ทำบุญอย่างไร จึงไม่ได้บุญ
ทำบุญอย่างไร จึงไม่ได้บุญ
คำว่าบุญในพระพุทธศาสนา อธิบายไว้ 3 ลักษณะ คือ :-
๑. กล่าวโดยสภาพ ได้แก่สิ่งที่ชำระล้างสันดานที่หม่นหมองให้ผ่องใส
๒. กล่าวโดยเหตุ ได้แก่การทำคุณงามความดีในรูปแบบต่าง ๆ
๓. กล่าวโดยผล ได้แก่ความสุขกายสบายใจ
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การทำบุญนั้นจะต้องมีเงินจึงจะทำได้ เพราะเข้าใจว่าการบริจาคทรัพย์เท่านั้นจึงจะเป็นบุญ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ บุญก็จะต้องใช้ทรัพย์แลกเท่านั้น จึงจะได้บุญ ถ้าคนส่วนใหญ่เข้าไปวัดก็มักจะถูกเชิญชวนให้บริจาคเงินเพื่อจะได้บุญ แล้วจะต่างกันอย่างไรกับคนขายลอตเตอรี่
แต่ถ้าเรารู้ความหมายของคำว่า บุญ คือการชำระจิตใจให้สะอาดแล้วเราก็เข้าใจทันทีว่า ทางที่จะให้เกิดบุญนั้นมีมากมาย คนจนอาจทำบุญได้มากกว่าคนมั่งมีด้วยซ้ำ ถ้าทำเป็น ปัญหาจึงอยู่ที่”ทำได้” หรือ “ทำเป็น” และถ้าคนไม่มีเงิน ทำอย่างไรจึงจะได้บุญ ฉะนั้น พระพุทธศาสนา จึงให้หลักการทำบุญไว้ ๑๐ ประการคือ :-
๑. บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการให้ทาน เรียกว่า ทานมัย
๒. บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการรักษากาย วาจา ให้เรียบร้อย หรือรักษาศีล เรียกว่า สีลมัย
๓. บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการอบรมจิตใจให้สงบและให้เกิดปัญญาเรียกว่า ภาวนานัย
๔. บุญสำเร็จได้ ด้วยความอ่อนน้อมต่อท่านผู้เจริญกว่าโดยชาติ โดยคุณวุฒิหรือโดยวัยตามความเหมาะสม เรียกว่า อปจายนมัย
๕. บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการช่วยขวนขวายในการทำความดีของผู้อื่น เช่น ช่วยเป็นธุระออกแรง หรือออกความคิด เรียกว่า เวยยาวัจจมัย
๖. บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการฟังธรรม เรียก ธัมมัสสวนมัย
๗. บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการแสดงธรรม หรือชี้แจงหลักการแห่งเหตุและผลให้ผู้อื่นฟัง เรียก ธัมมเทศนามัย
๘. บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการแบ่งส่วนบุญแก่คนอื่น เรียกว่า ปัตติทานมัย
๙. บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญของคนอื่น คือพลอยยินดีในการทำคุณงามความดีของคนอื่น เรียก ปัตตานุโมทนามัย
๑๐.บุญสำเร็จได้ ก็ด้วยการทำความคิดเห็นให้ถูกให้ตรง เช่น เห็นว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เรียก ทิฏฐุชุกรรม
รู้เช่นนี้แล้ว ใครอยากได้บุญก็จงปฏิบัติเอา คำป่าวประกาศเชิญชวนทำบุญก็เป็นวิธีการช่วยให้เราได้ทำบุญ การบริจาคเงินก็ได้บุญเพียงส่วนหนึ่ง แต่อีกเก้าส่วนละ จะทำอย่างไร จึงจะได้บุญ โดยไม่ต้องใช้สตางค์
