่นสัมฤทธิ์ผลทางการศึกษา

การเลี้ยงดูโดยการที่พ่อแม่ให้ความรักความอบอุ่นใกล้ชิด และมีการวางกฎแต่พอเหมาะพอควร มีความคาดหวังในการศึกษาของลูก มีการพูดคุยให้เหตุผล และให้วัยรุ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และพ่อแม่ก็มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องการศึกษาของลูกจะมีลูกที่สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปล่อยปละละเลยมากเกินไป หรือเข้มงวดมากเกินไป โอกาสที่ลูกจะ “เก่ง” หรือประสบผลสำเร็จทางการศึกษาก็มีน้อยกว่า

หมายเลขบันทึก: 473802เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2012 20:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 23:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สอนให้ดีก่อนแล้วจะเก่งตามมาครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท